เมื่อกล่าวถึงธรรมชาติของเด็กๆ กับคำว่าของเล่น เชื่อว่าเป็นของคู่กันตลอดมา โดยของเล่นมักจะมีหลายรูปบบตามความชอบความสนใจ เพศและวัย ตามพัฒนาการของพวกเขาเอง เด็กทุกคนจะมีจินตนาการในการเล่นของเล่นแต่ละชนิดmี่ต่างกัน เช่น เด็กผู้หญิงจะมีจินตการเรื่องของนิทานเจ้าหญิง เจ้าชาย ตุ๊กตาน่ารัก ๆ ส่วนเด็กผู้ชายก็จะเป็นจินตนาการเกี่ยวกับการต่อสู้ การแข่งขัน พละกำลังหรือความเร็ว เป็นต้น เด็กในชนบท เรียกได้ว่าเป็นเด็กที่อยู่ในพื้นที่ที่ขาดแคลนงบประมาณในการหาซื้อของเล่นคุณภาพดี ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้ นั่นจึงเป็นผลของการสร้างจินตนาการ ทางด้านการผลิดของเล่นจำลอง ที่ประหนึ่งว่าเป็นของจริง เพื่อนำมาเล่นในกลุ่มตลอดจนนำมาเป็นเกมการแข่งขันขึ้นในกลุ่มหรือระหว่างกลุ่มขึ้นมาเพื่อความสนุกสนาน และแฝงไปด้วยทักษะการคิดคำนวน การประดิษฐ์ รวมถึงงานศิลปะออกมาได้อย่างน่าทึ่งเลยทีเดียว "ครูครับ...ช่วยเป็นกรรมการให้หน่อยครับ " เด็กผู้ชายกลุ่มหนึ่งพูดขึ้นพร้อมโชว์รถของเล่นกระดาษที่พวกเขาได้พับและตกแต่งออกมาให้ใกล้เคียงกับรถแข่งของจริง ทว่ามันเป็นรถกระดาษจิ๋วที่พวกเขาได้พับขึ้นมาโดยกระบวนการที่ยากพอดู แล้วตกแต่งตามใจชอบของพวกเขาออกมามีลักษณะคล้ายรถในสนามแข่งขันจริงๆ จากนั้นมีการตรวจสอบความสมดุลของรถแข่งกระดาษแต่ละคัน และเมื่อรถของแต่ละคนมีความพร้อมของเครื่องยนต์ สภาพรถ รวมถึงความเร็วที่เจ้าของมั่นใจว่าจะสามารถแข่งกับรถแข่งของเพื่อน ๆ ได้แน่นอน จึงเกิดข้อตกลง กติการการแข่งขันขึ้นว่า หากรถคันในวิ่งได้ไกลว่าคันอื่นๆ คันนั้น จะเป็นสุดยอดรถแข่งในรอบนั้น และเป็นตัวแทนในการแข่งขันกับกลุ่มอื่นๆในรอบต่อไป และหน้าที่กิตติมศักดิ์ที่คุณครูจะได้รับเสมอมา คือ กรรมการตัดสินด้านความแรงและความเร็ว ซึ่งการที่จะให้รถแต่ละคันแร็วและแรงนั้น ต้องอาศัยแรงลม ลมเป่าของใครของมันนั่นเอง เมื่อทุกคนทุกคันพร้อมที่จะแข่งขันแล้ว ผู้เข้าแข่งขันและรถแข่งจะอยู่ตรงจุดสตาร์ท ที่กลุ่มกำหนด และกรรมการตัดสินความเร็ว (คุณครู) จะอยู่ตรงจุดเส้นชัย หรือตรงข้ามจุดสตาร์ท ตามที่กลุ่มกำหนดระยะไว้กันเอง เมื่อกรรมการให้สัญญาน "1 2 3 " เจ้าของรถทุกคนจะเริ่มออกตัว เอ้ย! เป่าลมเต็มแรงเข้าท้ายรถแข่งกระดาษของตนเอง ใครแรงเยอะ ลมเป่าก็จะมีมาก ความเร็วก็จะมากขึ้นด้วย ส่วนคนแรงน้อยต้องอาศัยความถี่ในการเป่าลมให้บ่อยขึ้นแต่มีกติกาว่า เจ้าของรถห้ามออกจากเส้นสตาร์ทที่กำหนด หากมีอวัยวะใดออกจากเขต ถือว่าผิดกติกาทันที และจะถูกปรับแพ้โดยปริยาย กรรมการมีหน้าที่นั่งจ้องดูรถแข่งที่วิ่งมาตามแรงลม แล้วเมื่อรถแต่ละคันหยุด นั่นคือหน้าที่กรรมการที่จะตัดสินว่าคันไหนคือรถที่ชนะการแข่งขัน โดยดูจากรถที่วิ่งเข้ามาใกล้เส้นชัยที่สุด ตามลำดับ และเมื่อได้ผู้ชนะแล้ว ก็จะมีการนำรถที่ชนะไปเเข่งขันกับรถคันอื่นๆที่ชนะมาแล้ว จากนั้นคือการคัดเลือกสุดยอดรถแข่งประจำห้อง หรือประจำโรงเรียน ซึ่งนาทีนี่เจ้าของรถจะเนื้อหอมมากๆ เพราะจะมีแฟนคลับเยอะๆมาถามไถ่เคล็ดลับการพับรถแข่งอย่างไรให้แล่นเร็วและไกลเช่นนี้ รวมทั้งจะกลายเป็นพี่เลี้ยงสอนน้องๆ หรือเพื่อนๆ ในการพับรถแข่งไปเสียด้วย นาทีนี้ สิ่งที่คนเป็นครูต้องคอยกำชับตักเตือนพวกเขาคือการแบ่งเวลาในการเล่นที่ถูกต้อง รวมถึงห้ามแอบฉีกสมุดตัวเองไปพับรถเล่นหมดจนไม่มีสมุดเขียนแบบฝึกหัด รวมถึงพฤติกรรมการเล่นร่วมกันที่ต้องมีน้ำใจนักกีฬา รู้ ยอมรับผลการแข่งขันนั่นเอง รถแข่งกระดาษ นับว่าเป็นของเล่นที่สร้างจากจินตนาการของเด็ก และส่วนใหญ่จะเป็นเด็กผู้ชาย ที่ชอบในเรื่องของการแข่งขันความเร็วของรถ การคิดที่จะประดิษฐ์ของเล่นขึ้นมา การเรียนรู้ที่จะเล่น หรืออยู่ร่วมกับคนอื่นภายใต้กติกาการแข่งขันที่กำหนด เป็นการเรียนปนการเล่นที่เป็นการสร้างทักษะชีวิตให้พวกเขาที่จะสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้เป็นอย่างดี