วันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคม 2566 พรีเมียร์ลีกจะมีเกมนัดสำคัญระหว่าง แมนยู vs ลิเวอร์พูล เป็นศึกแดงเดือดครั้งที่ 2 ในฤดูกาลนี้ หลังจากในเกมแรกเกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นฤดูกาลที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด เกมในวันนั้นเป็นฝั่งเจ้าบ้านแมนยู เอาชนะไปด้วยสกอร์ 2-1 โดยเป็นฝ่ายได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจาก จาดอน ซานโช และมาร์คัส แรชฟอร์ด ส่วนลิเวอร์พูลมายิงคืนได้ช่วงท้ายเกมจาก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แต่ก็ไม่ทันทำให้ปีศาจแดงสามารถล้างแค้นได้สำเร็จหลังจากฤดูกาลที่แล้วเป็นฝ่ายต้องแพ้ไปก่อนเกมแดงเดือดในนัดแรกกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ชัยชนะในเกมนั้นเหมือนเป็นการปลุกให้ปีศาจแดงตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เป็นจุดเริ่มต้นของฟอร์มการเล่นที่ดีในฤดูกาลนี้ ก่อนที่ เอริค เทนฮาก จะค่อยๆพัฒนาปรับปรุงแก้ไขจนกลายร่างมาเป็นแมนยูที่แข็งแกร่งอย่างในปัจจุบันนี้ ส่วนศึกแดงเดือดนัดที่สองในวันอาทิตย์นี้ เมื่อดูจากภาพรวมแมนยูยังคงเป็นทีมที่ดีกว่า และมี 3 เหตุผลสำคัญ ที่เชื่อว่าปีศาจแดงมีโอกาสที่จะเก็บชัยชนะได้ทั้งไปและกลับ ล้างแค้นคืนแบบทบต้นทบดอก1. ขุมกำลัง และความมั่นใจเมื่อเรามองจากขุมกำลังในตอนนี้ พูดได้เต็มปากว่าแมนยูดูแข็งแกร่งว่าเยอะพอสมควร เริ่มจากผู้รักษาประตู ดาบิด เด เคอา และ อลีสซง เบ็คเกอร์ ล้วนแต่ฝีมืออยูในระดับโลก เดเคอา อาจจะเป็นรองในการเล่นบอลด้วยเท้า แต่ก็มีจังหวะเซฟมหัศจรรย์มาทดแทน รวมถึงไม่มีจังหวะพลาดง่ายๆจนทำให้เสียประตูอีกด้วย ส่วนแนวรับตอนนี้ในลีกเสียไป 28 ประตูเท่ากันทั้งสองทีม คู่เซ็นเตอร์ วาราน/มาร์ติเนซ , ฟานไดจ์/โคนาเต้ มีความแข็งแกร่งใกล้เคียงกันมาก แต่แมนยูจะดูดีกว่าในตำแหน่งแบคที่เล่นเกมรับได้น่าไว้ใจกว่ากันเยอะ ส่วนเกมรุกในลีกจนถึงตอนนี้ ลิเวอร์พูลยิงได้มากกว่า 1 ประตู แต่ถ้านับเฉพาะ 5 เกมหลังสุด แมนยูยิงไป 11 ประตู ในขณะที่ลิเวอร์พูลยิงได้เพียง 6 ประตูเท่านั้น แสดงให้เห็นว่าปัจจุมันแนวรุกของปีศาจแดงมีความอันตรายมากกว่า ในส่วนของแดนกลาง เป็นสิ่งที่แตกต่างกันชัดเจน แมนยูมีแดนกลางเป็นจุดแข็งนำทัพโดย คาเซมิโร่ เป็นคนคุมจังหวะเกมทั้งรับและรุก ส่วนลิเวอร์พูลแดนกลางคือจุดอ่อนที่สุดในฤดูกาลนี้ และมักจะตกเป็นรองคู่แข่ง ส่วนนักเตะที่เด่นที่สุดก็กลับกลายเป็น สเตฟาน บายเซติช ดาวรุ่งวัย 18 ปี ที่ยังไม่สามารถฝากความหวังได้มากนัก 2. วิธีการเล่น แพ้ทางกันถ้าหากลองมองย้อนกลับไปเมื่อฤดูกาลที่แล้ว เหตุผลที่แมนยูต้องเป็นฝ่ายแพ้ทั้งสองเกม ก็เพราะวิธีการเล่นที่แพ้ทางกันสุดๆ ในฤดูกาลนี้ก็เช่นกันเพียงแต่ทุกอย่างกลับด้าน แมนยูกลายเป็นทีมที่เล่นบอลเร็วขึ้น จ่ายบอลแม่นยำ แดนกลางไล่บีบเพรสซิ่งเก่ง เปลี่ยนจากเกมรับเป็นเกมรุกได้เร็ว มาร์คัส แรชฟอร์ด ก็สวมบทโหดพร้อมปิดบัญชีทุกครั้งที่มีโอกาส ในขณะที่ลิเวอร์พูล กลายเป็นทีมที่เล่นบอลช้าลง ความผิดพลาดมีมากขึ้น จ่ายบอลพลาดกันง่ายๆให้เห็นเป็นประจำ แนวรุกใช้โอกาสเปลือง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กลายเป็นเหมือนคนละคนความอันตรายลดลงไปเยอะ ที่น่าแปลกคือมักจะแพ้ทางให้กับทีมที่เล่นเพรสซิ่งเก่ง และการป้องการเกมรุกเร็วก็ทำได้แย่มาก จะเห็นได้ว่าข้อดีหลายๆอย่างของแมนยูในตอนนี้ มันกลายเป็นสิ่งที่นักเตะลิเวอร์พูลไม่ชอบ และมักจะก่อความผิดพลาดให้เห็นกันจนชินตา3.โอกาสในการคว้า 4 แชมป์ เรื่องตลกร้ายอีกอย่างก็คือ เมื่อฤดูกาลที่แล้วลิเวอร์พูลเป็นทีมเดียวที่ได้ลุ้น 4 แชมป์แต่ก็คว้ามาได้เพียง 2 แชมป์ ส่วนในฤดูกาลนี้แมนยูกลายเป็นทีมเดียวที่ยังมีลุ้น 4 แชมป์ และก็คว้ามาได้แล้ว 1 รายการ ทำให้ตอนนี้นักเตะปีศาจแดงกำลังมีความมั่นใจสูง มีความกระหายใจชัยชนะที่มากกว่า พร้อมทั้งมีแรงจูงใจอย่างสูงสุดในการลงเล่นทุกเกมที่เหลืออยู่ เมื่อลิเวอร์พูลเคยมีโอกาสแล้วทำไม่ได้ แต่ถ้าแมนยูทำได้เพียงแค่ ทริปเปิลแชมป์ ก็มากพอต่อการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมทั้งแซงหน้าทีมคู่รักคู่แค้นไปอยู่ในจุดที่ควรจะเป็นได้อีกครั้ง ซึ่งแรงกระตุ้นทั้งหมดนี้จะมีส่วนสำคัญในการพาทีมบุกมาเอาชนะถึงสนามแอนฟีลด์ ศึกแดงเดือด จัดว่าเป็นเกมที่มีความพิเศษอย่างมาก เนื่องจากทั้งสองทีมมักจะมีพลังแฝงทำให้แต่ละเกมสู้กันได้อย่างสนุก แน่นนอนว่าเกมในวันอาทิตน์ที่จะถึงนี้ มองตามหน้าเสื่อแล้ว แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายที่มีโอกาสจะบุกมาเก็บชัยชนะได้มากกว่า แต่ฟุตบอลลูกกลมๆก็มักจะมีอะไรที่คาดไม่ถึงอยู่เสมอ ไม่ว่าสุดท้ายแล้วผลการแข่งขันจะออกมาแบบไหน ก็เชื่อว่าทั้งสองทีมจะสู้กันเต็มที่คุ้มค่าสำหรับแฟนบอลที่เฝ้ารอชมอย่างแน่นอนถ้าหากเพื่อนๆชอบในการวิเคราะห์ของเรา หรืออยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพิ่มเติม รบกวนฝากกดติดตามบทความอื่นๆของเราได้ทั้ง 2 ช่องทางด้านล่างนี้เลย ขอบคุณครับTrueid : NPK Footballstyleเพจ Facebook : NPK Footballstyleเครดิตภาพภาพปก Manchester United/ Man United/Man Unitedภาพ1 Manchester Unitedภาพ2 Manchester Unitedภาพ3 Manchester Unitedภาพ4 Manchester United ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !