ศึกชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกก็ได้คู่ชิงเป็นที่เรียบร้อย ได้แก่ เสือเหลืองโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ พบ ราชันชุดขาวเรอัลมาดริด ที่สนามเวมบลีย์เวลาตี2 วันที่2 เดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ทางฝั่ง เรอัลมาดริด การเข้าชิงถือ เป็นเรื่องปกติมากๆสำหรับพวกเขา เพราะคาร์โลอันเชล็อตติพึ่งพาเรอัลมาดริดผงาดแชมป์ยูฟ่าครั้งล่าสุดเมื่อปี 2022 ที่ผ่านมาแต่กลับกันทางฝั่งโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์นั้นเข้าชิงยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกครั้งล่าสุดต้องย้อนไกลถึง11ปีที่แล้ว พวกเขานั้นได้เข้าใกล้ถ้วยยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกมากที่สุดซึ่งในปีนั้นได้เข้าชิงกับ บาเยิร์นมิวนิค แต่ก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปหลังจากวันนั้นโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ ก็ไม่ได้เข้าใกล้กับความหวังที่จะได้สัมผัสถ้วยแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกอีกเลย การเข้ามาคุมทีมของ เอดิน แทร์ซิช วัย 41ปี สำหรับแฟนบอลเสือเหลืองนั้นนับว่าเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี เพราะเอดิน แทร์ซิช นั้นได้เคยเป็นผู้ช่วยโค๊ดในช่วงซัมเมอร์ 2018 ก่อนดอร์ทมุนท์จะเห็นว่ามีแววถูกดันมาคุมทีมในช่วงปลายปี 2020 ผลงานการคุมทีมของ เอดิน แทร์ซิช ถือได้ว่าอย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียวหลังพาทีมเสือเหลืองโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ คว้าแชมป์ เดเอ็ฟเบ-โพคาล ได้สำเร็จก่อนจะต้องย้ายไปรับตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค หลังจากที่สโมสรได้เลือกแต่งตั้งให้ มาร์โกโรเซ่ เข้ามารับบทเฮดโค้ชในช่วงซัมเมอร์ปี 2021 ซึ่งการกลับมาคุมทีมแบบเต็มรูปแบบของ เอดิน แทร์ซิช ทางบอร์ดบริหารของ โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ ได้ให้เวลาสร้างทีมถึงปี 2025 ซึ่ง เอดิน แทร์ซิช เองก็ไม่ทำให้ผิดหวังหลังพาทีม เสือเหลืองโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ ได้ที่2 ในศึกบุนเดสลีกา หลังแพ้หลังลูกได้เสียกับทางฝั่ง บาเยิร์น มิวนิค หลังมีแต้มเท่ากันที่ 71แต้มซึ่งในฤดูกาลนี้แม้พวกเขาจะอยู่อันดับที่ 5 แต่ก็การันตีได้ไปเล่นยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกเป็นที่เรียบร้อยหลังจากที่ทางลีกบุนเดสลีกาได้โควต้า 5ทีม ไปเล่นยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก และใครจะไปเชื่อว่า โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ จะทะลุมาถึงรอบชิงชนะเลิศได้เพราะตั้งแต่รอบ group stage พวกเขาได้รับฉายาว่าเป็นทีมใน group of death เป็นทีมที่ไปรอดแน่ๆเพราะมีทั้ง ปารีส แซ็ง แฌร์แม็งเอซีมิลาน นิวคาสเซิลเซิลยูไนเต็ด แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ เลย เพราะพวกเขาสามารถเป็นถึงแชมป์กลุ่มและเก็บได้ถึง 11แต้มสำหรับสถิติที่น่าสนใจสำหรับผู้ชิงแมตนี้ทางฝั่งของ โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ ยิงไปทั้งหมดในทัวร์นาเมนต์นี้ที่ 17ประตู เสียไปเพียง 9ประตูเท่านั้นส่วนทางฝั่งเรอัลมาดริดพวกเขายิงไปถึง 26 ประตู เสีย 15ประตู และมี3 ประสานตัวเก่งอย่าง จู๊ด เบลลิงแฮม วินิซิอุสจูเนียร์ และโรดรีโก้แม้ว่าคนทั้งโลกจะมองว่า โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ นั้นเป็นรองเรอัลมาดริด เป็นอย่างมาก แต่การเข้ามาถึงรอบชิงได้นั้นของ โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ ก็คงจะไม่ใช่งานง่ายที่ทำให้ เรอัลมาดริด เป็นแชมป์สมัยที่ 15 ได้อย่างง่ายๆอย่างแน่นอนวิเคราะห์ผลการแข่งขันสถิติ5นัดหลังสุดเรอัล มาดริด 3-2 โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์เรอัล มาดริด 3-1 โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์เรอัล มาดริด 2-2 โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์เรอัล มาดริด 2-2 โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์เรอัล มาดริด 0-2 โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ซึ่งเรอัลมาดริด เอาชนะไปได้ถึง 2เกม เสมออีก 2เกม และแพ้อีก 1เกมโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ เอาชนะได้ 1เกม เสมอ 2เกม และแพ้ 2เกมโดยภาพรวม เรอัลมาดริด ยังคงเหนือกว่า โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ อยู่เล็กน้อยแต่ด้วยประสบการณ์ต่างๆของเรอัลมาดริดที่ต้องบอกว่าเหนือกว่า โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ เอามากๆจึงทำให้เรอัลมาดริดได้เปรียบในส่วนนี้ไปด้วยผลการคาดการณ์เรอัล มาดริด 2-0 โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ภาพปกที่ : รูปที่1 จาก UEFA Champions League รูปที่2 จาก Jude Bellingham รูปที่3 จาก Borussia Dortmund รูปที่4 จาก UEFA Champions League รูปที่5 จาก POOJA!!! รูปที่6 จาก UEFA Champions Leagueรูปภาพที่1 : จากทวิตเตอร์ทีม เรอัลมาดริดรูปภาพที่2 : จากทวิตเตอร์ทีม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์รูปภาพที่3 : จากทวิตเตอร์ทีม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์รูปภาพที่4 : จากทวิตเตอร์ UEFA Champions League ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !