
รู้จัก สกอตตี้ เชฟเฟลอร์ ว่าที่ 'นิวแจ็ค นิคลอส' แห่งวงการกอล์ฟยุคใหม่

สกอตตี้ เชฟเฟลอร์ (Scott Alexander Scheffler) คือหนึ่งในนักกอล์ฟอาชีพชาวอเมริกันที่สร้างชื่อเสียงอย่างโดดเด่นและกลายเป็นปรากฏการณ์ในวงการกอล์ฟโลกยุคปัจจุบัน เกิดเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ค.ศ. 1996 ที่เมืองริดจ์วูด รัฐนิวเจอร์ซีย์ ก่อนจะย้ายที่อยู่มายังเมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส ในวัยเพียง 28 ปี เชฟเฟลอร์ได้ก้าวขึ้นสู่การเป็นนักกอล์ฟชายมือหนึ่งของโลก มีจุดเด่นที่ความสม่ำเสมอในการเล่น และมีความสามารถคล้ายกับตำนานอย่าง แจ็ค นิคลอส
เชฟเฟลอร์ รู้จักกอล์ฟตั้งแต่อายุ 3 ขวบ เมื่อพ่อแม่มอบชุดไม้กอล์ฟและลูกกอล์ฟพลาสติกให้เป็นของเล่น เริ่มฝึกซ้อมโดยการตีลูกปิงปองภายในบ้าน พยายามควบคุมทิศทางของลูกให้โค้งจากห้องหนึ่งไปยังอีกห้องหนึ่ง แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์และความมุ่งมั่นตั้งแต่วัยเยาว์ หลังจากครอบครัวย้ายมาอยู่ที่ดัลลัส รัฐเท็กซัส เชฟเฟลอร์ก็เริ่มต้นเข้าทีมกอล์ฟเยาวชนและประสบความสำเร็จอย่างงดงาม
ปี 2004 ถึง 2010 เชฟเฟลอร์ คว้าชัยชนะถึง 75 รายการจาก 136 ทัวร์นาเมนต์ที่ลงเล่นใน Northern Texas PGA junior circuit โดยต้องแข่งขันกับนักกอล์ฟท้องถิ่นที่มีความสามารถที่ปัจจุบันก็เป็นโปรคนดังอย่าง วิล ซาลาทอริส จากนั้นในช่วงวัยรุ่น เชฟเฟลอร์ สร้างสถิติอันน่าทึ่งด้วยการคว้าแชมป์ระดับรัฐสามปีติดต่อกัน (2012-2014) เทียบเท่ากับสถิติของรุ่นพี่จากรัฐเท็กซัสอย่าง จอร์แดน สปีธ และยังทำผลงานได้ดีในรายการของ AJGA (American Junior Golf Association) และคว้าแชมป์ U.S. Junior Amateur ในปี 2013 เอาชนะ เดวิส ไรลีย์ ทำให้ด้รับการจัดอันดับให้เป็นนักกอล์ฟเยาวชนอันดับหนึ่งของประเทศในปี 2014
หลังจากจบมัธยมปลาย เชฟเฟลเลอร์เข้าศึกษาต่อที่ มหาวิทยาลัยเท็กซัส (University of Texas at Austin) ซึ่งเขากลายเป็นกำลังสำคัญของทีมกอล์ฟ Longhorns ตลอดสี่ปีที่นั่น (2014-2018) เขาช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ Big 12 ถึงสามสมัย และนำทีมเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศของการแข่งขัน NCAA Championship ถึงสามครั้ง แม้ว่าทีมจะไม่สามารถคว้าแชมป์ระดับชาติมาได้ แต่เชฟเฟลอร์ก็เก็บเกี่ยวรางวัลส่วนตัวมากมาย รวมถึงรางวัลสำหรับเด็กปีหนึ่งอย่างรางวัล Phil Mickelson Freshman of the Year Award ในปี 2015 และ All-American นอกจากนี้ เขายังได้รับรางวัล Big 12 Scholar Athlete of the Year และเข้าชิง Ben Hogan Award
ช่วงที่เป็นนักกอล์ฟสมัครเล่น เชฟเฟลอร์ยังมีโอกาสลงเล่นใน เมเจอร์ ยูเอส โอเพ่น ผ่านการตัดตัวได้ในปี 2017 และคว้าตำแหน่งนักกอล์ฟสมัครเล่นที่ทำคะแนนได้ต่ำที่สุด (Low Amateur) ในรายการนั้น ซึ่งเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพในการแข่งขันกับโปรกอล์ฟระดับโลกตั้งแต่ยังไม่เข้าสู่ระดับอาชีพ
หลังจากสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเท็กซัสในปี 2018 สกอตตี้ เชฟเฟลอร์ก็ตัดสินใจเข้าสู่วงการกอล์ฟอาชีพอย่างเต็มตัว ต้องผ่านการคัดเลือก พีจีเอทัวร์ ในวันจันทร์หรือ Monday Qualifiers แต่ไม่นานเกินรอในเดือนธันวาคม 2018 ก็ได้รับสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันใน คอร์น เฟอร์รี่ ทัวร์ (Korn Ferry Tour) ซึ่งเป็นทัวร์รองระดับกึ่งอาชีพของพีจีเอทัวร์ ในฤดูกาล 2019
ในฤดูกาลแรกใน คอร์น เฟอร์รี่ ทัวร์ เชฟเฟลอร์ สร้างผลงานที่โดดเด่นอย่างรวดเร็ว เขาคว้าชัยชนะถึงสองรายการ ได้แก่ Evans Scholars Invitational และ Nationwide Children's Hospital Championship ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Korn Ferry Tour Finals ความสำเร็จเหล่านี้ส่งผลให้เขาจบฤดูกาลด้วยการเป็นผู้นำในตารางคะแนนสะสม และได้รับรางวัลอันทรงเกียรติอย่าง Korn Ferry Tour Player of the Year และ Korn Ferry Tour Rookie of the Year ในปี 2019 ความสำเร็จนี้เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เขาได้รับสิทธิ์เข้าแข่งขันใน พีจีเอ ทัวร์ อย่างเต็มตัวในฤดูกาล 2019-2020
ฤดูกาล 2019-2020 วงการกีฬาทั่วโลกได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่เชฟเฟลอร์ก็ยังมุ่งมั่นกับการเล่นอย่างเต็มกำลังต่อไป จบฤดูกาลด้วยการคว้าตำแหน่งรุกกี้ยอดเยี่ยมหรือ PGA Tour Rookie of the Year ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันความสามารถของเขาในฐานะคลื่นลูกใหม่ที่น่าจับตา แต่ เชฟเฟลอร์ ไม่ใช่คลื่นกระทบฝั่งที่ซัดสาดแล้วหายไป
2ปีถัดจากนั้น สกอตตี้ เชฟเฟลอร์ กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ของวงการกอล์ฟเกิดขึ้นในปี 2022 ในช่วงเวลาเพียงสามเดือน เขาคว้าชัยชนะใน พีจีเอ ทัวร์ ได้ถึง 4 รายการ เริ่มต้นด้วยWM Phoenix Open (กุมภาพันธ์ 2022) นับเป็นชัยชนะรายการแรกในระดับอาชีพ ตามมาด้วย Arnold Palmer Invitational (มีนาคม 2022) และ WGC-Dell Technologies Match Play (มีนาคม 2022) รายการที่แข่งขันแบบแมตช์เพลย์ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่า เขาพร้อมที่จะต่อสู้ในทุกรูปแบบ แชมป์ทั้งสามรายการนี้ทำให้เขาก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนักกอล์ฟมือ 1 ของโลกอย่างเป็นทางการครั้งแรกในวันที่ 27 มีนาคม 2022
ก่อนเข้าสู่เมเจอร์แรกของปี เดอะ มาสเตอร์ส ซึ่งผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจ และด้วยความมั่นใจจากฝีมือและผลงานที่สะสมมาตลอด เชฟเฟลอร์ ไม่พลาดการคว้าแชมป์เมเจอร์แรกที่ เซนต์ แอนดรูว์ ในเดือนเมษายน 2022 และได้สวมใส่ กรีน แจ็คเก็ต เป็นครั้งแรก
ปี 2023 เชฟเฟลอร์ยังรักษาความต่อเนื่อง คว้าแชมป์ The Players Championshipรายการที่ใครๆ ก็ยกย่องให้เป็นเมเจอร์ที่ 5 แห่งวงการกอล์ฟ และป้องกันแชมป์ WM Phoenix Open ได้สำเร็จ
ปี 2024 ถือเป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่น่าจดจำของเชฟเฟลอร์ เขาคว้าชัยชนะใน พีจีเอ ทัวร์ ถึง 7 รายการ ป้องกันแชมป์ Arnold Palmer Invitational ได้อีกครั้ง จากนั้นสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการป้องกันแชมป์ The Players Championship กลายเป็นคนแรกที่ทำได้สำเร็จ
เมเจอร์แรกอาจเป็นเรื่องบังเอิญ แต่คว้าแชมป์เมเจอร์รายการที่สองที่ The Masters Tournament (เมษายน 2024) เป็นเรื่องของฝีมือแน่แท้ และไม่พลาดคว้าเหรียญทองโอลิมปิกในกีฬากอล์ฟชายเดี่ยวที่ Paris 2024 Olympic Games ให้กับทีมชาติสหรัฐอเมริกา รวมถึงการคว้าแชมป์ FedEx Cup ซึ่งเป็นแชมป์สะสมคะแนนตลอดฤดูกาลใน พีจีเอ ทัวร์ และได้รับรางวัล PGA Tour Player of the Year เป็นปีที่สามติดต่อกัน (2022, 2023, 2024) โดยได้รับเสียงโหวตจากเพื่อนร่วมอาชีพถึง 91 เปอร์เซ็นต์
ความสำเร็จของเชฟเฟลอร์ไม่ได้หยุดแค่นั้น ช่วงต้นปี 2025 มือหนึ่งโลกยังคงคว้าชัยชนะอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการคว้าแชมป์เมเจอร์รายการที่สามในอาชีพที่ PGA Championship ในเดือนพฤษภาคม 2025 และกลายเป็นตัวเต็งในทุกเมเจอร์ ทุกรายการที่ลงสนาม
สกอตตี้ เชฟเฟลอร์ ขึ้นสู่ตำแหน่งนักกอล์ฟมือ 1 ของโลกใน Official World Golf Ranking เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2022 ในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา (นับถึงวันที่ 8 มิถุนายน 2025) โปรชาวอเมริกันครองตำแหน่งมือ 1 ของโลกมาแล้วรวม 143 สัปดาห์ มีช่วงที่ครองมือ 1 ของโลกต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 107 สัปดาห์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสถิติการครองอันดับ 1 ที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์กอล์ฟ (อันดับ 3) เป็นรองเพียง ไทเกอร์ วูดส์ และ เกร็ก นอร์แมน เท่านั้น
จุดแข็งของเชฟเฟลอร์อยู่ที่สถิติ Strokes Gained : Tee to Green ที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง มีความสามารถในการเล่น Approach Shot ที่ยอดเยี่ยม ตีลูกจากแท่นทีไปจนถึงกรีนได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพสูง สามารถสร้างโอกาสในการทำสกอร์ให้ต่ำพาร์ได้บ่อยครั้ง ควบคุมเกมในระยะกลางและระยะสั้นได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะการใช้เหล็กด้วยวงสวิงที่มีรูปแบบเป็นของตัวเองแต่ก็ดูผ่อนคลาย ความสามารถตรงนี้ที่คล้ายคลึงกับ แจ็ค นิคลอส ตำนานแห่งวงการกอล์ฟที่คว้าแชมป์มากถึง 18 เมเจอร์ 117 รายการ
การทำสถิติในตำแหน่งมือหนึ่งยาวนาน ทำให้นักวิเคราะห์จำนวนมากเชื่อว่า ความสำเร็จของ เชฟเฟลอร์ อาจเปรียบได้กับ ไทเกอร์ วูดส์ ที่ครองวงการอย่างยาวนาน โดยไม่มีใครโค่นล้ม ด้วยความสามารถในการตีลูก (Ball Striking) ที่ยอดเยี่ยม แทบไม่มีข้อผิดพลาดทั้งไกลและใกล้ รวมถึงการพัตต์มหัศจรรย์ แต่สิ่งที่แตกต่างระหว่างทั้งสอง คือบรรยากาศรอบตัว และการเล่นอย่างดุดัน ไม่ยอมแพ้ของ ไทเกอร์ ทำให้ เชฟเฟลอดูสบายๆ กว่ามาก
อย่างไรก็ดี เชฟเฟลอร์ ยอมรับว่าช่วงปี 2023 หลังจากขึ้นมือหนึ่งของโลกแล้ว ยังมีจุดที่ต้องพัฒนา คือการพัตต์ เมื่อแก้ไขและฝึกซ้อมอย่างหนัก ผลงานในปี 2024 จึงดีขึ้นอย่างชัดเจน
ความพยายามที่จะพัฒนาต่อเนื่องอย่างไม่หยุดยั้งนี่เองเป็นทัศนคติที่แสดงออกถึงความมีวินัย ความมุ่งมั่น และความสามารถในการรักษาสมาธิแม้ภายใต้แรงกดดัน เชฟเฟลอร์ ยังไม่ยึดติดกับชัยชนะในอดีตหรือความผิดหวังเพียงชั่วคราว แต่พุ่งเป้าไปที่กระบวนการในการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
ชีวิตส่วนตัว เชฟเฟลอร์แต่งงานกับ เมเรดิธ สคัดเดอร์ (Meredith Scudder) เชฟเฟลอร์ ซึ่งเป็นเพื่อนสมัยมัธยมปลายที่ Highland Park High School ทั้งคู่เริ่มคบหากันตั้งแต่ปีสุดท้ายในไฮสคูลและแต่งงานกันในเดือนธันวาคม 2020 แม้เรียนมหาวิทยาลัยคนละแห่ง (แต่อยู่ในรัฐเท็กซัสเหมือนกัน) ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ยังคงมั่นคงและแน่นแฟ้น
ปี 2024 ชีวิตของเชฟเฟลอร์ก้าวเข้าสู่บทบาทใหม่ที่สำคัญยิ่ง เมื่อเมเรดิธตั้งครรภ์ลูกชายคนแรกชื่อ เบนเน็ตต์ (Bennett) เดือนพฤษภาคม 2024 นั้นเองจุดเกิดจุดพลิกผันที่ทำให้เชฟเฟลอร์มีกระบวนการคิดใหม่ในชีวิต เพราะเขาเกือบถอนตัวจากเมเจอร์ PGA Championship เพื่ออยู่ดูแลภรรยาที่ใกล้คลอด และเขายอมรับแบบไม่ปิดบังว่าการมีครอบครัวทำให้มุมมองของเขาต่อกอล์ฟเปลี่ยนไป เขาเริ่มตระหนักว่า กอล์ฟไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต แต่เมื่อเข้าสู่สนามแข่งขัน เขายังคงใส่ความตั้งใจเต็มที่ในทุกช็อต นี่คือภาพของนักกีฬาอาชีพที่มีทั้งความเป็นมนุษย์และความเป็นมืออาชีพผสานกันอย่างลงตัว เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าความสมดุลในชีวิตส่วนตัวสามารถเสริมสร้างความสำเร็จในอาชีพได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง