รีเซต
TRUE OPINIONS : ทีมชาติไทย จะจัดทัพอย่างไร (ในนัดเปิดสนาม) คิงส์คัพ 2018 ... by "จอน"

TRUE OPINIONS : ทีมชาติไทย จะจัดทัพอย่างไร (ในนัดเปิดสนาม) คิงส์คัพ 2018 ... by "จอน"

TRUE OPINIONS : ทีมชาติไทย จะจัดทัพอย่างไร (ในนัดเปิดสนาม) คิงส์คัพ 2018 ... by "จอน"
armcasanova
22 มีนาคม 2561 ( 12:31 )
2K

จอน : ในที่สุด ก็ถึงวันที่ใครหลายคนรอคอยแล้วสำหรับการลงสนามนัดแรกอย่างเป็นทางการของ ทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ในปี 2018 ในศึกชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์คัพ ครั้งที่ 46


ทีมชาติไทย ต้องเปิดสนามในรอบรองชนะเลิศ พบ ทีมชาติกาบอง ของเฮดโค้ช โฆเซ่ อันโตนิโอ คามาโช่ ที่แม้จะไร้ดาวยิงอย่าง ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง เจ้าของค่าตัว 58 ล้านปอนด์จาก อาร์เซน่อล ที่ต้องถอนตัวออกไปก่อนการแข่งขันเริ่มเพียง 1 วัน เนื่องจากคุณยายเสียชีวิต แต่ก็ยังมีดาวดังที่เล่นในลีกอังกฤษอย่าง ดิดิเย่ร์ เอ็นด็อง (วัตฟอร์ต), มาริโอ เลอมิน่า (เซาท์แธมป์ตัน) รวมไปถึง บรูโน่ เอคูเอเล่ ม็องก้า (คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้)

แน่นอน มันเป็นงานที่ยากใช้ได้ของ มิโลวาน ราเยวัช เฮดโค้ชชาวเซอร์เบียแห่งทัพช้างศึก แต่ก็คงไม่ยากเกินไป เพราะด้วยศักยภาพของทีมชาติไทยนั้น ก็ไม่ได้ห่างจาก กาบอง เท่าไรนัก แถมยังได้เล่นในสนามราชมังคลากีฬาสถาน ที่คาดว่าจะมีแฟนบอลเข้ามาชมเกมกว่า 3 หมื่นคน


ทั้งนี้ นอกจาก แฟนบอล, สภาพอากาศ และความเคยชินกับสนาม ที่ทำให้ทีมชาติไทย ได้เปรียบ กาบอง นั้น ก็ต้องมีการจัดทีมภายใต้ระบบที่เหมาะสม และฟอร์มการเล่นที่ดีด้วย

ดังนั้น ผมขออนุญาตวิเคราะห์การจัดทีมลงเล่น และระบบการเล่นที่คาดว่า มิโลวาน ราเยวัช จะใช้งานในเกมสำคัญเกมนี้ เพื่อปูทางสู่แชมป์ คิงส์คัพ สมัยที่ 16 และแชมป์ 3 สมัยติดต่อกันของทีมชาติไทย

….

…..

ระบบการเล่น

4-2-3-1 คงไม่มีระบบไหนที่เหมาะเท่าระบบนี้อีกแล้วสำหรับทีมชาติไทย ยุคของ ราเยวัช ซึ่งเป็นระบบที่ทำให้ “ช้างศึก” ฟอร์มดีอย่างต่อเนื่อง และเพิ่งชนะมา 2 เกมล่าสุด ในการอุ่นเครื่อง ((ชนะ เมียนมา 3-1 (เยือน) และชนะ เคนยา 1-0 (เหย้า)) อีกทั้งเฮดโค้ชรายนี้ก็กล่าวออกมาเองว่า ด้วยระยะเวลาการเตรียมทีมแค่ 3 วันก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์ ก็ทำให้การจัดทีม และระบบการเล่น เขาจะยึดผู้เล่นชุดหลัก บวกระบบเดิมไว้ก่อนแน่นอน เพื่อผลการแข่งขันที่ต้องการ

ผู้รักษาประตู

แม้จะมีข่าวว่า ต้นสังกัดตัดสินใจไม่ปล่อยตัวมาร่วมทีม แต่สุดท้าย “เจ้าตอง” กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ นายทวารจาก โอเอช ลูเวิน ในลีกเบลเยียม ก็ได้กลับมารับใช้ชาติจนได้ และน่าจะออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในฐานะกัปตันทีมชาติไทยอีกด้วย ขณะที่นายทวารอีกสองราย อย่าง ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน และฉัตรชัย บุตรพรม คงต้องรอคอยโอกาสที่ม้านั่งสำรองข้างสนาม

แบ็กซ้าย

แบ็กซ้ายธรรมชาติมีอยู่สามคน คือ เควิน ดีรมรัมย์, พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา และธีราทร บุญมาทัน ถ้าเปรียบดีกรีแล้ว ก็คงต้องหลีกทางให้ “บุญจัง” ทำหน้าที่ตรงจุดนี้ ทว่า ความยืดหยุ่นของ ธีราทร มีมากเหลือเกิน และเป็นไปได้ว่า ราเยวัช อาจจะใช้งาน พีระพัฒน์ หรือ เควิน ในตำแหน่งแบ็กซ้าย พร้อมโยกให้ ธีราทร ยืนในพื้นที่ด้านบนมากขึ้น เพื่อแสดงศักยภาพด้านเกมรุกออกมาเต็มๆ เหมือนเกมที่บุกไปเยือน เมียนมา เมื่อปลายปีที่แล้ว แต่โดยส่วนตัวแล้ว ผมอยากให้ ธีราทร ไปยืนในตำแหน่งที่สูงขึ้น และใช้ เควิน ดีรมรัมย์ ตรงพื้นที่แบ็กซ้าย

แบ็กขวา

เป็นตำแหน่งที่มีปัญหาพอสมควร เนื่องจากมีการถอนตัวของ อดิศร พรหมรักษ์ และนฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม ที่ถูกเรียกมาในตอนแรก แถม ทริสตอง โด ที่เตรียมถูกดึงมาสมทบ ก็ยังมีอาการบาดเจ็บอีก สุดท้าย รายชื่อแบ็กขวาธรรมชาติของทีมชุดนี้ก็มีเหลือเพียง 2 ราย อย่าง ฟิลิป โรลเลอร์ จาก ราชบุรี มิตรผล เอฟซี และ นิติพงษ์ เสลานนท์ จาก การท่าเรือ เอฟซี แต่ยังมีคนที่สามารถเล่นได้อีกในตำแหน่งนี้ นั่นคือ มิก้า ชูนวลศรี และมงคล ทศไกร

ถ้าคิดจากความเหมาะสมจากฟอร์มในลีก และธรรมชาติการยืนตำแหน่ง ก็คงหนีไม่พ้น นิติพงษ์ เสลานนท์ แต่ก็แอบคิดว่า ราเยวัช อาจจะใช้ความขยันของ มงคล ทศไกร ให้เป็นประโยชน์ จนส่งลงสนามในตำแหน่งนี้ก็เป็นได้

เซนเตอร์ฮาล์ฟ

กองหลังตัวกลางชุดนี้ มีอยู่ 4 คน คือ เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว, พรรษา เหมวิบูลย์, มิก้า ชูนวลศรี และ ชินภัทร ลีเอาะ โดย มานูเอล ทอม เบียห์ร กับ อดิศร พรหมรักษ์ ตัดสินใจถอนตัวออกไปก่อนหน้านี้ แต่ถึงอย่างไร ก็คิดไม่ยากมากนัก คาดว่า “กัปตันเหลิม” และ “โย่ง” น่าจะได้จับคู่กันเป็นแน่แท้ เพราะทั้งคู่คือคู่เซนเตอร์ตัวหลักของ ราเยวัช มาตั้งแต่ไหนแต่ไร


มิดฟิลด์คู่กลาง และเพลย์เมกเกอร์

สามตัวสำคัญในแดนกลาง ที่จะคอยขับเคลื่อนเกมรุก คอยโฮลด์บอล และคอยสกรีนแนวรุกคู่แข่งก่อนถึงพื้นที่อันตราย ในยุคที่ทีมชาติไทย ไม่มี ธนบูรณ์ เกษารัตน์ และ สารัช อยู่เย็น เป็นตัวเลือก

แน่นอนว่า กองกลางตัวรุก หรือเพลย์เมกเกอร์หลังกองหน้า ย่อมเป็นหน้าที่ของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ชนิดที่ไม่มีใครแย่งโดยเจ้าตัวเพิ่งระเบิดฟอร์มสุดยอดใน เจลีก ญี่ปุ่น เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ด้วยการยิง 1 จ่าย 1 ให้ทีมเก็บสามแต้มอย่างเฉียดฉิวในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ โดยตำแหน่งนี้ มี สุภโชค สารชาติ คอยลุ้นลงเป็นตัวสำรองแทนที่ “เจ้าเจ” ในช่วงท้าย

ส่วนมิดฟิลด์คู่กลางนี่ ต้องคิดหนัก เพราะมีหลายตัวเลือกที่เล่นได้ แต่ที่น่าจะได้ลงสนามแน่นอนนั่นคือ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ กองกลางพันธุ์บ็อกซ์ทูบ็อกซ์ (Box-To-Box) ที่ ราเยวัช ชอบมาก จากความขยัน และไล่ตัดเกมได้ดี รวมถึงพาบอลไปข้างหน้าได้เองอีกด้วย แม้ฟอร์มการเปิดตัวกับ บางกอกกล๊าส ยังไม่โดนใจแฟนบอลเท่าไรนัก

ซึ่งทีนี้ก็จะเหลืออีกคน ที่จะคอยมาโฮลด์บอลแดนกลาง ก็มีตัวเลือกทั้ง ปกเกล้า อนันต์, ธีราทร บุญมาทัน และ จักรพันธ์ แก้วพรม ส่วนตัวผมชอบการเล่นเกมตรงกลางของ “โก๋อุ้ม” อย่างมากเลยนะ แต่ก็ชอบมากกว่า หากเขาได้เล่นริมเส้นทางฝั่งซ้าย ฉะนั้นเลยมองไปที่ จักรพันธ์ แก้วพรม ในตำแหน่งนี้ ซึ่งเขาก็ทำผลงานได้ดีเหลือเกินกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในซีซั่นนี้

กองหน้าฝั่งซ้าย

ถ้า เควิน กับ พีระพัฒน์ ต้องแย่งตำแหน่งแบ็กซ้าย และ ปกเกล้า กับ จักรพันธ์ ต้องแย่งตำแหน่งในแดนกลาง ฉะนั้น ธีราทร บุญมาทัน เท้าซ้ายอันเลอค่าที่สุดของไทยชุดนี้ ย่อมต้องเล่นในตำแหน่งกองหน้าฝั่งซ้ายแน่นอน แบบไม่ต้องสงสัย

กองหน้าฝั่งขวา

ตำแหน่งนี้เป็นสัมปทานของ มงคล ทศไกร มาตลอด เนื่องด้วยความขยัน และมีวินัยในการลงช่วยเกมรับ ซึ่งเข้ากับระบบของ “มิโล” เป็นอย่างดี แต่หากว่า “จ่าเย็น” ต้องลงไปเป็นแบ็คขวาจริงๆ ก็คงต้องหากองหน้าด้านขวามาแทนที่ และหากเปรียบเทียบจากผลงาน ก็คงไม่มีใครเกิน นูรูล ศรียานเก็ม ในชั่วโมงนี้ ที่ได้ในเรื่องของความเร็ว และการเปิดบอลที่โอเคเลย จากผลงานการเป็นจอมแอสซิสต์ 17 ครั้ง เมื่อไทยลีกปีที่ผ่านมา แต่ก็ไม่แน่ เพราะการพบกับ กาบอง ที่มีความแข็งแกร่ง รูปร่างใหญ่ สิโรจน์ ฉัตรทอง กองหน้าจอมถึกอาจจะได้มาตั๊นชนกับกองหลังกาบอง ก่อนก็ได้

ศูนย์หน้าตัวเป้า

หัวหอกตัวเป้า ไม่ต้องคิดให้มันวุ่นวายสมอง มีก็ต้องใช้ เพราะไม่มีใครดีกว่าเขาแล้วในประเทศไทย ผลงาน 2 ประตู ในการลงสนามที่ญี่ปุ่นเพียง 5 เกมแรกทุกถ้วยทุกรายการ ก็การันตีความสามารถของ “เทพมุ้ยซัง” ธีรศิลป์ แดงดา ได้เป็นอย่างดี

บทสรุป 11 ตัวจริงที่คาดว่าน่าจะลงสนามของทีมชาติไทย ในระบบ 4-2-3-1

 

“จอน”

 

ช่องทางการรับชมการถ่ายทอดสดทาง TrueID
ดูสดผ่านแอปพลิเคชั่น ทรูไอดี คลิก >>http://bit.ly/2HtYS2N
ดูสดผ่านเว็บไซต์ ทรูไอดี คลิก >>http://bit.ly/TrueIDSportsLive

ติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

ยอดนิยมในตอนนี้