สวัสดีครับ ห่างหายไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ ร่วมๆ 2 เดือนได้ คิดถึงคุณผู้อ่านสุดๆ และวันนี้ผมก็กลับมากับบทความเกี่ยวกับทีมรักของผมเหมือนเดิม นั่นก็คือ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ตอนแรกผมกะว่าจะไม่เขียนบทความนี้มาแล้วด้วยซ้ำ แต่ด้วยสถานการณ์ ณ ปัจจุบัน มันช่วยให้ต้องเขียนจริงๆ ซึ่งบทความนี้ผมเขียนขึ้นมาหลังจากที่ "สาลิกาดง" นิวคาสเซิล และ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดลงสนามในเกมลีกนัดล่าสุด สำหรับบทความนี้ผมจะเขียนถึงความเป็นไปได้ในการคว้าตั๋วไปลุยฟุตบอล "ยูฟ่า แชมเปียนลีกส์" ของลิเวอร์พูล ความเป็นไปได้จะมีมากน้อยแค่ไปดูกันเลยครับอย่างที่ผมบอกครับว่าตอนแรกไม่ได้คิดจะมีบทความนี้ขึ้นมาเลย เพราะสถานการณ์ก่อนหน้านี้ไม่ได้ชวนให้เขียนเลยแม้แต่นิดเดียว ส่วนตัวคิดว่าลิเวอร์พูลคงไม่มีโอกาสที่จะได้ไป UCL ในฤดูกาลหน้าแล้วด้วยซ้ำ แต่ผลงานในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ที่ดีและกลับอยู่ในร่องในรอยบวกกับผลการแข่งขันของคู่แข่งนั้นมันชวนให้ต้องเขียนจริงๆ โดยเฉพาะในสัปดาห์ล่าสุด ตอนแรกว่าจะไม่หวังอยู่แล้วเชียว แต่แมนยูและนิวคาสเซิลก็มาจุดประกายความหวังให้ลุ้นอีกครั้ง มาทำให้หวังอีกแล้วโดยก่อนที่เกมสัปดาห์นี้จะเริ่มต้นขึ้น นิวคาสเซิลและแมนยูทำแต้มทิ้งลิเวอร์พูลอยู่ที่ 6 และ 4 แต้มตามลำดับ แถมพวกเขาแข่งมากกว่าทีมหงส์แดงทีมละ 1 นัดด้วย ซึ่งถ้าหากพวกเขาชนะเกมสัปดาห์นี้ไปได้ก็จะทิ้งห่างเป็น 9 และ 7 คะแนน โดยที่เหลือการแข่งขันอีก 4 นัด และลิเวอร์พูลเหลืออีก 3 นัด ซึ่งสัปดาห์นี้ทีมสาลิกาดงต้องเปิดบ้านต้อนรับอาร์เซนอลทีมรองจ่าฝูงที่ต้องการชัยชนะเพื่อขับเคี่ยวแย่งแชมป์กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ต่อไป ส่วนแมนยูนั้นต้องออกไปเยือนขุนค้อน เวสต์แฮม ยูไนเต็ดที่กำลังทำคะแนนหนีโซนตกชั้น ซึ่งสุดท้ายผลการแข่งขันนั้นไม่ได้เป็นไปอย่างที่พวกเขาต้องการ กลายเป็นว่าเจ้าของตำแหน่งอันดับ 3 และ 4 ของตารางนั้นล้วนแล้วแต่สะดุดหัวคว่ำกันทั้งคู่ โดยที่นิวคาสเซิลนั้นโดนไอ้ปืนใหญ่บุกมาเชือดคาถิ่น 0-2 และเวสต์แฮมก็เก็บตกจากความผิดพลาดของเดบิด เด เกอาและรักษาผลการแข่งขันไว้ได้จนเฉือนชนะไป 1-0ผลการแข่งขันแบบนี้เข้าทางผู้ตามอย่างลิเวอร์พูลเป็นอย่างยิ่ง เพราะเมื่อเกมคืนวันเสาร์นั้นลิเวอร์พูลก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้สำเร็จด้วยการเปิดบ้านชนะเบรนท์ฟอร์ด 1-0 ทำให้เมื่อจบสัปดาห์นี้ถึงแม้ว่าลิเวอร์พูลจะยังแข่งมากกว่าอีก 2 ทีมอยู่ 1 นัด แต่พวกเขาก็ไล่จี้นิวคาสเซิลมาเหลืออยู่ที่ 3 แต้ม และหายใจรดต้นคอผีแดงที่คะแนนเดียวแล้วทีนี้เรามาดูโปรแกรมการแข่งขันที่เหลือและสถานการณ์ความเป็นไปได้กันดีกว่าครับสำหรับลิเวอร์พูลนั้นเหลือการแข่งขันอีก 3 นัด แบ่งเป็นเจอเลสเตอร์ (เยือน), แอสตัน วิลลา (เหย้า) และเซาแธมป์ตัน (เยือน)ส่วนนิวคาสเซิลและแมนยูนั้นจะเหลือการแข่งขันอีก 4 นัดนิวคาสเซิลแบ่งเป็นเจอลีดส์ ยูไนเต็ด (เยือน), ไบรท์ตัน (เหย้า), เลสเตอร์ ซิตี้ (เหย้า) และเชลซี (เยือน)แมนยูนั้นจะเจอวูล์ฟแฮมป์ตัน (เหย้า), บอร์นมัธ (เยือน), เชลซี (เหย้า) และฟูแลม (เหย้า)เรามาวิเคราะห์กันที่นิวคาสเซิลก่อนเลยครับ เกมที่ผมคิดว่าหนักสำหรับพวกเขาคือการไปเยือนลีดส์และต้อนรับไบรท์ตัน เพราะถ้าหากใครติดตามฟุตบอลมาจะรู้ว่า "พลังการหนีตกชั้น" นั้นมันน่ากลัวมากๆ ซึ่งตอนนี้ลีดส์กำลังเค้นและใช้พลังนี้อยู่ ส่วนการรับไบรท์ตันนั้น พวกเรารู้ดีครับว่าฤดูกาลนี้ทีมนกนางนวลนั้นทำผลงานได้อย่างสุดเซอร์ไพรส์ ตบทีมใหญ่มาแล้ว เกมกลางสัปดาห์ที่แล้วก็เพิ่งตบแมนยูมา ส่วน 2 เกมสุดท้ายที่รับเลสเตอร์และเยือนเชลซี ผมคิดว่าลูกทีมของเอ็ดดี ฮาวสามารถเก็บชัยชนะได้ สำหรับนิวคาสเซิลผมคิดว่า 6 แต้มก็เพียงพอการการันตีไป UCL แล้วในส่วนของแมนยูนั้นตอนนี้เหมือน "ธาตุไฟแตก" เพราะแพ้ 2 เกมติดต่อกันแล้ว เก็บชัยชนะได้เพียง 2 นัดจาก 5 เกมลีกล่าสุด ตอนนี้พวกเขาต้องการ 9 จาก 12 แต้มเต็ม ผมคิดว่า 4 เกมสุดท้ายพวกเขามีโอกาสที่จะสะดุดมากที่สุดคือเกมไปเยือนบอร์นมัธ เพราะเกมเยือนฤดูกาลนี้ของผีแดงนั้นมักจะทำผลงานได้ไม่ค่อยดีซึ่งแตกต่างกับเกมเหย้าอย่างสิ้นเชิง โดยเกมลีกในบ้านพวกเขาแพ้ไปเพียงเกมเดียวในฤดูกาลนี้ ซึ่งโปรแกรม 4 นัดสุดท้ายนั้นเข้าทางแมนยูเหลือเกิน เพราะพวกเขาจะเล่นเกมเยือนเพียงเกมเดียว ที่เหลืออีก 3 เกมคือการเล่นในบ้านทั้งหมด ซึ่ผมคิดว่าพวกเขาคงสามารถเก็บชัยชนะในบ้านได้ทั้งหมด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่รู้ว่าโมเมนตั้มและสภาพจิตใจลูกทีมของเอริก เทน ฮากจะเป็นอย่างไรบ้าง หลังจากแพ้มา 2 นัดติดต่อกัน ไหนจะต้องพะวงกับนัดชิงเอฟเอ คัพที่จะต้องเจอกับแมนซิตี้อีก และด้วยสภาพร่างกายที่ค่อนข้างกรอบหลังกรำศึกหนักมาตลอดทั้งฤดูกาลจะจนไปได้จนจบหรือไม่วิเคราะห์ดูแล้วด้วยฟอร์มของนิวคาสเซิลที่ค่อนข้างที่จะคงเส้นคงวามาตลอดทั้งฤดูกาล ผมคิดว่าสาลิกาดงน่าจะไม่พลาดตั๋ว UCL ส่วนแมนยูนั้นผมว่าแฟนแมนยูค่อนข้างหนักใจพอสมควร เพราะเหมือนไม่ใช่แมนยูทีมเดิมที่เคยเห็นตอนช่วงที่ทำผลงานได้ดี เพราะตอนนี้มีทั้งสภาพร่างกายที่อ่อนล้า ไหนจะความผิดพลาดส่วนบุคคลอีก อย่างเกมล่าสุดก็มีให้เห็นจากเด เกอาที่พลาดแบบง่ายๆ จนทำให้ทีมเสียประตู และเกมรุกที่ฝืดเคืองไม่สามารถยิงประตูได้มา 2 เกมแล้ว แต่ผมคิดว่าฟอร์มในบ้านของแมนยูฤดูกาลนี้จะพาแมนยูกลับไป UCL ได้ ส่วนลิเวอร์พูลนั้นคงต้องกลับไปเล่นในถ้วยยูโรปาลีก และต้องโทษตัวเองแหละครับที่เร่งเครื่องช้าไป ทำให้ไล่ตามไม่ทันแต่สุดท้ายแล้วคนที่ต้องทำผลงานให้ดีที่สุดที่จะต้องชนะรวดก็คือตัวของลิเวอร์พูลเอง เพราะถ้าพลาดแม้แต่เกมเดียวก็เท่ากับตั๋ว UCL ก็จะลอยหายไปต่อหน้าต่อตาเลย ต่อให้แมนยูและนิวคาสเซิลจะพลาดมันก็ไม่มีประโยชน์ถ้าหากหงส์แดงไม่สามารถชนะอีกทั้ง 3 เกมที่เหลือได้ ซึ่ง 3 เกมที่เหลือนั้นล้วนแต่เป็นงานหนักทั้งนั้นเลยต้องเจอกับเลสเตอร์ที่หนีตกชั้นด้วยแถมเป็นการไปเยือนอีกต่างหาก กลับมาเปิดบ้านเจอแอสตัน วิลลาที่ภายใต้การคุมทีมของอูไนนั้นทำผลงานได้ดีมากๆ และเกมสุดท้ายที่ไปเยือนนักบุญแดนใต้ที่ถึงแม้ตอนนั้นอาจจะตกชั้นไปแล้ว แต่ผมคิดว่าทีมนักบุญอาจจะต้องการเล่นให้ดีที่สุดเพื่อเป็นของขวัญขอโทษแฟนบอลของพวกเขาก็ได้ ของขวัญชิ้นสุดท้ายในเวทีพรีเมียร์ลีกก่อนที่จะตกชั้นเพราะฉะนั้นนอกจากจะแช่งคู่แข่งให้พลาดแล้ว ก็ต้องทำผลงานของตัวเองให้อยู่ในระดับท็อป ต้องชนะรวดให้หมดทุกนัดที่เหลือด้วย ซึ่งผมคิดว่าลิเวอร์พูลอาจจะมีพลาดอยู่ซักนัดนึงแน่นอนถึงแม้ว่าตอนนี้จะชนะมาแล้ว 6 นัดรวดแล้วก็ตามภาวนาครับ ภาวนาเท่านั้นสำหรับลิเวอร์พูล ภาวนาให้ตัวเองชนะนัดที่เหลือทั้งหมด และภาวนาให้คู่แข่งพลาด อาจจะลุ้นยากหน่อยโดยเฉพาะนิวคาสเซิล แต่กับแมนยูอาจจะภาวนาให้ผีแดงพลาดซักนัด ภาวนาไม่ให้เก็บได้ 9 จาก 12 แต้มที่เหลือ สุดท้ายแล้วตั๋ว UCL 2 ใบสุดท้ายจะเป็นของทีมไหนก็ต้องมาลุ้นกันครับขอบคุณภาพประกอบจากOfficial Facebook ของลิเวอร์พูลOfficial Facebook ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดOfficial Website ของพรีเมียร์ลีกภาพปก 1, ภาพปก 2 และภาพปก 3ภาพประกอบ 1, ภาพประกอบ 2, ภาพประกอบ 3, ภาพประกอบ 4, ภาพประกอบ 5 และภาพประกอบ 6Community คอบอล ถกประเด็นร้อนฟุตบอลทุกลีก ใครตัวเต็ง ใครฟอร์มตก ต้องเคลียร์