เกมลิเวอร์พูล พบ เรอัลมาดริด หงส์สิ้นลายคาแอนฟิลด์ แม้จะทำได้ดีแค่ไหนในช่วงครึ่งแรก แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งความร้อนแรงของเหล่านักเตะเรอัล มาดริดได้ ทำให้พวกเขาแพ้ไปในนัดแรกของศึกยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีกไปขาดลอยแบบไม่คาดฝัน 5-2 โดยช่วง 20 นาทีแรกของเกม พวกเขาได้ประตูแรกจากการเข้าทำอย่างรวดเร็วของโมฮาเหม็ด ซาล่าห์ที่ส่งบอลเข้ากรอบเขตโทษ และเป็นดาร์วิน นูเญซ ที่วิ่งหลุดกับดักล้ำหน้ามายิงไขว้เข้าประตูไปอย่างสวยงาม ประตูที่สองมาจากจังหวะความผิดพลาดของ ธีโบต์ กูร์ตัวส์ ที่จับบอลครั้งที่สองลั่น ทำให้โมฮาเหม็ด ซาล่าห์วิ่งปรี่เข้ามาจิ้มบอลเข้าประตูไป แต่หลังจากนั้นไม่กี่นาที เรอัล มาดริดก็ตีไข่แตกได้สำเร็จ จากจังหวะยิงในกรอบเขตโทษของวินิซิอุส จูเนียร์ และมาได้ประตูตีเสมอจากความผิดพลาดของอลิสซอนที่พยายามเปิดบอลไปไกลจากเขตโทษ แต่เตะพลาดโดนวินิซิอุสวิ่งมาสกัดบอลเข้าประตูไปอย่างน่าตบกะโหลกอลิสซอน ทำให้จบครึ่งแรกทั้งสองทีมเสมอกันไปอย่างสุดมันส์ 2-2 จนกระทั่งครึ่งหลังเริ่มมาได้ไม่นาน เรอัล มาดริดก็ขึ้นนำไปได้อีกครั้งจากจังหวะฟรีคิก โมดริชเปิดบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษและเป็น เอแดร์ มิลิเตาที่โหม่งเข้าไปอย่างสวยงาม หลังจากนั้นก็ได้มาเพิ่มอีก 2 ประตูจากจังหวะการยิงของคาริม เบนเซม่าที่ยิงไปแฉลบ โจ โกเมซ ส่วนอีกประตูมาจากจังหวะตัดบอลของโมดริชที่วิ่งหนีผู้เล่นลิเวอร์พูล แล้วส่งต่อให้วินิซิอุสและชิ่งต่อให้กับเบนเซม่าล็อคหลบ 1 จังหวะแล้วยิงเข้าไปอย่างสวยงาม จบเกม เป็นเรอัล มาดริดที่มายัดเยียดความปราชัยให้กับลิเวอร์พูลไปถึง 5-2 มีอะไรบ้างที่เกิดขึ้นในเกมนี้ มาดูกันครับ1.เกมรุกที่สุดยอดของลิเวอร์พูลในช่วงครึ่งแรกในช่วง 20 นาทีแรก ลิเวอร์พูลสามารถเล่นกันได้อย่างยอดเยี่ยมมาก จากเกมรุกที่หลากหลายและดุดัน พยายามทำลายโซนเกมรับของเรอัล มาดริด จนกระทั่งเจอจังหวะให้สามารถทำเกมได้ โดยลูกแรกที่พวกเขาทำประตูได้ต้องชื่นชมความสามารถการอ่านเกมของโมฮาเหม็ด ซาล่าห์ และดาร์วิน นูเญซ ที่ประสานงานกันได้อย่างลงตัว ซาล่าห์ก็สามารถดึงตัวประกบไปหาเขาได้พอสมควรจนมีจังหวะให้เขาสามารถส่งบอลไปถึงดาร์วินที่อ่านเกมกับดักล้ำหน้าของมาดริดออกจนเขาสามารถทำประตูสวยๆให้กับตัวเองได้ ส่วนประตูที่สองต้องชื่นชมความขยันของซาล่าห์ที่พยายามกดดันกูร์ตัวส์ ในจังหวะที่กำลังพยายามพักบอลให้นิ่งจนเขาลนลานและทำลั่นเอง ต้องตบมือให้กับเจอร์เกน คล็อปป์และเหล่านักเตะที่สามารถกดดันให้เรอัล มาดริดเล่นไม่เป็นตัวของตัวเองในช่วง 20 นาทีแรก2. เกมรับที่อ่อนยวบเกินกว่าจะเป็นลิเวอร์พูลที่เคยเห็นในยุคก่อนนัดนี้ต้องยอมรับก่อนว่าทั้งสองทีมนั้นมีปัญหาเรื่องของเกมรับทั้งคู่ แต่ไม่นึกว่าลิเวอร์พูลจะเป็นฝ่ายเละเทะกว่าแบบนี้ ทั้งจากอลิสซอนที่พลาดในครึ่งแรก โจ โกเมซที่ผิดพลาดจากจังหวะสกัดบอลแฉลบ และทั้งแนวรับทุกคนจากจังหวะป้องกันจังหวะฟรีคิก แต่จริงๆก็ต้องชมเรอัล มาดริดเช่นกันที่มีการทำเกมรุกที่หลากหลายจนเกมรับของลิเวอร์พูลเผยช่องว่างให้พวกเขาฉวยโอกาสทะลวงไส้จนเละเทะแบบนี้ สุดท้ายแล้ว คล็อปป์คงต้องจัดการปัญหาตรงนี้ให้ได้ ก่อนที่จะลุกลามไปมากกว่านี้ หากยังหวังที่จะกลับมาพลิกชนะในนัดที่สอง3. เรอัล มาดริด จอมคัมแบ็คในถ้วย UCLปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่า ราศีความเป็นผู้ชนะของเรอัล มาดริดจะเฉิดฉายอย่างมากในถ้วยนี้ เพราะเมื่อฤดูกาลที่แล้ว พวกเขามักจะเสียเปรียบในเรื่องของจำนวนสกอร์ในนัดต่างๆ แต่พวกเขาก็สามารถผ่านมาได้หมด ทั้งเปแอชเช เชลซี และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยความสุขุม ความเก๋าของนักเตะหลายๆคน รวมไปถึงความแสบของคาร์โล อันเชล็อตติที่มีแผนการในหัวที่วางหมากไว้หมดแล้วในเกมนี้ เห็นได้ชัดจากความนิ่งของพวกเขา แม้จะเสียไปแล้ว 2 ประตูในครึ่งแรก แต่ไม่มีออกอาการท้อแท้หรือสิ้นหวัง มีแต่จะพยายามคว้าชัยชนะมาในนัดนี้และกุมความได้เปรียบในนัดแรก สุดท้ายพวกเขาก็จัดหนักจัดเต็มจนยิงไปได้ถึง 5 ประตูในเกมนี้ ราชันที่แท้จริงของ UCL4. ความกระหายชัยชนะและกระหายการคว้าแชมป์ที่ไม่เคยลดลงของเรอัล มาดริดแม้ผลงานในลาลีกา สเปนของพวกเขาจะไม่ค่อยดีในฤดูกาลนี้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่ดีว่า ความกระหายชัยชนะและคว้าแชมป์ ของพวกเขาไม่เคยลดลงเลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งมันชัดเจนอย่างมากในนัดนี้ ทั้งความนิ่งในการเล่นแม้จะต้องตามถึง 2 ประตูในช่วงครึ่งแรกก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังไม่มีลดละความพยายามในการทำประตูเพื่อคว้าชัยชนะ อิทธิพลของความกระหายต่างๆที่มีในนัดนี้นั้นก็มีหลากหลายปัจจัยเหมือนกัน ทั้งบรรยากาศในห้องแต่งตัว ความเก๋าประสบการณ์ของผู้จัดการทีม ความเก๋าของรุ่นพี่ในทีมอย่างเบนเซม่า โมดริช กาบาฆาล หรือแม้กระทั่งโครสที่ถึงจะมีชื่อเป็นตัวสำรองแต่ก็น่าจะมีอิทธิพลพอสมควรในการปลุกใจเหล่านักเตะรุ่นใหม่ๆในทีมหลายๆคน รวมไปถึงประสบการณ์การคว้าแชมป์เมื่อฤดูกาลที่แล้วจากนักเตะรุ่นใหม่หลายๆคนก็ทำให้พวกเขายิ่งกระหายอยากคว้าแชมป์เพื่อความสำเร็จของตัวเองและสโมสร ตอนนี้น่าจะเป็นงานยากของหลายๆทีมที่ต้องเผชิญหน้ากับเรอัล มาดริด ที่ไฟในการคว้าแชมป์ของพวกเขาแทบจะไม่เคยมอดเลยแม้แต่นิดเดียว ในนัดที่สองจะไปเตะกันที่ซานติอาโก เบอร์นาเบว สนามเหย้าของเรอัล มาดริด ในคืนวันที่ 15 มีนาคม เวลา ตี 3 บทความอื่นๆจาก TinTinGGWP https://intrend.trueid.net/post/347540https://intrend.trueid.net/post/347410ขอขอบคุณภาพประกอบบทความภาพที่ 1 จาก Twitter Liverpool FCภาพที่ 2 จาก Twitter Real Madrid C.F.ภาพที่ 3 จาก Twitter Liverpool FCภาพที่ 4 จาก Twitter Liverpool FCภาพที่ 5 จาก Twitter Real Madrid C.F.ภาพที่ 6 จาก Twitter Real Madrid C.F.ภาพปกประกอบบทความ จาก Twitter Real Madrid C.F.Community ฟุตบอล ถกประเด็นร้อนฟุตบอลทุกลีก ใครตัวเต็ง ใครฟอร์มตก ต้องเคลียร์