หลายๆ บทความของผมที่ได้เขียนไป ล้วนแล้วแต่จะเป็นเรื่องของปัจจุบันซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ในบทความนี้ผมจะพาทุกคนย้อนอดีตที่มีปัจจุบันเกี่ยวข้องด้วย เกี่ยวกับการยิงประตูในฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ผมจะพาทุกคนย้อนกลับไปดูว่าตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมานี้ คนที่ได้ชื่อว่าเป็น "ดาวซัลโว" เขายิงไปกี่ประตูถึงได้เป็นดาวซัลโว จะพาไปดู 10 นักเตะที่ครองอันดับการยิงประตูมากที่สุดต่อหนึ่งฤดูกาลของพรีเมียร์ลีก ไปชมกันเลยครับในบทความที่มีชื่อว่า " 10 นักเตะที่ยิงในพรีเมียร์ลีกอังกฤษมากที่สุดต่อหนึ่งฤดูกาล"1. เออร์ลิง เบราต์ ฮาแลนด์ (36 ประตู)นี่ "ดาวซัลโวคนใหม่" ที่ในหนึ่งฤดูกาลสามารถยิงประตูในพรีเมียร์ลีกได้มากที่สุด แถมเป็นการทำลายสถิติตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่ย้ายมาเลย ฮาแลนด์นั้นย้ายมาอยู่กับแมนซิตี้ด้วยราคาตัว 51 ล้านปอนด์เมื่อฤดูกาลที่แล้ว (2022/2023) เขายิงในพรีเมียร์ลีกไป 36 ประตูจากทั้งหมด 52 ประตูรวมทุกรายการ และในวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมาในเกมที่ถล่มเอฟเวอร์ตัน 3-0 เขายิงประตูที่ 36 ทำให้เขาเป็นนักเตะคนแรกที่ยิงเกิน 35 ประตูต่อซีซั่นต่อจากคนล่าสุดที่ทำได้คือ รอน เดวีส์ ที่ยิงได้ 37 ประตูใน 1966/1967นอกจากนี้เขายังเป็นนักเตะคนที่ 3 ที่สามารถยิงได้แตะหลัก 30 ประตูได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่เล่นในพรีเมียร์ลีกต่อจากแอนดี โคล 1993/1994 (34) และเควิน ฟิลลิปส์ ใน 1999/2000 (30) อีกสถิติที่สุดยอดคือเขาเป็นนักเตะที่สามารถทำ 30 ประตูได้เร็วที่สุดด้วยจำนวน 27 นัด แถมเขายังสามารถทำไปได้อีก 4 แฮตทริก มีเพียงอลัน เชียร์เรอร์คนเดียวเท่านั้นที่สามารถทำแฮตทริกได้มากที่สุดต่อหนึ่งฤดูกาลซึ่งเชียร์เรอร์ทำไปได้ 5 ครั้งในฤดูกาล 1995/1996ไม่ต้องพูดอะไรกับจอมมารบูคนนี้เยอะแยะแล้วครับ รอดูว่าจะพังไปประตูไปได้อีกซักเท่าไหร่ก็พอ ความตื่นตาตื่นใจที่ฮาแลนด์จะมอบให้คนดูยังมีอีกเยอะครับ เช่นเดียวกับความเก่งของเขาที่นับวันจะมีแต่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ2. อลัน เชียร์เรอร์นี่คือ 1 ใน 2 คนที่ผมไม่สามารถจำนวนประตูได้หลังชื่อของเขา เพราะเขามีสถิติที่ไปอยู่ร่วมกับดาวซัลโวคนอื่นอีกหลายครั้ง แต่ฤดูกาลที่เขายิงมากที่สุดต่อฤดูกาล คือ ฤดูกาล 1994/1995 ซีซั่นนั้นเชียร์เรอร์ยิงไป "34 ประตู" แต่น่าเสียดายมากๆ ที่เขาไม่สามารถคว้ารางวัลรองเท้าทองคำมาครองได้ ซึ่งเจ้าของจะอยู่ต่อจากข้อของเชียร์เรอร์นี่แหละ แต่รางวัลรองเท้าทองคำนั้นคงไม่สำคัญเท่ากับแชมป์พรีเมียร์ลีกที่เขาสามารถคว้ามันมาได้ในช่วงที่ค้าแข้งกับแบล็คเบิร์น โรเวอร์สซึ่งเป็นแชมป์ลีกครั้งแรกของพวกเขานับตั้งแต่ 191434 ประตูของเชียร์เรอร์มาจากการลงสนาม 42 เกมในยุคที่พรีเมียร์ลีกมี 22 ทีมและอีกสถิติที่น่าทึ่งในฤดูกาลนั้นก็คือ เขาลงเล่นเป็น 11 ตัวจริง "ทุกนัด" และถูกเปลี่ยนตัวออกเพียง 2 ครั้งเท่านั้น และนั่นคือฤดูกาลเดียวที่เขาลงเล่นเป็นตัวจริงทุกนัดและนั่นคือแชมป์เดียวตลอดการค้าแข้งของเขาและอย่างที่บอกไปครับว่าผมไม่สามารถใส่จำนวนประตูตามหลังชื่อเชียร์เรอร์ เพราะเขายิงจนไปอยู่ร่วมกับดาวซัลโวต่อหนึ่งฤดูกาลในอันดับอื่นๆ ด้วย นอกจาก 34 ประตูแล้ว ในฤดูกาลก่อนหน้าและฤดูกาลต่อมา (ก่อนและหลัง 1994/1995) เขายิงไป 31 ประตู 3. แอนดี โคล (34 ประตู)https://twitter.com/premierleague/status/1359771740856008707?s=20และนี่ก็คือเจ้าของรางวัลรองเท้าทองคำปาดหน้าอลัน เชียร์เรอร์ไปได้ครับ ด้วยการยิงประตูเท่ากันในฤดูกาล 1994/1995 ที่ 34 ประตู ในฤดูกาลนั้นเขาเริ่มต้นด้วยการเล่นกับ "สาลิกาดง" นิวคาสเซิลก่อนที่ในตลาดซื้อขายหน้าหนาว แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจัดการคว้าตัวโคลมาเพื่อที่จะต่อสู้แย่งชิงกับแบล็คเบิร์นในการแย่งแชมป์ลีกหลายๆ คนยังไม่เข้าใจทำไมนิวคาสเซิลถึงปล่อยตัวโคลออกจากทีม ทั้งๆ ที่ฤดูกาล 1992/1993 เขาคือคนที่พานิวคาสเซิลกลับมายังลีกสูงสุดและยิงไป 34 แอสซิสต์ 13 ในฤดูกาล 1993/1994 แถมใน 34 ประตูนั้นไม่มีซักประตูที่มาจากการยิงจุดโทษเลย และ 187 ประตูในลีกตลอดการค้าแข้ง มีเพียงลูกเดียวเท่านั้นที่มาจากลูกจุดโทษตลอดชีวิตการค้าแข้งเขาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 5 สมัย, เอฟเอ คัพและลีก คัพอย่างละ 2 สมัย และยูฟา แชมเปียนส์ลีก 1 สมัย4. โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ (32 ประตู)นี่คือหนึ่งในนักเตะที่ถูกสบประมาทว่าจะเป็นนักเตะประเภท "One Season Wonder" หรือนักเตะที่เก่งปีเดียว แต่โม ซาลาห์ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาไม่ใช่นักเตะประเภทนั้น เขาย้ายกลับมาพรีเมียร์ในฤดูกาล 2017/2018 หลังจากที่เคยค้าแข้งกับเชลซีมาก่อนแล้ว ซาลาห์สามารถยิงประตูได้เลยตั้งแต่นัดแรกที่เขาลงสนามในเกมลีกให้กับลิเวอร์พูลในเกมที่บุกไปเสมอกับวัตฟอร์ด 3-3 แต่พอกลับมาแข่งกันที่แอนฟิลด์ รังเหย้าของหงส์แดง ซาลาห์ก็จัดการเหมาคนเดียว 4 ประตู จัดไปแบบจุกๆเขาทำประตูใส่ได้ทั้งอาร์เซนอล, เชลซี รวมไปถึงในเกมสุดมันส์ที่ชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 4-3 นอกจากนี้เขายังยิงสามประตูใส่สเปอร์สในช่วงที่เจอกันในลีก และประตูที่สำคัญที่สุดของเขาก็มาถึง เขายิงประตูได้ในเกมที่พบกับไบรท์ตันในเกมสุดท้ายของฤดูกาล นั่นทำให้เขายิงได้ 32 ประตู โดย ณ ตอนนั้นทำให้เขาเป็นคนที่ยิงได้มากที่สุดในหนึ่งฤดูกาล ในยุคที่พรีเมียร์ลีกแข่งกัน 38 นัด ก่อนที่จะถูกฮาแลนด์ทำลายสถิติน่าเสียดายที่จบฤดูกาลด้วยมือเปล่าและเขาได้รับบาดเจ็บบริเวณหัวไหล่จากการปะทะกับเซอร์คิโอ รามอสในเกมนัดชิง UCL 2018 จนต้องถูกเปลี่ยนตัวออก ไม่สามารถอยู่ช่วยทีมจนจบเกมได้ แต่ก็มีสิ่งที่ยืนยันความสุดยอดของบังโมในฤดูกาลนั้นก็คือ เขาคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนของสโมสรไปถึง 7 ครั้งด้วยกัน5. หลุยส์ ซัวเรส (31 ประตู)https://twitter.com/premierleague/status/1467084970707636226?s=20ถ้าหากถามแฟนลิเวอร์พูลว่าใครคือกองหน้าที่เก่งที่สุดของทีม ผมเชื่อว่าชื่อของซัวเรสจะต้องติดโผมาแน่ๆ อย่างน้อยก็ Top 5 เผลอๆ จะเป็นกองหน้าที่เก่งที่สุดนับตั้งแต่สโมสรเคยมีมาด้วยซ้ำ และฤดูกาลที่เรียกได้ว่าซัวเรสคือ "ปีศาจ" ในการถล่มประตูก็คงหนีไม่พ้นฤดูกาล 2013/2014 โดยเขายิงไปได้ทั้งหมด 31 ประตู แถมเขายังต้องลงสนามช้ากว่าใครเพื่อน เขาต้องรอกลับมาลงสนามในเดือนกันยายน หลังจากที่ถูกแบน 10 นัดจากกรณีที่ไปกัดบรานิสลาฟ อิวาโนวิช กองหลังของเชลซีในช่วงปลายฤดูกาล 2012/2013ซัวเรสยิงแฮตทริกใส่เวสต์บรอมในเดือนตุลาคม, คาร์ดิฟฟ์ในเดือนมีนาคม และระเบิดฟอร์มในเกมที่พบกับนอริชด้วยการยิงไป 4 ประตูในเดือนธันวาคม เขายิงในเดือนธันวาคมไป 10 ประตู ทำให้เป็นสถิติการยิงประตูเยอะที่สุดใน 1 เดือน แต่มันเป็นอะไรที่น่าเสียดายมากๆ ที่ในฤดูกาลนั้นถึงแม้ว่าฟอร์มส่วนตัวรวมไปถึงคู่หูแดนหน้าอย่างแดเนียล สเตอร์ริดจ์จะช่วยยิงประตูได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ แต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ลีกมาได้ โดนแมนซิตี้ปาดหน้าเข้าป้ายไปได้และประตูสุดท้ายของเขากับลิเวอร์พูลเกิดขึ้นในเกมสุดช็อกที่ลิเวอร์พูลบุกไปนำคริสตัล พาเลซ 0-3 แต่จบเกมเสมอกันที่ 3-3 จบเกมเจ้าตัวถึงขั้นหลั่งน้ำตาออกมาเลยทีเดียว ซึ่งนอกจากจะเป็นประตูสุดท้ายของเขากับลิเวอร์พูลด้วยแล้ว มันยังเป็นประตูสุดท้ายที่เขายิงในพรีเมียร์ลีกอีกด้วย6. คริสเตียโน โรนัลโด (31 ประตู)https://twitter.com/premierleague/status/1381940692742762498?s=202007/2008 เหมือนเป็นฤดูกาลที่เจ้าของฉายา "CR7" จุติร่างเทพก่อนที่จะกลายมาเป็นโคตรตำนานถึงทุกวันนี้ ในฤดูกาลนั้นเขายิงในลีกไป 31 ประตู เขาประสานงานกับคาร์ลอส เตเบซและเวย์น รูนีย์ได้อย่างสุดยอดจนสามารถพาแมนยูคว้า "ดับเบิลแชมป์" ได้ (พรีเมียร์ลีกและ UCL) ก่อนที่ในปี 2009 เขาจะย้ายไปร่วมทีมเรอัล มาดริดด้วยค่าตัวเป็นสถิติโลกในเวลานั้นฤดูกาลนี้เริ่มต้นได้ค่อนข้างแย่ เนื่องจากเขาโดนใบแดงไล่ออกตั้งแต่เกมที่สองของซีซั่น และต้องรอประตูแรกจนถึงช่วงท้ายของเดือนกันยายน แต่พอยิงได้แล้วก็เหมือนเครื่องติด เขายิงได้อย่างต่อเนื่อง ยิง 2 ประตูในเกมที่เจอวีแกนในเดือนตุลาคม ยิงใส่แบล็คเบิร์นในเดือนพฤศจิกายน ต่อด้วยยิงใส่ฟูแลมและเอฟเวอร์ตันในเดือนธันวาคม พอร์ตสมัธในเดือนมกราคม นิวคาสเซิลในเดือนกุมภาพันธ์ โบลตันในเดือนมีนาคมและเวสต์แฮมในพฤษภาคม และแล้วประตูที่ 31 ของเขาก็มาถึงในเกมลีกนัดสุดท้ายของซีซั่นที่พบกับวีแกน ช่วยให้แมนยูชนะไป 2-0 ก่อนที่ปิดท้ายฤดูกาลนั้นด้วยการเป็นแชมป์ UCL เหนือเชลซี โดยในเกมนั้นโรนัลโดคือคนที่ยิงให้แมนยูขึ้นนำเชลซีก่อนที่จะโดนตีเสมอแต่ก็สามารถเอาชนะในการดวลจุดโทษ ช่วยให้แมนยูคว้าแชมป์ UCL สมัยที่ 3 ไปครองอย่างสุดดราม่า และถึงแม้ว่าในการกลับมาแมนยูรอบที่สองนี้อาจจะจบกันไม่สวยเท่าไหร่ แต่ผมเชื่อว่าโรนัลโดยังคงเป็นหนึ่งในนักเตะคนโปรดของแฟนผีแดงอีกหลายคนและยังคงเป็นหนึ่งในตำนานของสโมสรอย่างแน่นอน7. แฮร์รี เคน (30 ประตู)"เดอะ เฮอร์ริเคน" คือนักเตะประเภทเดียวกับอลัน เชียร์เรอร์อย่างที่ผมได้บอกเอาไว้ ที่เขาสามารถยิงประตูได้มากที่สุดต่อฤดูกาลจนสามารถไปอยู่อันดับร่วมกับคนอื่นๆ ได้ เพราะในฤดูกาลที่แล้ว (2022/2023) เขายิงไปได้ 30 ประตู เท่ากับในฤดูกาล 2017/2018 สำหรับเคนนั้นคือ "ดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาล" ของท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์สและเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของพรีเมียร์ลีก "อันดับ 2" ตามหลังอลัน เชียร์เรอร์เพียงคนเดียวเท่านั้นแฮร์รี เคนคือนักเตะคนแรกที่สามารถยิงประตูในลีกแตะหลัก 30 ลูกได้ 2 ฤดูกาลในยุคที่แข่งกัน 38 นัด แต่ทั้ง 2 ครั้งเคนทำได้มันน่าเสียดายที่เขาไม่ได้รางวัลรองเท้าทองคำ เนื่องจากครั้งแรกในฤดูกาล 17/18 เขาแพ้ให้กับโม ซาลาห์ และในฤดูกาลที่แล้วเขาแพ้ให้กับฮาแลนด์มันเป็นเรื่องน่าเสียดายที่เขาอาจจะลงเล่นนัดสุดท้ายและยิงประตูสุดท้ายในพรีเมียร์ลีกไปแล้วเรียบร้อย เนื่องจากในฤดูกาลนี้เขาย้ายไปร่วมทีมบาเยิร์น มิวนิค น่าเสียดายที่เราอาจจะไม่ได้เห็นเขาทำลายสถิติยิงประตูมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกของอลัน เชียร์เชอร์ที่ 260 ประตู เขาขาดไปอีก 47 ประตูเท่านั้น8. โรบิน ฟาน เพอร์ซี (30 ประตู)https://twitter.com/premierleague/status/1321753996995022850?s=20ถ้าก่อนฤดูกาล 2011/2012 มีใครซักคนบอกว่าโรบิน ฟาน เพอร์ซีจะยิงแตะหลัก 30 ประตู คนนั้นอาจจะโดนด่าว่าเพ้อก็เป็นได้ เพราะแม้แต่ให้ลงถึง 30 นัดเขายังทำไม่ได้เลย เพราะเขาไม่เคยได้ลงเกิน 28 นัดเลยตลอด 7 ฤดูกาลที่เขาอยู่กับปืนใหญ่ในช่วงนั้น แต่ในฤดูกาล 2011/2012 เขาลงเล่นให้กับอาร์เซนอลในลีกไปครบ 38 เกม เช่นเดียวกับในฤดูกาล 2012/2013 ที่ ณ ตอนนั้นเขาย้ายไปร่วมทีมแมนยูแล้ว โดยในช่วง 2 ฤดูกาล เขายิงในลีกรวมกันไปทั้งหมด 56 ประตู จากทั้งหมด 76 เกม30 ประตูในฤดูกาลนั้น มีหนึ่งเกมที่ถูกจดจำเพราะว่าเขายิงแฮตทริกใส่เชลซีในเกมที่อาร์เซนอลบุกไปชนะถึงบ้านเชลซี 3-5 ทำให้เขาเป็น 1 ใน 3 ของนักเตะที่สามารถยิงแฮตทริกใส่เชลซีได้ในสแตมฟอร์ด บริดจ์ ร่วมกับคานูและกุน อเกวโรมีสถิติที่น่าสนใจก็คือ จำนวน 30 ประตูใน 2011/2012 เขายิงไป 12 ประตูด้วยเท้าขวาซึ่งเป็นเท้าข้างไม่ถนัดของเขา9. เธียร์รี อองรี (30 ประตู)https://twitter.com/Arsenal/status/1248128760395767809?s=20ผู้ชายคนนี้เราคงไม่ต้องไม่บรรยายสรรพคุณของเขาอีกแล้ว แค่บอกว่าเขาคือ "ดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาล" ของอาร์เซนอลและมีรูปปั้นหน้าสโมสรแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว แต่สิ่งที่เราจะพูดถึงอองรีในเรื่องการยิงประตู หนึ่งในฤดูกาลที่ต้องพูดถึงคือฤดูกาล 2003/2004 ที่ฤดูกาลนั้นเขายิงในพรีเมียร์ลีก 30 ประตู เป็นส่วนช่วยให้อาร์เซนอลสามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาได้แบบ "ไร้พ่าย"ฤดูกาลนั้นเป็นฤดูกาลเดียวที่เขาสามารถยิงได้ถึง 30 ประตู แต่ก่อนหน้านั้น 4 ฤดูกาลเขายิงแต่ละฤดูกาลเกิน 24 ประตูทั้งนั้น 2003/2004 เป็นฤดูกาลที่ 5 ติดต่อกันที่ยิงเกิน 24 ประตู เขามีช่วงเวลาที่สุดยอดช่วงหนึ่งในฤดูกาลนั้นคือเขาสามารถทำแฮตทริกใส่ทั้งลิเวอร์พูลและลีดส์ ยูไนเต็ดได้ในระยะเวลา 1 สัปดาห์และอีกเรื่องที่น่าจดจำก็คือ 12 ประตูจาก 13 ประตูสุดท้ายที่เขายิงได้ในฤดูกาลนั้น มาจากการยิงในรังเหย้าที่แสนคลาสสิคอย่างสนาม "ไฮบิวรี"10. เควิน ฟิลลิปส์ (30 ประตู)https://twitter.com/premierleague/status/1485901598584942595?s=20ฟิลลิปส์น่าจะเป็นนักเตะที่ชื่อเสียงน้อยที่สุดในบรรดาลิสต์นี้ แต่ความสุดยอดของเขาที่ได้ฝากไว้นั้นจะอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์อีกนาน ในฤดูกาล 1999/2000 เป็นฤดูกาลที่เขาระเบิดฟอร์มได้อย่างสุดยอด 16 จาก 30 ประตูเขายิงได้ในเกมที่ต้องไปเล่นในฐานะทีมเยือน ทำให้เขาเป็นคนเดียวในประวัติศาสตร์ 30 ปีของพรีเมียร์ลีกยิงประตูในฐานะทีมเยือนได้เยอะขนาดนี้ เรียกง่ายๆ ว่าใน 30 ปีของพรีเมียร์ลีก ไม่มีใครยิงประตูเกมเยือนได้เท่าเขาอีกแล้วฟิลลิปส์นั้นมีโชคชะตาที่คล้ายๆ กับแฮร์รี เคนเหมือนกัน เพราะถึงแม้เขาจะยิงได้มากมายขนาดนั้น มีแฮตทริกด้วยนะแต่ก็ไม่สามารถที่จะคว้ารางวัลรองเท้าทองคำมาครองได้ ก่อนหน้านั้นเขาคือนักเตะอังกฤษคนเดียวที่มีสถิติยิงเยอะมากแต่ไม่ได้รางวัลรองเท้าทองคำ คนต่อมาก็คือเคนในปี 2016 นี่แหละ แต่ท้ายที่สุดรางวัลที่เขาได้รับมาก็คือการมีชื่อในขุนพลทีมชาติอังกฤษที่ไปลุยยูโร 2000 ในยุคที่มีเควิน คีแกนเป็นกุนซือหลังจากฤดูกาลนั้นอีก 8 ฤดูกาล เขาลงเล่นให้กับอีกหลายๆ ทีม มีทั้งซันเดอร์แลนด์, เซาท์แธมป์ตัน, แอสตัน วิลลา, เบอร์มิงแฮม และคริสตัล พาเลซ แต่ไม่มีฤดูกาลไหนเลยที่สามารถยิงได้ถึง 15 ประตู ไม่ถึงครึ่งที่เขายิงได้เลยใน 1999/2000 ฤดูกาลที่ดีที่สุดต่อจาก 99/00 ก็คือฤดูกาลถัดมา เขายิงให้ซันเดอร์แลนด์ 14 ประตู แต่เพียงเท่านี้เรื่องราวของเควิน ฟิลลิปส์ก็จะถูกจดจำไปอีกนานแสนนานและนี่ก็คือ 10 นักเตะที่ติดทำเนียบของดาวยิงที่ยิงได้มากที่สุดต่อหนึ่งฤดูกาลของพรีเมียร์ลีกอังกฤษ อยากรู้เหมือนกันนะครับว่าถ้าหากในยุคที่แข่งกัน 42 เกม นักเตะยุคเตะ 38 เกมจะยิงกันได้เท่าไหร่ หรือถ้าหากนักเตะยุคที่เตะ 42 เกมมาเตะในยุคที่มี 38 เกม เขาจะยิงกันได้เท่าไหร่ แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาเหล่านี้ล้วนแล้วแต่จะถูกเรียกว่า "ตำนาน" ตลอดไปขอบคุณภาพประกอบจากOfficial Instagram ของเออร์ลิง เบราต์ ฮาแลนด์ (@erling.haaland), อลัน เชียร์เรอร์ (@alanshearer), โม ซาลาห์ (@mosalah), แฮร์รี เคน (@harrykane) และคริสเตียโน โรนัลโด (@cristiano)Official Twitter ของพรีเมียร์ลีก (@premierleague) และอาร์เซนอล (@Arsenal)ภาพประกอบ 1, ภาพประกอบ 2, ภาพประกอบ 3, ภาพประกอบ 4, ภาพประกอบ 5, ภาพประกอบ 6, ภาพประกอบ7, ภาพประกอบ 8, ภาพประกอบ 9, และภาพประกอบ 10ภาพปก 1, ภาพปก 2 และภาพปก 3 ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !