BIG Match พรีเมียร์ลีกนัดที่ 9 เป็นการพบกันระหว่างไอ้ปืนใหญ่ อาร์เซนอล ที่เปิดเอมิเรตส์ สเตเดียม รับการมาเยือนของหงส์แดง ลิเวอร์พูล เกมนี้อาร์เซนอลเจ้าบ้านยังมีปัญหาผู้เล่นสำคัญที่ลงสนามไม่ได้ ทั้ง มาร์ติน โอเดการ์ด ที่พลาดการลงสนามมาตั้งแต่พักเบรคทีมชาติเดือนกันยายน ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ ที่ยังไม่หายเจ็บ ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี ที่เจ็บจากเกม UCL เมื่อ 23 ตุลาคม ที่ผ่านมา และ วิลเลียม ซาลิบา ที่ติดโทษใบแดงจากนัดที่แพ้ บอร์นมัธ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ก็มีข่าวดีที่ เยอร์เรียน ทิมเบอร์ บูกาโย ซาก้า และเบน ไวท์ หายเจ็บกลับมาพร้อมช่วยทีม คู่ CB จึงเป็น กาเบรียล มากัลเญส จับคู่กับ เบน ไวท์ มี เยอร์เรียน ทิมเบอร์ ยืน LB และถอย โทมัส ปาร์เตย์ มายืน RB เดแคลน ไรซ์ ยืนกลางคู่กับ มิเกล เมริโน ปีก 2 ข้าง มี กาเบรียล มาร์ติเนลลี และ บูกาโย ซาก้า ซึ่งสวมปลอกแขนกัปตันทีม ประจำตำแหน่ง หน้าคู่เป็น เลอันโดร ทรอสซาร์ กับ ไค ฮาแวร์ตซ์ ดูบอลสดพรีเมียร์ลีก กดสมัครแพ็กเกจ TrueVisions Now ผ่าน TrueID คลิกเลย! ทางด้านลิเวอร์พูลทีมเยือน มีปัญหาผู้เล่นเจ็บลงไม่ได้คือ อลิสซง เบคเกอร์ ยังต้องให้ ควีวิน เคลเลเฮอร์ เฝ้าเสาแทน และ ดีโอโก้ โชต้า ที่บาดเจ็บจากนัดชนะเชลซี เมื่อสัปดาห์ก่อน ต้องส่ง ดาร์วิน นูนเญซ ลงแทน ในขณะที่แดนกลาง เคอร์ติส โจนส์ ที่โชว์ฟอร์มได้ดีต่อเนื่องยังได้โอกาส นอกนั้นกำลังหลักอยู่ครบ ดูจากรายชื่อทั้ง 2 ทีมแล้ว เรียกได้ว่าสูสี และเจ้าบ้านได้โอกาสก่อนเมื่อ ไวท์ วางบอลยาวจากแดนหลัง ไปให้ ซาก้า กระชากหนีและล็อกหลอก แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน จนล้ม แล้วยิงเสียบคานเสาแรกเป็นประตูขึ้นนำในนาทีที่ 9 ชนิด เคลเลเฮอร์ หมดสิทธิ์เซฟ แต่ทีมเยือนก็ตามตีเสมอได้เร็วในนาทีที่ 18 เมื่อได้ลูกเตะมุมจากทางขวา หลุยส์ ดิอาซ โหม่งเช็ดมาให้ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ สอดเข้ามาโขกตุงตาข่ายเป็นประตูตีเสมอ หลังจากนั้นเจ้าบ้านเริ่มทำได้ดีกว่า โดยเกมรับ ปาร์เตย์ กับ ทิมเบอร์ สามารถรับมือกับ ดิอาซ และ ซาลาห์ ได้เป็นอย่างดี ขณะที่แดนกลางเริ่มกดดันทีมเยือนจนต้องตัดฟาล์วบ่อยครั้ง ไรซ์ มีโอกาศเตะฟรีคิกเข้าไปกดดันแนวรับของเจ้าถิ่นหลายครั้ง รวมทั้งการขึ้นเกมทางซ้ายที่มี เมริโน ทำเกมร่วมกับ มาร์ติเนลลี ที่กดดันแนวรับทีมเยือนจนปั่นป่วนขาดแต่ความคมที่ทำให้ยังไม่มีประตูขึ้นนำ จนนาทีที่ 42 ไรซ์ เตะฟรีคิกเข้าเขตโทษและเป็น เมริโน ที่อยู่ในไลน์โขกบอลตุงตาข่ายเป็นประตูให้เจ้าถิ่นขึ้นนำอีกครั้ง โดย เคลเลเฮอร์ หมดสิทธิ์เซฟอีกเช่นเคย จบครึ่งแรกเจ้าถิ่นนำ 2-1 เริ่มครึ่งหลังทีมเยือนพยายามเพลสซิ่งเจ้าบ้านอย่างหนัก โดยเฉพาะ นูนเญซ ที่มีจังหวะพุงเข้ากระแทก มากัลเญส ที่บังบอลจากข้างหลัง จนทำให้ มากัลเญส มีอาการเจ็บที่เข่าซ้าย ซึ่งนำไปสู่จุดเปลี่ยนสำคัญของเกม เมื่อ มากัลเญส เล่นต่อไม่ไหว ต้องเปลี่ยน ยาคุบ คิวิออร์ ลงมาแทนในนาทีที่ 54 เมื่อ CB ฝั่งซ้ายไม่มี มากัลเญส ทำให้ทีมเยือนขึ้นบอลโจมตีทางขวามากขึ้น ทำให้ ทิมเบอร์ ต้องทำงานหนักขึ้นจนเกิดอาการบาดเจ็บจนต้องเปลี่ยนตัวออกอีกคนในนาทีที่ 76 โดย อาร์เตต้าส่งเจ้าหนู ไมล์ส ลูอิส-สเคลลี่ ลงทำหน้าที่แทน และการที่เสียตัวหลักแนวรับฝั่งซ้ายไปทั้ง 2 คน ทำให้กลายเป็นจุดอ่อนของทีมทันที และทีมเยือนก็ฉวยโอกาสโต้บอลเร็วจากแดนหลังมาทางปีกขวา ซาลาห์ วิ่งตัดเข้ากลางปล่อยให้ นูนเญซ สปีดไปเอาบอลทำให้แนวรับฝั่งซ้ายที่สับสนปล่อยให้ นูนเญซ หักบอลเข้ากลางที่ ซาลาห์ วิ่งไปยืนรอโล่งๆ แบบอลเข้าเสาไกลเป็นประตูตีเสมอ 2-2 ในนาทีที่ 81 ช่วงเวลาที่เหลือทีมเยือนโหมบุกหวังทำประตูแซงคว้า 3 แต้ม เพื่อกลับไปเป็นจ่าฝูง ช่วงท้ายเกมนาทีที่ 89 อาร์เซนอล เกือบทำประตูชัยได้ เมื่อ ฮาแวร์ตซ์ หลุดเข้าไปกระดกบอลข้าม เคลเลเฮอร์ ไปแล้วบอลไปชนเสา กาเบรียล เชซุส ที่เปลี่ยนตัวลงมาในนาทีที่ 85 ตามซ้ำบอลเข้าประตูไป แต่ แอนโทนี เทย์เลอร์ เป่าให้ลิเวอร์พูลทีมเยือนได้ฟาล์วไปก่อนจึงไม่ได้ประตู จบเกมเสมอกันไป 2-2 อาร์เซนอลอยู่อันดับ 3 มี 18 คะแนน ตามหลังลิเวอร์พูลอันดับ 2 อยู่ 4 คะแนน และตามหลังแมนซิตี้ จ่าฝูง 5 คะแนน แม้เกมนี้อาร์เซนอลจะพลาดท่าถูกลิเวอร์พูลตีเสมอในท้ายเกมชวดการเก็บ 3 คะแนนอย่างหน้าเสียดาย แต่ก็มีสิ่งดีๆ ให้เห็นหลายอย่าง คือ ไม่มีคู่หู ซาลิบา กับ มากัลเญส แต่ได้คู่หูคู่เก่าอย่าง ไวท์ กับ มากัลเญส ที่สามารถทดแทนกันได้ (ถ้า มากัลเญส ไม่เจ็บอาจจะชนะคว้า 3 แต้มก็เป็นได้) อาร์เตต้า เชื่อมั่นนักเตะจาก HALE END มากขึ้น ให้โอกาสมากขึ้น ทั้ง อีธาน เอ็นวานเนรี และ ไมล์ส ลูอิส-สเคลลี่ ที่ได้เปลี่ยนตัวลง แม้จะขาดผู้เล่นหลักหลายตัว ทั้ง มาร์ติน โอเดการ์ด ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี และ วิลเลียม ซาลิบา แต่ขุมกำลังที่มีก็สามารถต่อกรกับลิเวอร์พูล ที่โชว์ฟอร์มดีมาต่อเนื่องเป็นจ่าฝูงได้แบบเกือบชนะ ก็คงไม่ต้องกลัวทีมไหนอีกแล้ว และถ้ามาร์ติน โอเดการ์ด ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี และ วิลเลียม ซาลิบา พร้อมลงเล่นคงหวังเก็บชัยได้ทุกทีม เมริโน โชว์ฟอร์มได้เยี่ยม ประสานกับ มาร์ติเนลลี ได้ไหลลื่น พลิกบอลไปเองก็ได้ และประเดิมประตูแรกได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ตัวเลือกในแดนกลางมีมากขึ้น ส่งผลดีกับการจัด 11 ตัวจริง โทมัส ปาร์เตย์ กลายเป็นคนที่ขาดไม่ได้ไปเสียแล้ว ด้วยฟอร์มด้วยความฟิตในตอนนี้ เครดิตภาพ Arsenal : ภาพปก/ ภาพประกอบ 7 arsenal : ภาพประกอบ 1-1, 1-2/ ภาพประกอบ 3/ ภาพประกอบ 5-1,5-2/ ภาพประกอบ 8 liverpoolfc : ภาพประกอบ 2/ ภาพประกอบ 4 sport.trueid : ภาพประกอบ 6 ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !