
ช้างศึกเลือดใหม่!! ประวัติ จู๊ด เบลล์ กองหน้าลูกครึ่ง ของทีมชาติไทย

หลังจากที่ทัพ "ช้างศึก" ทีมชาติไทย ภายใต้การคุมทัพของกุนซือคนใหม่อย่าง แอนโธนี่ ฮัดสัน ประกาศรายชื่อ 23 นักเตะอย่างเป็นทางการออกมาในครั้งแรก ก็เรียกเสียงฮือฮาจากแฟนบอลไปได้ไม่น้อย
นอกจากการกลับมาของ 3 ตัวเก๋าอย่าง ธีราทร บุญมาทัน, สารัช อยู่เย็น และ ธีรศิลป์ แดงดา (รายหลังถอนตัวจากอาการบาดเจ็บ) อีกหนึ่งชื่อที่จัดว่าเซอร์ไพรส์แฟนบอลไม่น้อยคือการมาของ จู๊ด ซุ่นทรัพย์-เบลล์ กองหน้าลูกครึ่งไทย-อังกฤษ สังกัดสโมสรกริมสบี้ ทาวน์ ในลีกทู ของอังกฤษ
โดยในเกมอุ่นเครื่องที่ทีมชาติไทย เปิดบ้านเอาชนะ สิงคโปร์ 3-2 จู๊ด เบลล์ ได้โอกาสลงประเดิมสนามในฐานะตัวสำรองช่วงครึ่งหลัง นาทีที่63 และสามารถเรียกจุดโทษให้กับทีมได้ แต่เจ้าตัวที่ขอลุกขึ้นมาสังหารเองกลับยิงไม่เข้า พลาดโอกาสประเดิมประตูแรกในสีเสื้อช้างศึกไปอย่างน่าเสียดาย
นับเป็นการประเดิมที่ดีแม้ว่าจะพลาดจุดโทษ แต่โดยภาพรวมก็ถือว่าเป็นความแปลกใหม่ของทีมชาติไทย ที่จะมีกองหน้ารูปร่างสูงใหญ่และไปกับบอลได้ดีเอาไว้ใช้งาน จากนี้ก็คงต้องให้เวลาในการปรับตัวอีกสักหน่อย เราขอใช้โอกาสนี้พาทุกท่านไปทำความรู้จักกับเขากันให้มากขึ้น
ประวัติ จู๊ด เบลล์
จู๊ด เจคอบ ซุ่นทรัพย์ เบลล์ เกิดเมื่อวันที่ 10 มกราคม ค.ศ. 2004 ณ เมืองชิปเพนแฮม ในเขตการปกครองของวิลต์เชอร์ โดยมีคุณแม่เป็นคนไทย ส่วนคุณพ่อเป็นชาวอังกฤษเชื้อสายไอริช
ด้วยความที่เกิดและเติบโตในดินแดนที่ฟุตบอลคือวัฒนธรรม แถมมีคุณพ่อเป็นอดีตนักฟุตบอลเก่า ทำให้ จู๊ด เบลล์ มีความผูกพันกับกีฬาชนิดนี้มาตั้งแต่เด็ก เขาเริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุเพียงแค่ 5 ขวบ กับทีมท้องถิ่นอย่าง Calne Town F.C.
จากนั้นพออายุได้ 8 ขวบ เขาก็ได้โอกาสเข้าสู่ระบบอคาเดมีของสโมสรสวินดอน ทาวน์ ด้วยความหลากหลายในตำแหน่งการเล่นตัวรุก ทั้งกองกลาง, เริมเส้น, กองหน้า และรูปร่างสูงยาวเข่าดี ทักษะฝีเท้าเกินวัย
จู๊ด เบลล์ ร่วมทีมเชลซี
ลีลาการเล่นฟุตบอลของเขาไปเข้าตาแมวมองของบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ในอังกฤษ ต้องการคว้าตัวไปบ่มเพาะฝีเท้าต่อ สุดท้ายเป็นสโมสรเชลซี ที่บรรลุข้อตกลงในการดึงเจ้าหนูอนาคตไกลรายนี้เข้าไปร่วมทีม ในวัย 12 ขวบ และที่แห่งนี้คือจุดเริ่มต้นของเด็กที่วงการฟุตบอลอังกฤษเริ่มจับตามอง
การได้โอกาสไปอยู่ในทีมใหญ่ทำให้มีทรัพยากรณ์รอบด้านที่ครบครัน มันยิ่งส่งให้เขาพัฒนาฝีเท้าของตัวเองได้อย่างก้าวกระโดด เขาเริ่มต้นได้อย่างยอดเยี่ยมกับทีมชุด U13 ไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆไปสู่รุ่น U16 และ U18
จากกองกลางสู่การเปลี่ยนไปเล่นกองหน้าเต็มตัว ทำให้เขาผลิตสกอร์ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ โดยเฉพาะในเกมเอฟเอ ยูธ คัพ ที่กลายเป็นประเด็นในหน้าสื่อ กับการยิงคนเดียว 4 ประตูใส่บาร์นสลีย์ สร้างประวัติศาสต์เป็นนักเตะเชลซีคนแรกในรอบ 59 ปี ที่ทำได้ 4 ประตูในเกมเดียวของศึกเอฟเอ ยูธ คัพ ด้วยวัยเพียงแค่16 ปี
ผลงานในวันนั้นทำให้เขากลายเป็นข่าวโด่งดัง ไม่เว้นแม้แต่ในประเทศไทยที่สื่อกีฬาแทบทุกสำนักต่างหยิบเรื่องราวนี้มานำเสนอ เพราะด้วยความที่เขามีสายเลือดไทยอยู่ในตัว จึงไม่แปลกใจที่แฟนบอลชาวไทยต่างเอาใจช่วยให้เจ้าหนูรายนี้ต่อยอดกลายเป็นนักเตะอาชีพที่ดีให้ได้ในอนาคต
ฝีเท้าที่จัดจ้านกับการยิงไป 26 ประตู จากการลงเล่น 17 นัดรวมทุกรายการ คว้าตำแหน่งดาวซัลโวของศึกพรีเมียร์ลีกU18 ด้วยการซัดไป 14 ประตู ทำให้เขาได้โอกาสติดทีมชาติอังกฤษในระดับเยาวชน ซึ่งภาพรวมก็เป็นที่น่าประทับใจ เขาเคยซัดแฮตทริกใส่ทีมชาติสเปน ในชุดU16 และฝากผลงานเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลในอันดับ2 ของทีมชุดU18 ยิงไป 6 ประตู เป็นรอง จาดอน ซานโช่ เพียงแค่คนเดียว
จู๊ด เบลล์ ขึ้นทีมชุดใหญ่เชลซี
ด้วยผลงานที่โดดเด่น ทำให้สโมสรเชลซี ตัดสินใจมอบสัญญาอาชีพฉบับแรกให้กับเขาทันทีในวัย 17 ปี ก่อนจะได้รับโอกาสจาก โทมัส ทูเคิล กุนซือของเชลซีในเวลานั้นผลักดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ พร้อมกับออกปากชื่นชมว่าเป็นนักเตะที่อนาคตไกล
หลังได้ร่วมซ้อมกับรุ่นพี่ไม่นานเขาก็ได้โอกาสลงสนามในทีมชุดใหญ่ครั้งแรก ในรายการบอลถ้วยคาราบาว คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย เกมที่บุกไปเยือน เบรนท์ฟอร์ด เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2021 โดยได้ออกสตาร์ทเป็น 11 คนแรก ในทีมที่มีทั้ง โควาซิช, เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, มาร์กอส อลอนโซ่ รวมถึง เกปา ก่อนจะได้อยู่ในสนาม 45 นาที และถูกเปลี่ยนตัวออก
จู๊ด เบลล์ ย้ายไปร่วมทีมท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์
นับเป็นการเริ่มต้นที่ดีในทีมชุดใหญ่ แต่จุดเปลี่ยนสำคัญคือการที่ โทมัส ทูเคิล โค้ชที่ให้โอกาสถูกปลดออกจากตำแหน่งในเดือนกันยายน 2022 และการมาของ แกรม พอตเตอร์ ก็แทบจะไม่มีเวลาในการใช้งานดาวรุ่งในทีมมากนัก สุดท้ายโอกาสของ จู๊ด เบลล์ ก็ลดน้อยลงไปเรื่อยๆ
ในขณะที่สัญญาของเขาเหลืออยู่กับทีมเพียงแค่ 6 เดือน แม้ว่าสโมสรจะยื่นข้อเสนอเพื่อขยายสัญญา แต่เขาก็เลือกที่จะย้ายไปอยู่กับ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ทีมร่วมกรุงลอนดอนที่ให้ข้อเสนอดีกว่ายื่นเข้ามา ช่วงต้นปี 2023
ในวัย 19 ปี เขาถูก ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ส่งลงไปเล่นกับทีมชุดU21 โดยลงสนามไป 7 นัด ยิงได้ 2 ประตู จากนั้นในฤดูกาลถัดมาภายใต้การคุมทัพของ แอนจ์ ปอสเตโคกลู เขายังคงไม่ได้รับโอกาสสอดแทรกขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่อย่างที่คาดหวัง ทำให้ต้องเล่นในระดับเยาวชนต่อไป แม้ว่าจะมีผลงานดีขึ้นกับการยิงไป 10 ประตู กับ 6 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 19 นัด แต่ดูเหมือนว่าโอกาสของเขาก็ยังห่างไกลออกไป
จู๊ด เบลล์ ย้ายไปร่วมทีมกอร์โดบา
หลังจบฤดูกาล 2023-24 เขาตัดสินใจออกเดินทางอีกครั้ง คราวนี้มีหมุดหมายในประเทศสเปน กับสโมสรกอร์โดบา แม้ว่าจะเป็นการเล่นในระดับลีกา2 แต่เขาก็เต็มใจด้วยความหวังที่จะได้โอกาสลงสนามมากขึ้นกับทีมชุดใหญ่
แต่ก็ต้องยอมรับว่าการย้ายข้ามประเทศทำให้ต้องเจอกับวัฒนธรรมใหม่ สถานที่ใหม่ เพื่อนใหม่ แถมยังอยู่ไกลครอบครัว ทำให้เขาต้องเจอกับการปรับตัวครั้งใหญ่ สุดท้ายก็ได้อยู่กับทีมแค่ช่วงเลกแรก ก่อนจะถูกปล่อยไปให้ แอตเลติโก ซานลูเกโญ่ ในลีกระดับดิวิชั่น3 ยืมตัวใช้งาน ซึ่งภาพรวมก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร กับการลงสนามไป 13 นัด มีทั้งตัวจริงและตัวสำรอง ยิงไปได้แค่ 1 ประตู
จู๊ด เบลล์ ร่วมทีมกริมสบี้ ทาวน์
สิ้นสุดฤดูกาล 2024-25 หลังใช้ชีวิตในประเทศสเปน หนึ่งซีซั่นเต็มๆ เขาตัดสินใจที่จะกลับแผ่นดินอังกฤษอีกครั้ง โดยย้ายไปร่วมทีมกริมสบี้ ทาวน์ ในระดับลีก2 พร้อมกับเซ็นสัญญา 1 ปี บวกออปชั่นขยายเพิ่ม 1 ปี
แม้จะเป็นการลงมาเล่นในระดับดิวิชั่น4 ของอังกฤษ แต่เขาก็มาพร้อมกับความหวังที่จะพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งกับทีมชุดใหญ่ จนถึงตอนนี้เขาได้โอกาสลงสนามไปแล้ว 9 นัด แม้จะเป็นการออกสตาร์ทที่ม้านั่งสำรองทั้งหมด แต่ก็นับเป็นการเริ่มต้นที่ดี กับการมี 1 แอสซิสต์
จากนี้ก็หวังเพียงให้เขาเรียกความมั่นใจกลับมาอีกครั้ง เพื่อพาตัวเองไปอยู่ในระดับที่เคยทำได้ แม้การก้าวข้ามคำว่านักเตะเยาวชนจะเป็นเรื่องยาก แต่เชื่อว่าด้วยคุณภาพที่ดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ขอแค่มีความมุ่งมั่น ดูแลสภาพร่างกายด้วยวินัย ทุ่มเทให้กับการฝึกซ้อม จะทำให้เขาได้รับโอกาสมากขึ้นและไปอยู่ในจุดที่ควรจะเป็นได้
ส่วนการตัดสินใจเลือกมาเล่นให้กับทีมชาติไทย ก็นับว่าเป็นทางออกที่วิน-วินทั้งสองฝ่าย ตัวนักเตะได้โอกาสในระดับทีมชาติชุดใหญ่ แม้จะไม่ใช่ทีมชาติอังกฤษเหมือนที่เคยฝันเอาไว้ แต่ก็ทำให้เขามีพื้นที่และมีโอกาสในการแสดงความสามารถของตัวเอง ในขณะที่ทีมชาติไทย ก็จะได้ตัวเลือกเพิ่มมากขึ้น มีนักเตะที่เป็นความแตกต่างอยู่ในทีม ประสบการณ์ในระดับยุโรปของเขาน่าจะทำให้แคมป์เก็บตัวของทีมได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ
สุดท้ายก็ขอเป็นกำลังใจให้ จู๊ด เจคอบ ซุ่นทรัพย์ เบลล์ สามารถพิสูจน์ตัวเองให้ได้อีกครั้ง ให้สมกับที่เคยเป็นวันเดอร์คิดของวงการฟุตบอลอังกฤษ แฟนฟุตบอลไทยพร้อมให้โอกาสเต็มที่ เพราะอย่างน้อยๆเขาก็มีใจที่จะเล่นให้กับทีมชาติไทย