นับว่าเป็นบิ๊กแมทช์นอกรอบอีกนัดหนึ่งของศึก FA CUP รอบที่ 3 ที่ใครๆก็ว่ากันว่า ไม่น่าจะโคจรมาเจอกันเร็วเกินไปเลย สำหรับคู่เดือดอย่างเจ้าบ้าน ปื่นใหญ่ อาร์เซนอล ที่นับว่าเป็นเจ้าประจำของถ้วยนี้มาช้านาน และหงส์แดง ลิเวอร์พูล ที่กำลังควานหาความสำเร็จจากถ้วยใบนี้อีกเช่นเดียวกัน หลังจากที่ทำได้สำเร็จเมื่อสองปีก่อนสถิติที่น่าสนใจก่อนเกมเรามากล่าวกันก่อนถึงสถิติที่น่าสนใจก่อนที่เกมจะระเบิดขึ้น ซึ่งก็มีดังนี้กล่าวกันไปแล้วว่า อาร์เซนอล เป็นพี่เอื้อยหรือเจ้าแห่งถ้วยในนี้ ได้ไปทั้งหมด 14 ครั้ง ครั้งสุดท้ายได้รับในปี 2015 และทีมคู่แข่งอย่างหงส์แดง ชนะเลิศถ้วยนี้ไป 8 ครั้ง ครั้งสุดท้ายเมื่อสองปีก่อนการเป็นเจ้าบ้านของปืนใหญ่อาร์เซนอลนั้น นับว่าไม่ได้สร้างความได้เปรียบมากนักเพราะล่าสุดก็แพ้ให้กับทีมร่วมเมืองลอนดอนอย่างเวสท์แฮมไป 0-2 รวมทั้งออกไปแพ้ให้กับทีมเจ้าสัวฟูแล่มอีกด้วย ซึ่งถ้ารวมกับเกมที่บุกไปเสมอทีมหงส์แดง คู่แข่งในวันนี้ก็เท่ากับว่า 3 นัดหลังนั้น ทีมปืนใหญ่เก็บชัยไม่ได้เลย แถมแพ้ไปถึง 2 นัดทีมเยือนมีสถิติที่ดีกว่าในการพบกัน นับตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา อาร์เซนอลเป็นฝ่ายกำชัยชนะเพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้นแล้วผลการแข่งขันล่ะ ?ผลการแข่งขันของฟุตบอลคู่นี้ก็เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า ฝ่ายทีมเยือนอย่างหงส์เป็นฝ่ายบุกมากำชัยได้ถึงถิ่น เอมิเรตส์สเตเดียมไป 0-2 ซึ่งถ้าใครตื่นมาดูผลก็อาจจะคิดว่าหงส์แดงน่าจะเล่นกันแบบท็อปฟอร์ม และบดไปได้แบบนิ่มๆ แต่ที่จริงแล้วในเกมนั้นยังมีเบื้องหลังเบื้องลึกและรายละเอียดมากกว่านั้นก่อนเกมบรรดากูรูบอลนั้น จะมองว่าฝั่งหงส์แดงจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบเนื่องจากขาดผู้เล่นคีย์แมนและ Player Of The Month ของสโมสรคนล่าสุดอย่างโมฮัมเหม็ด ซาลาห์ และวาตารุ เอนโด ที่ติดภารกิจรับใช้ชาติ นอกจากนั้น ยังไม่พกปราการหลังตัวแกร่งอย่าง เวอร์จีล ฟาน ไดค์ มาลองดอนด้วย ซึ่งดูยังไง เกมนี้ถ้าจัดผู้เล่นไม่เต็มสูบ ก็ต้องเสียเปรียบแน่นอน หลายๆคนมองว่าทางด้านกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปส์ ทิ้งถ้วยนี้ไปแล้ว ด้วยซ้ำไปพอเริ่มต้นเกมมาจริงๆนั้น ในช่วงต้นครึ่งแรกก็ดูว่าจะเป็นไปตามที่กูรูได้มองกันไว้ แค่ 15 นาที แรกทางเจ้าบ้านก็มีโอกาสส่องแบบหวาดเสียวไปถึง 6 ครั้งด้วยกัน แต่ก็ติดเซฟติดคานไปหมด รวมทั้งความทื่อของแดนหน้าที่ทำให้ทุกอย่างยากไปหมดสำหรับทีมเหย้า ในขณะที่ทีมเยือนนั้น มีโอกาสจบสกอร์เพียงแค่หนเดียวในครึ่งเวลาแรกเป็นที่จับตากันว่า ในครึ่งเวลาหลังจะแก้เกมกันอย่างไรระหว่างจอมแท็คติคอย่าง เจอร์เก้น คล้อปส์ ที่ถือว่าเป็นกุนซือที่แก้เกมครึ่งหลังได้ดี และ มิเกล อาร์เตต้า ชายผู้ที่เคยได้รับฉายาว่า “New Pepe”หลังจากแก้เกมได้ดีจนเกมรุกของเจ้าบ้านดูตันไปหมด ทีมเยือนก็สามารถได้ประตูจากความผิดพลาดของกองหลัง Kiwior ที่โหม่งเข้าประตูตัวเองไป อย่างสวยงาม? ในนาทีที่ 80 กันเลยประตูที่ฝังเจ้าบ้านจริงๆเกิดขึ้นในนาทีที่ 90+5 ซึ่งเป็นนาทีสุดท้าย จากการประสานงานของทางด้านของ ดาร์วิน นูเนซ (ซึ่งนัดนี้ก็ยังโนสกอร์เช่นเคย) ดิเอโก โชต้า และจบที่ หลุยส์ ดิอาซ ซึ่งก็เป็นลูกแรกใน 7 นัดหลังสุดของเขาด้วยยังไม่จบแค่นี้สำหรับ ปืน-หงส์ถึงแม้จะได้บทสรุปกันไปแล้วสำหรับถ้วย FA Cup ในปีนี้สำหรับปืนและหงส์ แต่ในฤดูกาลนี้นั้นจะต้องเจอกันอีก 1 รอบในการแข่งขันลีกปกติ ซึ่งดูแล้วการจัดตัวก็จะไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากนักเพราะยังอยู่ในห้วงเวลาการรับใช้ชาติของนักเตะสำคัญสองคนที่กล่าวถึงไปแล้ว แต่ตอนนี้แฟนหงส์อาจจะทึกทักกันไปแล้วว่า No Salah , No Problem เพราะนักเตะอะไหล่ที่เหลือก็โชว์ฟอร์มช่วยกันได้เป็นอย่างดี แถมในรอบ 16 ทีมนั้น ยังถือว่าเจอกับงานเบา เมื่ออยู่เฝ้าบ้าน รับการมาเยือนของไม่ นอริช ซิตี้ ก็บริสตอล โรเวอร์สสำหรับปืนใหญ่ที่ทำท่าจะด้านเร็วกว่าปีที่แล้วเสียอีก ทำท่าจะหลุดวงโคจรไปตั้งแต่เนิ่นๆทีละถ้วย ก็ต้องมาดูกันว่า อาร์เตต้าและพลพรรคปืนหนุ่มจะพาทีมกลับมาอยู่ในเส้นทางได้เร็วแค่ไหน ถ้ายังทำไม่ได้ในเร็ววันนี้ก็ต้องขอบอกลากันได้เลยกับการลุ้นแชมป์ในประเทศในปีนี้ปล. คู่นี้ยังทำสถิติผู้ชมทาง BBC ONE สูงถึง 3.7 ล้านคน สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของ FA Cup รอบ 3 ภาพปก : twitter.com/LFC twitter.com/EmiratesFACupภาพประกอบ 1 : twitter.com โดย Curtis Jonesภาพประกอบ 2 : twitter.com/LFCภาพประกอบ 3 : twitter.com โดย Trent Alexander-Arnoldภาพประกอบ 4 : twitter.com/LFC ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !