TRUE TALK : เมื่อกองไฟไม่สุมฟืน ... by "ต็อกตั้ม พรรษิษฐ์"
“เดือดดาล” เป็นคำที่จำกัดความได้กับบรรยากาศหลังทีมฟุตบอลชายไทย เล่นสามนัดผ่าน มี 2 แต้มจากเกมเสมอ กาตาร์ และ บังคลาเทศ จากต้องไปไล่แช่งทีมอื่นๆให้แพ้เพื่อที่มีผลงานแย่กว่าตนหวังจะเข้ารอบด้วย 2 คะแนนที่มี
เรื่อง “โค้ชโย่ง” วรวุฒิ ศรีมะฆะ หรือท่านนายกสมาคม พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง คงไม่ต้องห่วงใยอะไรท่านๆ มากนักเพราะต่างก็เป็นผู้ใหญ่ อายุอานามมากโขคนหนึ่งใกล้ป้าย 50 อีกท่านทะลุเกษียณ ย่อมทราบดีว่าอะไรเป็นอะไร วิจารณญาณสามารถพิจารณาได้แล้วว่าเรื่องใดที่พูดออกไปจะสะท้อนอะไรกลับมา
แน่นอนที่สุดทั้ง 2 ท่านรู้ดีว่าต้องรับมือเหตุการณ์อย่างไรนั่นคือเรื่องสำคัญ ซึ่งทุกฝ่ายต่างก็เข้าใจกันได้ว่าสุดท้าย ย่อมเป็นทั้งคู่นั่นแหละที่ต้องรับผิดชอบกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะรายหลังในฐานะผู้นำหลีกเลี่ยงไม่ได้หรอกกับการรับผิดชอบหากยังยึดมั่นกับคำว่ามีประสิทธิภาพ และสง่างามอยู่ที่จะทำอย่างไร หากแต่ไม่สนใจท่านก็คงรู้ว่าการอยู่ในตำแหน่งนี้ด้วยการทำงานแบบนี้จะได้กระแสตอบรับแบบไหน
ทว่าที่น่าห่วงเหลือเกินนั่นคือ “โอษฐภัย” ของเหล่านักเตะทีมชาติไทยในชุดนี้ มันเป็นภาพที่ออกมาไม่น่ามองเอาเลย นักเตะทั้งคู่ที่อยู่ในเนื้อข่าวถือเป็นดาวรุ่งที่น่าสนใจ และจับตามองมาได้พักใหญ่ ยอมรับ และชื่นชมในความสามารถว่าน่าจะมีอนาคตที่ไกลกว่าการเป็นนักเตะดาวเด่นรุ่นไม่เกิน 23 ปี บ่อยครั้งที่ชื่นชมออกอากาศ ทั้งหน้าจอโทรทัศน์หรือหน้าปัดวิทยุ
ดังนั้นบทความนี้ขอยืนยันว่ามาจากความปรารถนาดี เพราะส่วนตัวไม่ได้รู้จักคุ้นเคย เชื่อได้ว่าเดินสวนก็ไม่มีใครทักกันแน่ ทั้งคู่ก็ไม่เคยทำร้ายจิตใจอะไรตัวผู้เขียน ทั้งหมดที่จะแนะมาจากความห่วงใย และอยากแนะให้เห็นอีกมุมหนึ่ง เผื่อน้องๆ นักเตะคนไหนที่กำลังเผชิญปัญหาลักษณะดังกล่าว
สิ่งแรก ขอใช้พื้นที่นี้ชมในสิ่งที่คิดว่าน่าชื่นชมเสียก่อนนั่นคือ ตลอด 3 เกม ทีมชุดนี้ทำได้ดีในเรื่องของการต่อสู้ เล่นเต็มที่ ไม่ทิ้งเกม มาตรฐานดูดีขึ้นจากซีเกมส์ที่ผ่านมา ทั้งสมาธิ ความตั้งใจและทีมเวิร์กแม้ทีมที่แข่งด้วยจะแกร่งกว่าอาเซียนมากนัก แต่ก็ปัญหาเดิมๆ ตามที่ชินตาทั้งจังหวะจบสกอร์ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ จนทำให้ไม่สามารถเอาชนะใครได้
ปัญหามันก่อมานานนมไม่ใช่แค่ 90 นาทีในสนาม ทั้งปัญหาที่หยั่งรากลุกเรื่องโครงสร้างการทำทีมซึ่งไม่เปิดให้เด็กไทยมีโอกาสลงสนามในตำแหน่งสำคัญของเกมลีก ทั้งกองหน้า กลางรุก เซนเตอร์ฮาล์ฟ ทำชี้ขาดแบบนี้ทีมไหนเลือกได้ก็ควักจ่ายต่างชาติ การวางโปรแกรมคลาสสิกที่มีเวลาให้เก็บตัวกันไม่ถึง 5 วันดี ก่อนเริ่มทัวร์นาเม้นต์ หรือการเตรียมสืบคู่แข่งทุกอย่างส่งผลต่อผลการเล่น ยิ่งโชคร้าย มาตรวัดอันดับที่ 4 จาก 4 ปีก่อน ซึ่งทีมชาติไทยชุดนั้นระดมผู้เล่นทีมชาติชุดใหญ่ไว้ล้นทีม
ดังนั้นแม้คนดูจะรู้อยู่เต็มอกว่าในสนามทำงานกันเต็มที่แต่ผลตกรอบไม่ชนะใครแบบนี้คงเถียงอะไรใครไม่ได้ เพราะแค่ “เต็มที่มันดีไม่พอ” สิ่งที่ตามมือความผิดหวังซึ่งคนที่ Sadddddddddd สุดก็ทีมงาน และนักกีฬานั่นแหละ
เข้าใจดีว่าทำเต็มที่แต่ดีไม่พอมันทำใจลำบากเมื่อโดนด่าไม่เว้นแต่เกมที่ลงสนาม เหมือนโลกนี้ไม่มีใครเป็นเพื่อนเราสักคน “พวกมึงไม่เข้าใจกูเลย” ความคิดแบบนี้โผล่ขึ้นหนักเข้าก็อดใจไม่ไหว มึงด่ากูได้ กูก็ตอบโต้มึงได้สิวะจะทำไมกันหนักเข้าขอตัดพ้อระบายออกมาให้รับรู้กันบ้างว่าอะไรเป็นอะไรคนเต็มที่แล้ว
สุดท้ายผลมันวนกลับมาหาตัวนักเตะเองนั่นแหละครับ เพราะอะไรนะเหรอ ?
อย่างแรก คุณคือบุคคลสาธารณะเรื่องนี้ไม่ต้องคิดอะไร อยากได้หรือไม่อยากได้ก็ต้องรับกันไปทั้งผลประโยชน์จากสถานะนี้ทั้งชื่อเสียง เงินทองหรือชีวิตที่ถูกก้าวก่าย แม้จะบอกว่า คนสาธารณะก็คน ก็ไม่ผิดอะไรแต่ก็ต้องทนกันไปไม่อย่างนั้นก็รับผลที่ตามมาเพราะคิดให้ดีคุณเป็นคนสาธารณะแน่ๆ ไม่มีโลกส่วนตัวหรอก เพราะอาชีพที่พวกคุณทำมันเข้าไปอยู่ในเวลาชีวิตส่วนตัวของแฟนกีฬา
“คุณทำงานในเวลาส่วนตัวของพวกเขาดังนั้นมันถูกแลกไปตั้งแต่ที่คุณตัดสินใจทำงานนี้แล้ว ไม่ว่าจะดารา นักร้อง นักกีฬาก็เป็นหนึ่งในอาชีพที่ต้องเสียสละไม่สิ ต้องแลกกัน”
ดังนั้นหากจะอยู่ในอาชีพนี้ ต้องทนให้ได้ไม่ก็เลิกสนใจเสีย เพราะทนไม่ไหวไปด่ากลับโลกเดี๋ยวนี้รออยู่แล้วที่จะประจานคุณ แถมหงายการ์ดรู้เท่าไม่ถึงการณ์ไม่ได้นะ เกิน 20 แล้วเป็นผู้ใหญ่แล้ว
เรื่องที่ 2 มนุษย์แต่ละคนใช้ฟุตบอลเป็นอุปกรณ์บำบัดต่างชนิดกันบางคนดูเอาเพลินเขาไม่สนหรอกว่าแพ้หรือชนะเต็มที่ห่ำหั่นกันสะใจก็พอ กลุ่มนี้จะไม่ลบกับทีมชาติไทยเท่าไหร่ แต่บางกลุ่มโหดร้ายกว่านั้นเขาใช้ฟุตบอล และโซเชียลเป็นที่ระบายอารมณ์ด่าทุกอย่างที่นึกออก ด่าสวนทุกคำชื่นชมที่เห็น ด่ากราดสาดสิ่งเลวร้ายทางอารมณ์ออกมาถ่ายทอดตัวตนที่เป็นปลดปล่อยทุกความเก็บกดในชีวิตในโอกาสนี้
ไม่เห็นจะแปลกเลยคุณ ขนาด ฝรั่งเศส ได้แชมป์กองหน้าตัวหลักอย่าง โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ยังโดนด่าแหลกราวเตะบอลไม่เป็นแต่เป็นสามีโค้ชเลยได้ลง
ดังนั้นพิจารณาเสียว่าเรื่องไหนควรเสียเวลา เรื่องไหนควรสนใจ ตัวคุณในฐานะคนทำงานรู้ดีอยู่แล้วว่าอะไรจริง อะไรคือเรื่องประโลมใจอย่าหลอกตัวเอง คำด่าที่ลอยมาตามเนตนั้นมันสอดคล้องกับความจริงไหม มันเก็บมาพัฒนาตัวเราได้รึเปล่า หรือก็แค่คำระบายอารมณ์ก็ปล่อยมันไป
เราไม่สามารถไปเล่นงานคนพูดไม่ถูกใจได้ทุกครั้งทุกคนหรอก แต่เราเลือกจะไม่สนใจ และเอาเวลาที่ต้องเสียไปมาพัฒนาตัวเองเพื่อพิสูจน์คำปรามาสที่มีก็แค่พวกตาถั่วยังมองไม่เห็นตัวตนที่แท้จริงก็เท่านั้น
มันมีคำอาจฟังดูเชยอ่านแล้วคงงงไม่น่าสนใจหากไม่ได้คิดตาม แต่ติดในใจผมมานาน
“กองไฟไม่ว่ามันจะใหญ่สักแค่ไหน หากเราไม่ใส่ฟืนลงไปเพิ่ม มันจะดับด้วยตัวมันเอง” เรื่องมันจริงๆ เสมอสถานการณ์แบบนี้อ่านไปก็อารมณ์ขึ้นนะ แต่ถ้าโต้ตอบมันเหมือนจุดไฟใส่กอหญ้ามันจะลามไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ได้อะไร แล้วทำยังไงดีไม่ตอบโต้แต่แรกเลยดีกว่า
สุดท้ายโปรดอย่าลืม ตัวคุณมาทำอะไร คุณมาที่นี่ไม่ได้มาเพื่อทำให้ทุกคนรักเราหรอก เรามาทำงานนั่นคือเตะฟุตบอล งานที่ทำงานคุณมีไม่มากนักนั่นคือสนามซ้อมแล้วสนามแข่ง ไม่ใช่หน้าจอคอมพิวเตอร์ มือถือ หรือมุมมืดหลังซอยไหนสักแห่งเพื่อเคลียร์กับคนที่คุณก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร เป็นปกติใครโดนด่าก็โกรธ
ผมเคยนั่งคุยกับนักร้องวงร็อกบ้านเราคนหนึ่งวงนี้อายุยืนยาวมากกว่า 20 ปี เป็นเพื่อนกันมาแต่แล้ววันหนึ่งฟ้าผ่า นักร้องคนนี้ต้องเข้ามารับบท Frontman แทนที่ตำนานคนเก่าเขาโดนด่าตั้งแต่วันแรกที่ออกข่าวจนวันนี้ เขาเครียดจนเข้า โรงพยาบาลทำได้แค่นอนอยู่บนเตียง แล้วเปิดดูไอ้โลกโซเชียลนี่แหละสิ่งที่ได้กลับมาก็คือ
“ทำไมมึงไม่ตายห่าไปเลยวะ ตายๆ ไปเลย” เขาโกรธมากขึ้นสุดๆ ไหนบ้านมึงอยู่ไหน มึงกวนตีนเหรอ มาเลย มึงเข้ามา กูไปทำอะไรให้มึงคนไม่เคยเห็นหน้าไม่รู้จักสักหน่อย
แล้วเป็นยังไงหล่ะ โมโหไปสักพักเขากลับมามองตัวเองก็ยังนอนอยู่บนเตียงนี่หว่าอยู่ที่เดิม ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย เอาวะช่างมันจากนั้นก็ตัดสินใจเลิกเล่นโซเชียลปิดมันไป ตั้งใจทำงานของเราดีกว่านั่นแหละทางออก หากเขาไม่หยุดก็ไม่มีทางรู้หรอกว่าจริงๆ แล้วมาทำอะไร มาที่นี่ไม่ได้มาเพื่อทำให้ทุกคนรักเราหรอก เรามาทำงานให้เต็มที่หากจะมีคนรักเขาจะรักจากจุดนั้น
เหมือนกันหากคุณจะเสียงาน เสียตำแหน่งตัวจริง ไม่ใช่เพราะแฟนบอลด่าหรอก จะเสียเพราะฝีเท้าคุณไม่ดีพอสำหรับโค้ชคนทำทีมต่างหาก หากคุณเก่งพอ ดีพอยัง ทีมก็ต้องการ
เรื่องทั้งหมดหากคิดได้ยอมรับได้อีกไม่กี่เดือนหรือปีข้างหน้า เรื่องน่าโมโหในตอนนั้นก็กลายเป็นเรื่องตลก
อย่าลืมว่าวันใดวันหนึ่งหากเรามัวแต่เอาสองมือที่มีไปแบกไว้ซึ่งความชื่นชมที่หอมหวานหรือคำติติงที่บั่นทอนกำลังใจวันนั้น ทุกอย่างก็จบ เพราะคุณจะไม่มีมือไปไขว่คว้าสรรหาวิธีพัฒนาตัวเองต่อไป
กลับมาให้ได้นะน้องๆ …
“ต็อกตั้ม พรรษิษฐ์”
ช่องทางการรับชมการถ่ายทอดสดทาง TrueID
ดูบอลสดผ่านแอปพลิเคชั่น ทรูไอดี คลิก!
ดูบอลสดผ่านเว็บไซต์ ทรูไอดี ฟรี คลิก!
ติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports