เมื่อช่วงเย็นวันศุกร์ที่ผ่านมา มีการจับฉลากประกบคู่ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งตอนนี้มีทีมจากพรีเมียร์ลีกเหลืออยู่ 2 ทีมเท่านั้น นั่นก็คือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ เชลซี ส่วนที่เหลือเป็นทีมจากกัลโช่เซเรียอา 3 ทีม ลาลีก้า 1 ทีม และโปรตุเกส 1 ทีม โดยการจับฉลากในครั้งนี้จะวางเส้นทางไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศ เราจะได้รู้กันทันทีว่าแต่ละทีมมีโอกาสที่จะต้องเจอใครบ้าง ถ้าพร้อมแล้วเราก็มาดูผลการจับฉลากกันได้เลยหลังการจับฉลากปรากฎว่าเราจะได้เห็นเกมบิ๊กแมตซ์ที่น่าดูหลายคู่ เบนฟิก้า vs อินเตอร์มิลาน อาจจะเป็นคู่ที่น่าสนใจน้อยสุด แต่ทั้งสองทีมก็มีผลงานที่ไม่ธรรมดาเหมือนกัน ส่วน เอซีมิลาน vs นาโปลี เป็นบิ๊กแมตซ์จากอิตาลี น่าเสียดายที่จะมีทีมเดียวได้ผ่านเข้ารอบต่อไป ส่วนอีกสองทีมใหญ่จากพรีเมียร์ลีก ต้องเจอเกมหนักด้วยกันทั้งคู่ถูกจัดว่าเป็นศึกยักษ์ชนยักษ์ มิหนำซ้ำยังถูกวางอยู่ในสายเดียวกันอีก ทำให้ถ้าผ่านรอบนี้ได้มีโอกาสที่จะต้องเจอกันในรอบรองชนะเลิศ และอย่างเก่งที่สุดในฤดูกาลทีมจากอังกฤษ มีโอกาสทะลุเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศได้เพียงแค่ทีมเดียวเท่านั้น ส่วนใครจะมีโอกาสมากกว่ากัน ลองมาติดตามดูได้เลยเรอัล มาดริด vs เชลซีเชลซี จับมาเจองานใหญ่พบกับราชันชุดขาว เรอัล มาดริด ยักษ์ใหญ่จากลาลีกาสเปน ซึ่งเป็นทีมที่คว้าแชมป์ถ้วยนี้มากที่สุด 14 สมัย และยังเป็นแชมป์เก่าเมื่อฤดูกาลนี้แล้วอีกด้วย ส่วนเชลซีเป็นแชมป์รายรายนี้ 1 สมัยในปี 2012 เราลองมาดูฟอร์มของทั้งสองทีมในปีนี้กันเชลซี เข้ารอบมาด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม ลงเล่น 6 เกม ชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ 1 ยิงได้ 10 ประตูเสียไป 4 ประตู ส่วนรอบ 16 ทีมสุดท้ายเอาชนะ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ รวมสกอร์ทั้งสองนัด 2-1 เรอัลมาดริด เข้ารอบมาด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม ลงเล่น 6 เกม ชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ 1 ยิงได้ 15 ประตูเสียไป 6 ประตู ส่วนรอบ 16 ทีมสุดท้ายเอาชนะ ลิเวอร์พูล รวมสกอร์ทั้งสองนัด 6-2 ถ้าหากเราลองเทียบฟอร์มการเล่นในปัจจุบัน ต้องยอมรับว่าราชันชุดขาวดูเหนือกว่าพอสมควร ด้วยสภาพทีมและขุมกำลังที่ดีกว่า นักเตะเล่นกันได้อย่างรู้ใจ เกมรุกเด็ดขาด รวมถึงนักเตะหลายคนก็มีประสบการณ์สูง การเอาชนะลิเวอร์พูลแบบขาดลอยเมื่อรอบที่แล้ว เป็นการแสดงให้เห็นถึงคุณภาพที่สูงมากๆ ส่วนทีมสิงห์บลู เชลซี กำลังอยู่ในช่วงสร้างทีมใหม่ ความแน่นอนในแต่ละเกมจึงยังมีไม่มาก หลายครั้งที่นักเตะยังไม่ค่อยเข้าใจกันเท่าไร แต่ก็มีหลายเกมที่เล่นกันได้ดี อย่างเช่นการเอาชนะเสือเหลืองเมื่อรอบที่แล้ว แสดงให้เห็นวานักเตะก็มีคุณภาพที่ดีเหมือนกัน เพียงแต่ขาดความสม่ำเสมอไปเท่านั้นเอง ดังนั้นการจะผ่านเรอัลมาดริด นักเตะสิงห์บลูจำเป็นต้องอยู่ในฟอร์มที่ดีทั้งสองเกม โดยเฉพาะในเกมแรกที่ต้องไปเยือนต้องเก็บผลการแข่งขันที่ดีกลับมาให้ได้ เกมรับต้องเล่นอย่างรัดกุม ไม่ก่อความผิดพลาดกันเอง รับให้แน่นแล้วรอจังหวะสวนกลับเร็วจะดีกว่า เพราะการไปเปิดเกมสู้ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำ เนื่องจากความเด็ดขาดในเกมรุกนั้นสู้ไม่ได้ การป้องกันไม่เสียประตูไว้ก่อน จึงจะช่วยให้มีโอกาสผ่านเข้ารอบได้มากกว่าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ vs บาเยิร์น มิวนิคเรือใบสีฟ้า ยังคงเจองานที่ไม่ง่ายในถ้วยใบนี้ เมื่อจับฉลากมาเจอกับทีมเสือใต้แชมป์เก่าเมื่อปี 2020 และเป็นอดีตแชมป์ 6 สมัย ในขณะที่แมนซิตี้กำลังต้องการคว้าแชมป์ยุโรปเป็นครั้งแรก เพื่อเติมเต็มความสำเร็จของสโมสร หลังจากที่ครองความยิ่งใหญ่บนเกาะอังกฤษมาแล้วหลายปี การได้แชมป์ยุโรปจึงจะเป็นการปลดล็อคความยิ่งใหญ่ในระดับทวีป ส่วนตอนนี้เราลองมาดูฟอร์มของทั้งสองทีมในปีนี้กันแมนซิตี้ เข้ารอบมาด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม ลงเล่น 6 เกม ชนะ 4 เสมอ 2 ไม่แพ้ใคร ยิงได้ 14 ประตูเสียไป 2 ประตู ส่วนรอบ 16 ทีมสุดท้ายเอาชนะ แอร์เบ ไลป์ซิก ด้วยสกอร์ที่ขาดลอยรวมสองเกม 8-1บาเยิร์น มิวนิค เข้ารอบมาด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม ลงเล่น 6 เกม ชนะหมดทั้ง 6 เกม ยิงได้ 18 ประตูเสียไป 2 ประตู ส่วนรอบ 16 ทีมสุดท้ายเอาชนะ ปารีส แซงต์แชร์กแมง ได้ทั้งสองเกมสกอร์รวม 3-0หากลองเทียบฟอร์มกันแล้วมีมาตรฐานสูง และใกล้เคียงกันมาก เป็นสองทีมที่ยังไม่แพ้ใครในบอลยุโยปฤดูกาลนี้ ทีมเสือใต้เอาชนะได้ทั้ง 8 เกมที่ลงเล่น รอบที่แล้วก็ผ่านทีมใหญ่อย่างเปแอสเชมาได้แบบไม่ยากนัก ในขณะที่เรือใบสีฟ้ารอบที่แล้วโชว์โหด ไล่ถล่มกระทิงแดงจากเยอรมันไปแบบเละเทะ นับว่าเป็นการเจอกันที่ถูกคู่มากแต่น่าเสียดายที่เร็วไปหน่อย บาเยิร์น มิวนิค ยังคงมีฤดูกาลที่ยอดเยี่ยม เกมรุกดุดันแม้จะไม่มีศูนหน้าชั้นยอด แต่นักเตะก็ยังช่วยกันยิงประตูเป็นกอบเป็นกำ และแข็งแกร่งทุกครั้งเวลาเล่นบอลยุโรป ส่วนแมนซิตี้ถ้วยยุโรปคือความต้องการสูงสุด สไตท์การเล่นยังคงเหมือนเดิม โดนเด่นในการครองบอลและมีความหลากหลายในการเข้าทำประตู แต่ปีนี้เพิ่มเติมด้วยการมี เออร์ลิง ฮาแลนด์ ทำให้พื้นที่สุดท้ายมีความโหดเหี้ยมและหวังผลได้มากกว่าเดิม โดยทั้งสองทีมมีจุดเด่นที่เกมรุกเหมือนกัน ส่วนเกมรับก็มีข้อด้อยในการป้องกันเกมสวนกลับเหมือนกันอีก จึงเชื่อว่าเกมนี้เราน่าจะได้เห็นการต่อสู้กันด้วยเกมรุก ใครเฉียบคมกว่าก็มีโอกาสชนะไป ซึ่งการที่แมนซิตี้มีดาวยิงอย่าง เออร์ลิง ฮาแลนด์ ก็จะทำให้ได้เปรียบไม่น้อยเลยถ้าหากจะให้คาดเดาผลงานของทั้งสองทีมจากอังกฤษ คงเป็นเรื่องที่ยากเพราะฟุตบอลถ้วยแบบนี้ ไม่มีความแน่นอนอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ตลอด แต่ในมุมองของผู้เขียนคิดว่า เชลซี กำลังอยู่ในช่วงสร้างทีมผลงานยังไม่นิ่ง นักเตะหลายคนรวมถึงผู้จัดการทีม ยังขาดประสบการณ์ในเกมสำคัญๆ จึงอาจทำให้เสียเปรียคู่แข่งพอสมควร ต้องงัดฟอร์มสุดยอดออกมาให้ได้ในทุกเกมที่เหลือ ส่วน แมนซิตี้ ฤดูกาลนี้น่าจะเป็นปีที่พร้อมที่สุด มีดาวซัลโวมาช่วยเติมเต็มพลังเกมรุกของทีม การเจอกับเสือใต้จึงเป็นบทพิสูจน์สำคัญถ้าผ่านไปได้ โอกาสคว้าแชมป์ยุโรปครั้งแรกมีสูงมากถ้าหากเพื่อนๆชอบในการวิเคราะห์ของเรา หรืออยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพิ่มเติม รบกวนฝากกดติดตามบทความอื่นๆของเราได้ทั้ง 2 ช่องทางด้านล่างนี้เลย ขอบคุณครับTrueid : NPK Footballstyleเพจ Facebook : NPK Footballstyleเครดิตภาพภาพปก Manchester Cityภาพ1 UEFA Champions Leagueภาพ2 UEFA Champions Leagueภาพ3 UEFA Champions Leagueภาพ4 Chelsea Football Clubภาพ5 UEFA Champions Leagueภาพ5 Manchester City Community ฟุตบอล ถกประเด็นร้อนฟุตบอลทุกลีก ใครตัวเต็ง ใครฟอร์มตก ต้องเคลียร์