ถือว่าเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์พอสมควรนะครับ สำหรับฟอร์มการเล่นและผลงานการแข่งขันของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้ เพราะแข่งขันไปแล้วทุกรายการ 10 นัด ชนะ 4 เสมอ 4 และแพ้ 2 โดยแบ่งเป็นเกมพรีเมียร์ลีก 7 นัด และเกมยูซีแอลอีก 3 นัด โดยที่ถูกพูดถึงเป็นส่วนใหญ่ก็มาจากเกมพรีเมียร์ลีกนี่แหละ เพราะแข่งไป 7 เกม แต่เก็บชัยชนะได้เพียง 2 นัด แพ้ 1 นัดและเสมอไปถึง 4 เกม แถมเกมในยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกก็มีเกมที่บุกไปโดนนาโปลีถล่มยับ 4-1 ทำให้เกิดเสียงวิพากย์ วิจารณ์ และการวิเคราะห์ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลิเวอร์พูล โดยในบทความนี้ที่ชื่อว่า "5 Liverpool's Problem in this season (5 ปัญหาพาลิเวอร์พูลฟอร์มบู่ซีซั่นนี้)" ผมจะพูดถึงและวิเคราะห์ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหงส์แดง ทำไมถึงฟอร์มไม่เป็นไปตามความคาดหมาย แต่ต้องขอบอกก่อนนะครับว่าการวิเคราะห์นี้มาจากความคิดเห็นส่วนตัวของผม ผสมกับการวิเคราะห์ของเหล่าคนในวงการ และเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ที่ผมเห็นด้วยอีกนะครับ อาจจะถูกใจหรือไม่ถูกใจ หรือไม่ตรงตามความคิดของใครก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ก่อนเลยนะครับสาเหตุแรกที่ผมอยากจะพูดถึงก็คือ ใช้งานแทคติกและทีมชุดนี้เล่นด้วยกันมานานมากแล้ว แทบไม่มีการเปลี่ยนมากเท่าไหร่เลย โดยเรื่องนี้ผมก็คิดไว้อยู่แล้วว่าอาจจะมีปัญหาแน่ๆ แล้วยิ่งมาได้ยิน "เจ๊ดำ" จาก YouTube ช่อง Jdumofficial พูดถึงลิเวอร์พูลแล้ว มันยิ่งค่อนข้างชัด เพราะทีมชุดนี้เล่นด้วยกันมาหลายปีมากๆ แล้ว ซึ่งถ้าจะเริ่มนับจริงๆ คงต้องย้อนไปตอนฤดูกาล 2017/2018 ในปีที่เป็นรองแชมป์ UCL โดยทีมชุดนั้นกับทีมชุดนี้ยังอยู่กับทีมเกินครึ่งทีมอยู่เลย เทรนต์-อาร์โนลด์, ฟาน ไดจ์ค, โรเบิร์ตสัน, เฮนเดอร์สัน, มิลเนอร์, แชมเบอร์เลน, ซาลาห์ และเฟอร์มิโน ส่วนฤดูกาลถัดมาก็เสริมทัพ (นับเฉพาะคนที่ยังอยู่) ก็มีอลิซอน, ฟาบินโญ่ และเกอิต้า จะเห็นได้ว่าทีมชุดนี้เล่นมาด้วยกันอย่างยาวนานอย่างน้อยก็ 4-5 ปีแล้ว บางคนก็ยังได้ลงเล่นสม่ำเสมอ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ควรมีการเปลี่ยนแปลงอยู่สม่ำเสมอ บวกกับแทคเติมที่ค่อนข้างเหมือนเดิม ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง ทำให้คู่แข่งเริ่มจับทางได้ แก้ทางแทคติกได้ เพราะถ้าทีมคู่แข่งรับแบบจอดรถบัสเกมนั้นก็จะกลายเป็นเกมที่อึดอัดของลิเวอร์พูลทันที หรือถ้าไม่สามารถเพรสซิ่งคู่แข่งจนเสียบอลได้ หรือคู่แข่งแกะการไล่เพรสได้ บอลก็จะมาถึงหน้าปากประตูตัวเองได้ไวและมีโอกาสเสียประตูสูง เพราะแบ็คสองข้างดันสูง หรือลองปิดการครอสจากแบ็คทั้งสองข้างก็สามารถทำให้เกมรุกของลิเวอร์พูลนั้นดรอปลงได้ เป็นงานหนักของคล็อปป์และทีมงานหลังบ้านที่หาวิธีเข้าทำที่หลากหลายกว่านี้สาเหตุที่สอง มันอาจจะข้องเกี่ยวกับข้อแรก คือ นักเตะที่อยู่มานานบางคนไม่มีใครมากดดัน แย่งตำแหน่งเวลาทำผลงานไม่ดี บางคนที่ผมพูดถึงมี 2 คนด้วยกัน ได้แก่ เทรนต์-อาร์โนลด์ และซาลาห์ เพราะจะเห็นได้ว่าในตำแหน่งอื่นๆ จะมีคอยหมุนเวียน สับเปลี่ยนลงได้อยู่ตลอด แต่กับสองคนนี้ไม่มีใครที่สามารถหมุนเวียนเปลี่ยน/กดดันตำแหน่งเวลาเล่นไม่ดีเลย ยิ่งไม่มีใครมีกดดัน แข่งขันก็จะทำให้ไม่เกิดการพัฒนา หรืออาจจะพัฒนาได้ช้ากว่าเท่าที่ควรจะเป็น เพราะเล่นแย่ยังไงก็ไม่มีใครแย่งตำแหน่ง ยังไงก็ได้ลง ทุกๆ อย่างบนโลกล้วนแล้วแต่ควรที่จะมีการแข่งขัน เพราะเมื่อมีการแข่งขันก็จะเกิดการพัฒนาอยู่เสมอๆ ในรายของเทรนต์นั้นอาจจะมีโจ โกเมซคอยสลับลงบ้าง แต่ตำแหน่งจริงๆ ของโกเมซคือเซ็นเตอร์แบค เกมรุกไม่ดีเท่าเทรนต์แน่ๆ นอกจากนี้ฤดูกาลนี้ก็มีการเสริมตัวอย่างคัลวิน แรมเซย์ แบ็คขวาดาวรุ่ง 18 ปีที่ไปซื้อตัวมาจากอเบอร์ดีนแต่ก็ดันเจ็บยาว พึ่งกลับมาเริ่มซ้อมกับทีมได้ เทรนต์ดูเหมือนจะเริ่มมีการแข่งขันในตำแหน่งแล้ว แต่กับซาลาห์นั้นยึดตัวจริงในตำแหน่งปีกขวามาอย่างยาวนานมาก จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครมาเบียดสู้ตำแหน่งเขาเลย อาจจะมีหลุยซ์ ดิอาซย้ายมาเล่นฝั่งนี้บ้าง แต่อย่าลืมว่าดิอาซนั้นคือตัวแทนของซาดิโอ มาเนที่ย้ายออกไป ทำให้ตำแหน่งประจำของเขาคือปีกซ้าย ทำให้แทบจะการันตีได้เลยว่ายังไงโม ซาลาห์ก็จะเป็นตัวจริงในตำแหน่งปีกขวาไปอีกยาวๆ ตราบใดที่ยังไม่มีคู่แข่งในตำแหน่งนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องดรอปหรือขายทั้งคู่ทิ้งนะครับ ผมเพียงแค่อยากให้เกิดการแข่งขันในตำแหน่งมากกว่าซึ่งมันก็จะส่งผลดีกับทั้งตัวทีมและตัวนักเตะเองอีกด้วย เพราะยังไงทั้งคู่ก็ยังเป็นคนสำคัญของทีมอยู่ดี"กรำศึกหนักมาตลอด" นี่คือเหตุผลที่ 3 ที่ผมขอยกมาพูดถึงซึ่งมันก็ย้อนไปเกี่ยวข้องกับสองข้อแรกที่พูดไป เพราะพอไม่มีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่นมากเท่าไหร่ ไม่มีผู้เล่นสำรองที่พอทดแทนกันได้ก็จะทำให้สภาพของนักเตะที่อยู่มานาน ลงเล่นมาตลอดได้พักน้อยกว่าปกติ ร่างกายของนักเตะก็จะล้า กรอบกว่าคู่แข่งคนอื่นๆ ในลีก ยิ่งบวกกับอายุที่เพิ่มขึ้นของนักเตะที่บางคนก็อายุแตะ 30 แล้ว ยิ่งฤดูกาลที่แล้วลิเวอร์พูลเป็นทีมเดียวในพรีเมียร์ลีกที่ลงเล่นมากกว่า 60 นัด เรียกง่ายๆ ว่าลงเล่นทุกนัดที่มีโปรแกรมให้เตะ เพราะเข้าชิงบอลถ้วย 3 รายการ และในพรีเมียร์ลีกก็ต้องแข่งแย่งแชมป์จนนัดสุดท้าย แถมฤดูกาลนี้ก็มีเวลาพักน้อยมาก ปิดฤดูกาลแป๊บเดียวก็กับมาเตะแล้ว ยิ่งปีนี้ฟุตบอลโลกในช่วงท้ายปีอีก ช่วงกลางปีที่มีการแข่งขัน โปรแกรมเตะก็จะยิ่งอัดแน่น เวลาพักผ่อนก็ยิ่งน้อย สภาพร่างกายก็จะล้ากว่าทั่วไป"ฟอร์ม&ความมั่นตกทั้งทีม" ข้อนี้ก็สามารถล้อให้เกี่ยวข้องกับข้อบนๆ ได้อีก เพราะพอสภาพร่างกายล้าก็อาจจะทำให้ผลงานไม่ดี ซึ่งพอคนใดคนนึงฟอร์มไม่ดีก็อาจจะพาเพื่อนๆ ฟอร์มตกลงไปด้วย ตัวอย่าง 2 คนสำคัญที่เด่นชัดเลย คือ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค และเทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาโนลด์ ผู้เล่นคนสำคัญทั้งเกมรุกและเกมรับ ถ้าหากฟาน ไดจ์คฟอร์มตกก็จะทำให้ประสิทธิภาพในเกมรับของทีมตกลงไปด้วย เพราะต้องยอมรับว่าคนคุมแนวรับของทีมก็คือเขา ส่วนเทรนต์นั้นก็คือแทบจะเป็นคนกำหนดทิศทางเกมรุกของลิเวอร์พูลในช่วงหลังมานี้ทั้งๆ ที่เป็นแบ็คขวา เพราะต้องยอมรับกว่าเรื่องเกมรุกเขาทำได้ดีกว่าเกมรับ แถมลูกเปิดครอสจากด้านข้างนั้นก็เป็นอาวุธ เป็นหมัดเด็ดของลิเวอร์พูลมาตลอด พอมาถึงเวลาที่เทรนต์เปิดครอสนั้นไม่ทำงานเข้าเป้า หรือไม่สามารถทำเกมรุกได้เหมือนที่ผ่านมาก็จะทำให้เกมรุกของลิเวอร์พูลนั้นติดขัดทันที ซึ่งสุดท้ายนี้ 2 ข้อ (ข้อที่แล้วกับข้อนี้) ผมก็ได้ความมั่นใจมาซัพพอร์ตความการวิเคราะห์อีกก็ตอนที่ฟังคลิปของพี่เกมส์เอง หรือเกมส์ ขอบสนามที่ได้พูดไว้ใน YouTube ช่อง "เกมส์เอง" ที่พูดถึงสาเหตุที่เทรนต์ฟอร์มตกครับสาเหตุที่ 5 ผมคิดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่เดอะ ค็อปคิดเห็นค่อนข้างที่จะตรงและไปในทิศทางเดียวกันซึ่งนั่นก็คือ "ตัวสำรองไม่สามารถทดแทนกันได้" ซึ่งจริงๆ แล้วเมื่อไม่กี่ฤดูกาลก่อน ตัวสำรองของลิเวอร์พูลนั้นยังพอที่จะประคองและทดแทนกันได้อยู่ แต่ในปัจจุบันมันไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว ในหลายๆ ตำแหน่งมีจำนวนนักเตะเยอะก็จริง แต่คุณภาพไม่สามารถทดแทนกันได้เลย เช่น ตำแหน่งของเทรนต์, ซาลาห์, ฟาบินโญ่ หรือแม้กระทั่งติอาโก ลองมองลงไปในตำแหน่งผู้เล่นสำรองแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ เพราะไม่มีใครทอดแทนได้เลย โดยเฉพาะตำแหน่งกองกลาง จะให้เจมส์ มิลเนอร์ลงหรอ? ก็แก่จนอายุจะ 37 แล้ว จะหวังกับออกซ์เลดกับเกอิต้าหรอ? ก็อยู่โรงหมอบ่อยกว่าสนามฟุตบอลอีก จะหวังกับฮาร์วีย์ เอลเลียตต์กับฟาบิโอ คาร์วัลโญ่หรอ? น้องสองคนนี้ก็ยังเป็นดาวรุ่งอยู่เลย ฝากความหวังไว้มากก็จะกลายเป็นกดดันเด็ก ซึ่งลองหันไปมองที่แมนซิตี้ คู่แข่งแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีกมาตลอดหลายปี จะเห็นได้ว่าพวกเขามีตัวสำรองที่ทดแทนกันได้ตลอด ยกตัวอย่างในตำแหน่งกองกลางเหมือนกัน 3 กองกลางตัวจริงที่ใช้ประจำก็จะมี โรดรี, เควิน เดอ บรอยน์ และแบร์นาโด ซิลวา หลุดจากสามคนนี้หรือเป๊ปอยากพัก หมุนเวียนนักเตะก็ยังมี กุนโดกัน, ฟิล โฟเดน, คัลวิน ฟิลลิปส์ หรือจะในตำแหน่งแดนหน้าหลุดจากฮาแลนด์, มาเรซ หรือบางทีที่ดันโฟเดนขึ้นไปเล่น ก็ยังจะมียูเลียน อัลบาเรซ บางทีก็ดันแจ็ค กลิลิชขึ้นไปจากกองกลางบ้าง หรือบางทีเดอ บรอยน์ก็เล่นตำแหน่ง False 9 จะเห็นได้ว่าคุณภาพของนักเตะแมนซิตี้นั้นไม่ได้หนีกันซักเท่าไหร่เลย ทดแทนกันได้ทุกคนและนี่ก็คือ 5 เหตุผลหลักๆ ที่ทำให้ลิเวอร์พูลของเยอร์เกน คล็อปป์ยังทำผลงานให้ปังไม่ได้ตามความคาดหมายในฤดูกาลนี้ ซึ่งความจริงก็อาจจะมีเหตุผลอีกหลายเหตุผลยิบย่อยเหมือนกัน แต่ 5 เหตุผลนี้ผมคิดว่าเป็น 5 สาเหตุหลักจริงๆ โดยโปรแกรมในลีก 2 นัดต่อไปคือการต้องพบกับอาร์เซนอล และแมนซิตี้ จ่าฝูงและรองจ่าฝูงในเวลนี้ จะรอดหรือร่วงยังไงแฟนหงส์ก็ต้องติดตามกันล่ะครับ ท่านผู้ท่านทั้งหลายมีความคิดเห็นยังไง คิดว่าสามารถที่หงส์แดงฟอร์มยังไม่เข้าที่เกิดจากอะไร สามารถพิมพ์แสดงความคิดเห็นมาแชร์กันได้เลยนะครับ ขอบคุณครับขอบคุณรูปภาพประกอบจาก Official Facebook ของลิเวอร์พูลภาพปก (ภาพปก 1, ภาพปก 2, ภาพปก 3)ภาพประกอบ 1, ภาพประกอบ 2, ภาพประกอบ 3, ภาพประกอบ 4, ภาพประกอบ 5https://sport.trueid.net/premier-league/clips/2V0jQbM6dLwqส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !