เป็นอีกหนึ่งเกมในรอบ 8 ทีมสุดท้ายแล้วนะครับ โดยเป็นเกมคู่ระหว่าง อังกฤษ พบ สวิตเซอร์แลนด์ ไม่สามารถที่จะตัดสินกันในเวลาได้สุดท้ายต้องต่อไปถึงการดวลจุดโทษ และก็เป็นทีมชาติอังกฤษที่ผู้เล่นมีความนิ่งมากกว่า เฉือนเอาชนะจุดท้ายผ่านเข้ารอบไปได้ในที่สุด โดยในระหว่างเกมจะมีอะไรให้เราได้พูดถึงกันบ้างนั้น เราไปดูกันเลยครับเริ่มกันที่ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองฝั่งกันเลยนะครับ ทีมชาติอังกฤษ : จอร์แดน พิคฟอร์ด, ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, เอซรี คอนซา, คีแรน ทริปเปียร์, ดีแคลน ไรซ์, ค็อบบี ไมนู, บูกาโย ซากา, จู๊ด เบลลิงแฮม, แฮร์รี เคน และ ฟิล โฟเดนและอีกฝั่งอย่าง ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ : ยานน์ ซอมเมอร์, ฟาเบียน แชร์, มานูเอล อคานจี, ริคาร์โด โรดริเกวซ, แดน เอ็นดอย, เรโม ฟรอยเลอร์, กรานิต ชากา, มิเชล เอบิเชอร์, ฟาเบียน รีเดอร์, บรีล เอ็มโบโล และ รูเบน วาร์กัสเริ่มเกมมาในช่วงครึ่งแรกของเกมนั้นก็น่าจะเป็นไปตามที่หลายๆคนได้คาดการณ์ไว้ก่อนเกมเลย โดยในส่วนของรูปเกมนั้นดูจะตึงๆ หนืดๆ ไม่ค่อยมีจังหวะที่ได้ลุ้นยิงประตูกันเท่าไหร่นัก จะดูมีน่าลุ้นหน่อยก็คงจะเป็นเกมรุกจากฝั่งขวาของ บูกาโย ซากา ที่ค่อนข้างจะปั่นป่วนเกมรับของสวิตเซอร์แลนด์ได้ดีเลย แต่ก็ยังไม่มีโอกาสที่ได้ลุ้นยิงที่มีลุ้นถึงประตูแต่อย่างได้ สุดท้ายเลยจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้เลยครับ ยังเสมอกันอยู่ 0-0 โดยที่รูปเกมนั้นแทบไม่มีอะไรให้ต้องพูดถึงเลยเริ่มครึ่งหลังมาเป็นฝั่งทางสวิตเซอร์แลนด์ที่ในเรื่องของเกมรุกดูจะยกระดับขึ้นบ้างเล็กน้อย มีจังหวะที่ บรีล เอ็มโบโล ได้พลิกตัวยิงแต่บอลก็เบาไปเข้ามือผู้รักษาประตู แต่นั่นก็ถือเป็นโอกาสยิงเข้ากรอบครั้งแรกของพวกเขาเลย จนสุดท้ายพลิกล็อกเลยเหมือนกันนะครับ ในนาทีที่ 75 บรีล เอ็มโบโล คนเดิมยิงประตูให้สวิตเซอร์แลนด์ขึ้นนำไปได้ก่อน 1-0 โดยจังหวะนี้เป็นบอลที่เปิดเข้ามาจาก แดน เอ็นดอย บอลไปแฉลบเท้าของ จอห์น สโตนส์ ก่อนที่จะมาเข้าทางของเจ้าตัวที่อยู่เสาไกล สลัดตัวประกบมาแหย่เท้าจิ้มบอลเข้าประตูไปหลังจากโดนประตูขึ้นนำฝั่งของอังกฤษก็มีการเปลี่ยนตัวผู้เล่นชุดใหญ่เลยนะครับ โดยเปลี่ยนทีเดียวไปถึง 3 คนเลย ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเราจะสามารถพูดได้ว่าเป็นผลมาจากการเปลี่ยนตัวได้ไหม เพราะหลังจากนั้นไม่นาน ในนาทีที่ 80 อังกฤษมาได้ประตูตีเสมอเป็น 1-1 โดยลูกนี้ต้องยกให้เป็นความยอดเยี่ยมของฝั่ง บูกาโย ซากา เลยนะครับที่เจ้าตัวโยกตัดเข้าในก่อนที่จะปั่นบอลด้วยซ้าย ทั้งน้ำหนักและทิศทางถือว่าสมบูรณ์แบบเอามากๆ บอลผ่านผู้เล่นของสวิตเซอร์แลนด์ก่อนที่จะไปชนเสาไกลเข้าประตูไปชนิดที่นายประตูจอมเก๋าอย่าง ยานน์ ซอมเมอร์ ขาตายเลยทีเดียว หลังจากนั้นก็เป็นฝั่งอังกฤษที่พยายามเดินหน้าใส่แต่ก็ทำอะไรเพิ่มไม่ได้ สุดท้ายจบ 90 นาที เสมอกัน 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษโดยในช่วงต่อเวลาพิเศษก็แทบไม่ได้มีอะไรเท่าไหร่นะครับ ทั้งสองฝั่งต่างเล่นในชนิดที่ถ้าไม่ได้ ก็ไม่อยากเสียไว้ก่อน ทำให้รูปเกมในช่วงต่อเวลานั้นก็ค่อนข้างที่จะชวนง่วงอยู่เหมือนกัน แต่ก็มีจังหวะที่ได้ลุ้นหนักๆกันคนละฝั่งอยู่นะครับ มีทาง ดีแคลน ไรซ์ ได้ยิงไกลแต่บอลก็ยังไปติดเซฟ แล้วก็ลูกเตะมุมที่หลอกยิงเสาแรกของ เชอร์ดาน ชากิรี่ บอลไปชนคานอย่างน่าเสียดาย สุดท้ายก็ยังตัดสินกันไม่ได้ต้องถึงการดวลจุดโทษเป็นฝั่งของทีมชาติอังกฤษได้ยิงก่อนนะครับและเป็น โคล พาลเมอร์ ยิงเข้าไปได้ในคนแรก และคนแรกของฝั่งสวิตเซอร์แลนด์เป็น มานูเอล อคานจี แต่เจ้าตัวยิงไม่เข้านะครับ ยิงไปติดเซฟของ จอร์แดน พิคฟอร์ด ลูกนี้ก็ต้องบอกว่ายิงไม่ดีด้วยทั้งน้ำหนักและทิศทาง ดูเบาเกินไปทั้งคู่เลย ซึ่งหลังจากนั้นทั้งสองทีมก็ยิงไม่พลาดกันเลยทั้งคู่นะครับ สุดท้ายก็จบลงด้วยชัยชนะของทีมชาติอังกฤษที่เบียดจุดโทษไปได้ 5-4 ผ่านเข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ แม้ว่ารูปเกมในเกมวันนี้เองจะดีขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้อยู่ในระดับที่น่าพอใจสักเท่าไหร่นักเหมือนกัน ส่วนฝั่งของสวิตเซอร์แลนด์เองวันนี้พวกเขาถือว่าเตรียมตัวมารับมือได้ดีเลยนะครับ ในระหว่างเกมสู้ได้ดีเอามากๆ แต่พอเกมมันต้องยื้อมาถึงดวลจุดโทษอะไรมันก็เกิดขึ้นได้แล้วในตอนนี้ ก็ขอแสดงความยินดีกับฝั่งที่ชนะ แล้วก็เป็นกำลังใจให้กับฝั่งที่แพ้ในวันนี้ด้วยนะครับ เครดิตรูปภาพภาพปก ภาพโดย : England football teamภาพที่ 1 ภาพโดย : UEFA EURO 2024ภาพที่ 2 ภาพโดย : UEFA EURO 2024ภาพที่ 3 ภาพโดย : England football teamภาพที่ 4 ภาพโดย : England football teamภาพที่ 5 ภาพโดย : England football teamภาพที่ 6 ภาพโดย : England football teamภาพที่ 7 ภาพโดย : England football team