ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกรอบรองชนะเลิศได้สี่ทีมครบเป้นที่เรียบร้อยประกอบไปด้วย เรอัลมาดริด พบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลิเวอร์พูล พบ บียาร์เรอัล โดยเกมแรกจะมีขึ้นในวันที่ 28 เมษายน 2565 และเกมที่สองในวันที่ 4 พฤษภาคม 2565 แน่นอนว่าทั้งสี่ทีมตอนนี้ถือว่าเป็นทีมที่ขุมกำลังที่พร้อมเต็มที่สำหรัยที่ก้าวไปเป็นคู่ชิงชนะเลิศในยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกฤดูกาล 2021-2022 ก่อนจะไปถึงวันแข่งเหลือเวลาราว ๆ หนึ่งสัปดาห์ ฉะนั้นมาเช็คความพร้อม ฟอร์มการเล่น สถิติ รวมถึงองค์ประกอบของนักเตะของแต่ละทีมกันซักหน่อยว่าใครมีจุดอ่อนจุดแข็งอย่างไรกันบ้าง1. แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จุดเด่นที่เห็นได้ชัดของเรือใบสีฟ้าคือเกมรุกที่ไม่มีศูนย์หน้าธรรมชาติ ฉะนั้นนี่เลยกลายเป้นจุดแข็งทั้งที่ก่อนหน้านี้หลายคนมองว่ามีนคือจุดอ่อน แต่ที่จริงแล้วการไม่มีหน้าเป้าแบบนี้ก็ทำให้กองหลังไม่รู้จะประกอบใครดีเพราะทุกคนสามารถยิงประตูได้ แถมยังมีการยิงทั้งนอกกรอบ วิ่งสลับตำแหน่งทำให้เกิดความสับสนในแผงกองหลัง อีกทั้งยังมีเกมรับที่ยอดเยี่ยมเป้นทีมที่เสียประตูน้อยทีมหนึ่งในยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกรูปแบบการเล่นของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ :: เปป กว่าดิโอล่า ใช้รูปแบบการเล่น 4-3-3 ที่เน้นเกมรุก ใช้แดนกลางคุมจังหวะออกบอล พลางดันสองแนวรับสลับขึ้นสูงเพื่อเพิ่มตัวรุก อีกทั้งยังเน้นครองบอลและเอาชนะทีมต่างๆ ด้วยความเร็วของการส่งและการเคลื่อนไหวของนักเตะที่สลับตำแหน่งกันตลอดเวลา แนวรับจะเน้นรับสูงเมื่อเสียบอลจะเน้นเข้าหาบอลเร็วเพื่อเอาบอลกลับมาครอง นี่คือสูตรสำเร็จของเรือใบสีฟ้าไม่ว่าจะรยการไหนก็ตามคีย์แมน :: เควิน เดอบรอยด์ :: กองกลางจอมวางบอลวัย 30 ปี ลงเล่นไป 250 นัดให้กับสโมสรเมื่อฤดูกาลที่แล้ว และยังคงเป็นบุคคลสำคัญในแดนกลาง แม้ว่าตัวเขามักจะประสบปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวน แต่สุดท้ายแล้วก็กลับมาเป้นหัวใจหลักของทีมได้อีกครั้ง แม้ว่าจะอกหักจากรายการนี้มาหลายฤดูกาลแล้วก็ตาม แต่ในฤดูกาลนี้เขาก็ยังคงมั่งมั่นที่จะตามล่าแชมป์รายการนี้ภายใต้สีเสื้อเรือใบสีฟ้า เขาอดทนกับการเริ่มต้นอย่างช้าๆ ในการรณรงค์ แต่ดูเหมือนว่าจะกลับมาดีที่สุด เควิน เดอบรอยด์ มักจะมีส่วนในการทำประตูในเกมสำคัญๆ นับตั้งแต่สิ้นสุดรอบแบ่งกลุ่ม รวมถึงประตูชัยของเขาในรอบก่อนรองชนะเลิศสถิติฤดูกาลนี้ชนะ 6 เสมอ 2 แพ้ 2ผู้ทำประตูสูงสุด: ริยาด มาห์เรซ 6 ประตูรอบก่อนรองชนะเลิศ: 1-0 เสมอกับแอตเลติโกรอบ 16 ทีมสุดท้าย: 5-0 เสมอกับสปอร์ติ้ง CP2. เรอัลมาดริด ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านี่คือทีมที่มีความเชี่ยวชาญกับรายการนี้ดีเหลือเกม อีกทั้งยังเต็มไปด้วยขุมกำลังแนวรุกที่เจนจัด แดนกลางที่คอนโทรลบอลได้เป็นอย่างดี แม้ว่าปัญหาที่พบเจอมาตลอดก็คือเรื่องของปราการหลังที่ไม่ค่อยจะสมบูรณ์เท่าไหร่ แต่กระนั้นก็ยังสามารถเอาตัวรอดมาได้จนถึงรอบรองชนะเลิศ ซึ่งแน่นอว่าความสารถของนักเตะก็ส่วนหนึ่งแต่อีกส่วนหนึ่งคือประสบการณ์ในรายการนี้ของทั้งนักเตะและผู้จัดการทีมที่ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหนก็เอาตัวรอดได้เสมอรูปแบบการเล่นของ เรอัลมาดริด :: รูปแบบการเล่นแบบ 4-3-3 เป้นรูปแบบการเล่นที่คุ้นเคย ด้วยประสิทธิภาพของนักเตะแดนกลางที่มีทั้งประสบการณ์ รวมถึงทักษะที่ยอดเยี่ยมทำให้นี่คือทีมที่มีประสิทธิภาพการออกบอลที่ดีที่สุดในUCL รวมถึงการมีเซ็นเตอร์แบคที่ยอดเยี่ยมอย่าง แอแดร์ มีลีเตา และสามแดนกลางมากประสบการณ์ที่เป็นคนคอยคอนโทลบอลซ้ายขวาอย่าง คาเซมิโร่ , ลูกา โมดริช และ โทนี่ โครส แน่นอนว่าอีกรายที่ขาดไม่ได้นั่นก็คือ คาริม เบนเซม่า ที่ผลงานถือว่าสุดยอดอย่างมากในฤดูกาลนี้คีย์แมน :: คาริม เบนเซม่า เมื่อคริสเตียโน่ โรนัลโด้อำลาในปี 2018 ก็ได้เปิดทางให้กองหน้าชาวฝรั่งเศสคนนี้ได้ก้าวขึ้นมาเป็นเครื่องหมายการค้าคนใหม่ของสโมสร โดยยิงทำประตูที่ 1,000 ให้กับมาดริดในถ้วยยุโรปกับชัคตาร์เมื่อต้นฤดูกาล สิ่งที่น่าจดจำสำหรับตัวเขาคือการพลิกนรกกลับมาในรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่เจอกับยักษ์ใหญ่จากปารส ด้วยการยิงสามลูกจากครึ่งหลัง ตามด้วยซัดประตูชัยในช่วงต่อเวลาพิเศษกับเชลซี นี่คือศูนย์หน้าที่ฮอตที่สุดในเวลานี้ใน ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกฤดูกาล 2021-2022สถิติฤดูกาลนี้ชนะ 7 เสมอ 0 แพ้ 3ผู้ทำประตูสูงสุด: คาริม เบนเซม่า 12 ประตูรอบก่อนรองชนะเลิศ: 5-4 เสมอกับเชลซีรอบ 16 ทีมสุดท้าย: 3-2 เสมอกับปารีส3. ลิเวอร์พูล นี่คือแชมป์เมื่อฤดูกาล 2018-2019 และรองแชมป์เมื่อฤดูกาล 2017-2018 และคู่ปรับเมื่อตอนนั้นก็คือราชันชุดขาวที่แน่นอนว่าหากเป้นไปได้ก็อยากจะไปแก้แค้นกับสิ่งที่เกิดขึ้นแน่นอน ลิเวอร์พูล กำลังไล่ล่าแชมป์สี่สมัยในฤดูกาลเดียวเพื่อสร้างประวัติศาสตร์ของสโมสรอีกทั้ง ยังเป้นคู่ปรับในการไล่ล่าแชมป์พรีเมียร์ลีกร่วมกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งไม่แน่ว่าในรายการนี้ทั้งสองทีมก็อาจจะได้โคจรมาเจอกันในคู่ชิงก็เป็นได้ อีกทั้งนี่คือทีมที่อุดมไปด้วยนักเตะที่มีความกระหายและสามารถทดแทนกันได้แทบจะทุกตำแหน่ง หากจะเทีบยความพร้อมเวลานี้นี่คือทีมที่พร้อมและบวกด้วยเทพีแห่งชัยชนะของพวกเขาเข้าไปด้วยรูปแบบการเล่นของ ลิเวอร์พูล :: เจอเกน คล็อปป์ แทบจะไม่เคยเปลี่ยนแผนการเล่นเม้แต่เกมเดียวในรายการนี้ รูปแบบ 4-3-3 ถือว่าเป็นสูตรสำเร็จของเจ้าตัวทั้งในลีกและรายการบอลถ้วยต่าง ๆ ไม่ว่ารายการไหนหรือใครลงไปทำหน้าที่แทนต่างก็ใช้รบบนี้ทุกเกม นี่จึงทำให้เห็นได้ชัดเจนว่านักเตะมีความเข้าใจในแผนการเล่นเป็นอย่างดี ไม่ว่าใครจะลงมาเล่นก็ตาม แม้ว่าจะมีบางครั้งที่เมื่อนักเตะตัวหลักจะเจ็บไปและใช้นักสำรองมาแทนที่ก่อนเกมหลายคนบอกว่ามันคือสิ่งที่ไม่สามารถทดแทนกันได้แต่เมื่ออยู่ในสนาม ผลงานของนักเตะสำรองแทบจะไม่ได้เห้นความแตกต่างจากนักเตะตัวจริงแม้แต่เกมเดียว นั่นคือสิ่งที่ชายคนนี้ได้สร้างไว้เป็นรากฐานอย่างแท้จริงคีย์แมน :: โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กองหน้าชาวอียิปต์คือคนสำคัญของทีมลิเวอร์พูลตั้งแต่ย้ายมาจากโรม่าในปี 2017 โดยก่อนหน้านี้ลงเล่นให้กับเชลซีครั้งแรกในปี 2014 ซึ่งไม่ได้ประสบความสำเร็จอย่างที่คาดหวัง แต่กับสโมสรจากเมอร์ซีย์ไซด์ เขาเบ่งบานและเป็นกำลังหลักของทีมตบอดหลายฤดูกาลที่ผ่านมา ทั้งฝีเท้า สติปัญญา และส่วนร่วมในการประตู เขามีส่วนสำคัญอย่างมากกับความสำเร็จของลิเวอร์พูล ซึ่งในแชมเปียนส์ลีกยิงไปทั้งสิ้น 33 ประตู ภายใต้สโมสรเดียวนั่นก็คือลิเวอร์พูล แต่สิ่งที่น่าห่วงคือช่วงหลังมานี้ผลงานส่วนตัวกลับถดถอยไปพอสมควร ซึ่งสาวกหงส์แดงต่างก็เอาใจช่วยให้ศูนย์หน้ารายนี้กลับมายิงได้อีกครั้งสถิติฤดูกาลนี้ชนะ 8 เสมอ 1 แพ้ 1ผู้ทำประตูสูงสุด: โมฮาเหม็ด ซาลาห์ 8 ประตูรอบก่อนรองชนะเลิศ: 6-4 เสมอกับเบนฟิก้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย: 2-1 เสมอกับอินเตอร์4. บียาร์เรอัล นี่คือม้ามืดนอกสายที่ผ่านเข้ามาถึงรอบรองชนะเลิศได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรภายใต้กุนซือที่ถูกมอว่าไร้ค่าในพรีเมียร์ลีก อูไน เอเมรี่ แต่เข้ากลับใช้เวลาเพียงแค่สองปีพาสโมมาถึงจุดสูงสุดนี้ได้อีกทั้งเพียงเวลาแค่ปีเดียวก็พาสโมสรคว้าแชมป์ยูโรปาลีกได้อีกด้วย นับว่าเป้นความสำเร็จทั้งในนามสโมสรและตัวของผู้จัดการทีม ไม่เพียงเท่านั้นนี่คือทีมที่ไม่มีนักเตะสตาร์แม้แต่รายเดียว มิหนำซ้ำนักเตะที่ใช้งานอยู่ในชุดปัจจุบันกลับเป็นนักเตะที่ไม่เคยประสบความสำเร็จในพรีเมียร์ลีกหลายรายรวมในทีม แต่กลับสามารถมาได้ไกลถึงเพียงนี้ ก็ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนรูปแบบการเล่นของ บียาร์เรอัล :: 4-4-2 เป็นรูปแบบการเล่นที่เนนรัดกุมซึ่งเป้นกุญแจความสำเร็จของ อูไน เอเมรี่ สามารถพาทีมมาถึงรอบนี้ได้ จุดเด่นของเรือดำน้ำสีเหลือคือเกมรับที่เหนียวแน่น เน้นแน่นอนเข้าว่าไม่โฉ่งฉ่าง อาศัยความผิดพลาดของคู่แข่ง แบบโป้งเดียวจอดและมันก็ได้ผล ซึ่งไม่ใช่แค่เกมรับที่ดี แต่การจบสกอร์ที่มีประสิทธิภาพอย่างมาก เฉลี่ยต่อเกมโอกาสในการสำเร็จจาการเข้าทำสูงถึง 87 เปอร์เซนเลยทีเดียว เป็นทีมที่ไม่ใช่โอกาสเปลือง ซึ่งการเจอกับลิเวอร์พูล เป็นบททดสอบเกมรับที่ดีพอสมควรสำหรับเรือดำน้ำสีเหลืองคีย์แมน :: อาร์เนาท์ ดันจูมา หลายคนน่าจะเคยคุ้นชื่อนี้กันดีสำหรับคอบอลพรีเมียร์ลีกนี่คืออดีตศุนย์หน้าของ บอร์นมัท ที่อย่างที่บอกไปว่าไม่เคยประสบความสำเร็จในเวทีพรีเมียร์ลีก แต่กลับลีกอย่างสเปนเขาคือศูนย์หน้าที่เฉิดฉายมากไปด้วยความสามารถในการจบสกอร์ของทีม จุดเด่นของเขาคือความเร็ว และการออกบอลที่ยอดเยี่ยม ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ศูนย์หน้าจอมพังประตู แต่นี่คือหัวใจหลักในเกมรุกที่ โดยเปอร์เซนการมีส่วนร่วมในการทำประตูของเจ้าตัวอยู่ที่ 81 เปอร์เซนต่อเกม นี่คือกองหน้าความเร็วจัดที่อาจจะมาพังปราการหลังที่แข็งแกร่งของหงส์แดงก็เป็นได้สถิติในฤดูกาลนี้ชนะ 5 เสมอ 3 แพ้ 2ผู้ทำประตูสูงสุด: อาร์เนาท์ ดันจูมา 6 ประตูรอบก่อนรองชนะเลิศ: 2-1 นักเตะกับบาเยิร์นรอบ 16 ทีมสุดท้าย: 4-1 เสมอกับยูเวนตุสข่าวที่เกี่ยวข้องแผนสุดแยบยลของ FSG ปิดทางเลือก "โมฮาเหม็ด ซาล่าห์" จบปัญหาสัญญาที่วุ่นวาย3 ตัวแปรตัดสินสามแต้ม "แมนซิตี้" หรือ "ลิเวอร์พูล" เปิดทางแชมป์พรีเมียร์ลีก 2021-2022ทำความรู้จัก "เบน โด็ก (Ben Doak)" ดาวรุ่งมากพรสวรรค์คนใหม่ของ ลิเวอร์พูลจัดอันดับ 8 ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล ยุคพรีเมียร์ลีก ผลงานแย่ที่สุดถึงดีที่สุดส่อง 3 ปัจจัย ที่อาจปลี่ยนใจ "เจอร์เกน คล็อปป์" ต่อสัญญากับ ลิเวอร์พูลเคดิตภาพปก twitter.com/mancity :: ภาพที่ 1 , twitter.com/realmadriden :: ภาพที่ 2 , twitter.com/Arsenal :: ภาพที่ 3 , twitter.com/ChelseaFC :: ภาพที่ 4 เคดิตภาพประกอบ twitter.com/mancity :: ภาพที่ 1 , ภาพที่ 2 , twitter.com/realmadrid :: ภาพที่ 3 , ภาพที่ 4 , https://twitter.com/lfc :: ภาพที่ 5 , ภาพที่ 6 , twitter.com/VillarrealCFen :: ภาพที่ 7 , twitter.com/ChampionsLeague :: ภาพที่ 8 ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดทุกแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี