ทีมชาติไทยโคจรมาพบกับทีมชาติอิรักอีกครั้งในฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพครั้งที่ 49 นัดชิงชนะเลิศ โดยจะทำการแข่งขันในวันอาทิตย์ที่ 10 กันยายน 2566 เวลา 20.30 น. ที่สนามสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ถ่ายทอดสดทางไทยรัฐทีวีช่อง 32 แฟนบอลห้ามพลาดชมด้วยประการทั้งปวงฟอร์ม 5 นัดหลังสุดของทั้ง 2 ทีมทีมชาติไทย : ชนะ เลบานอน 2:1 (เหย้า), ชนะ ฮ่องกง 1:0 (เยือน), เสมอ ไต้หวัน 2:2 (เยือน), แพ้ ยูเออี 0:2 (เยือน), แพ้ ซีเรีย 1:3 (เยือน)ทีมชาติอิรัก : เสมอ อินเดีย 2:2 (สนามกลาง), แพ้ โคลัมเบีย 0:1 (เยือน), ชนะ โอมาน 3:2 (เหย้า), ชนะ กาต้าร์ 2:1 (เหย้า), ชนะ เยเมน 5:0 (เหย้า)สถิติเจอกัน 5 นัดหลังสุด : ทีมชาติไทยชนะ 1 ครั้ง เสมอ 3 ครั้ง แพ้ 1 ครั้งhttps://www.instagram.com/p/Cw7MHPDyK_L/?img_index=1ทีมชาติไทยทีมชาติไทยเอาตัวรอดจากการชนะทีมชาติเลบานอนมาได้แบบหืดจับด้วยสกอร์ 2:1 สร้างความมั่นใจและความฮึกเหิมให้กับนักเตะได้ไม่น้อย คงเป็นเพราะว่าทีมชุดนี้มีความลงตัวหรือพูดง่ายๆคือเป็นทีมที่สมบูรณ์ที่สุดก็ว่าได้ ขาดเพียงชนาธิปเท่านั้น ที่เหลือเป็นขุมกำลังระดับหัวกะทิทั้งนั้น ผนวกกับแทคติกของหัวหน้าผู้ฝึกสอนอย่างมาโน่ โพลกิ้ง จึงทำผลงานออกมาได้ดีอย่างที่เห็น อย่างไรก็ตามทีมชาติไทยก็ยังคงมีจุดที่ต้องปรับปรุงในแง่ของการเล่นร่วมกันในพื้นที่สุดท้ายที่ยังขาดๆเกินอยู่ ยังคงต้องปรับจูนให้เนียนกว่านี้ ขุมกำลังหลักจะยังอยู่ครบถ้วน นำโดยธีราทร, ธีรศิลป์, มิเคลสัน และสารัชhttps://www.instagram.com/p/Cw7dLJUhh_v/?img_index=1ทีมชาติอิรักทีมชาติอิรักมีดีกรีถึงอดีตแชมป์เอเชีย ขุมกำลังปัจจุบันก็แกร่งทั่วแผ่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นำโดยเรบิน ซูลาก้า อดีตกองหลังบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และอาลี อัดนาน แบ็คซ้ายจอมบุก ซึ่งพิษสงร้ายแค่ไหนทีมชาติไทยก็เคยสัมผัสมาแล้วเมื่อครั้งอดีตที่ผ่านมา ด้วยผู้เล่นที่สูงใหญ่ถอดแบบมาจากยุโรปจึงได้ความแข็งแกร่งของร่างกาย ความสามารถเฉพาะตัวก็ไม่ขี้เหร่ ผู้เล่นบางคนก็ผ่านประสบการณ์ค้าแข้งจากยุโรปมาแล้ว จึงเป็นบททดสอบที่หินมากสำหรับทีมชาติไทยในนัดนี้https://www.instagram.com/p/CJ9c2PvLSzT/วิเคราะห์เกมการแข่งขันถือว่าเป็นงานที่หนักพอสมควรสำหรับทีมชาติไทยในการเจอกับทีมชาติอิรักของการชิงชนะเลิศคิงส์คัพครั้งที่ 49 เพราะทีมชาติอิรักมีอันดับที่สูงกว่าทีมชาติไทยเยอะเลยทีเดียว (ทีมชาติไทย 113, ทีมชาติอิรัก 70) เปิดเกมมาจะเป็นทางอิรักที่จะเป็นฝ่ายทำเกมบุกใส่ทีมชาติไทย โดยอาศัยรูปร่างและพละกำลังรวมทั้งประสบการณ์ที่ได้เปรียบกว่า การเข้าทำคงจะมีหลายรูปแบบทั้งลากกินตัว เปิดข้างโจมตีด้วยลูกโด่ง การชิ่งทะลุช่อง ส่วนทางทีมชาติไทยคงต้องอาศัยเกมรับที่รัดกุมแล้วหาโอกาสโจมตีให้น้อยครั้งแต่ให้ได้ประสิทธิผล การเล่นอย่างมีวินัยและอดทนอาจจะได้ผลการแข่งตามเป้าหมายที่วางไว้ก็เป็นได้ ที่สำคัญนัดนี้ต้องใช้พละกำลังสูงเพื่อไล่เพรสไม่ให้ผู้เล่นอิรักเล่นบอลง่ายเกินไป ดังนั้นการบริหารจัดการผู้เล่นต้องมีความรัดกุมอย่างที่สุด สุดท้ายเชื่อว่าทีมชาติไทยทำได้โดยการเสมอกับอิรักด้วยสกอร์ 1:1 และอาศัยเสียงเชียร์จากแฟนบอลในสนามเอาชนะอิรักจากการดวลจุดโทษคว้าแชมป์ไปได้https://www.instagram.com/p/CqVlhozMXgA/?img_index=1การเอาชนะทีมแกร่งอย่างอิรักมันไม่ง่าย ขอให้ส่งกำลังใจให้ทีมชาติไทยได้ทั้งทางหน้าจอและส่งเสียงข่มขวัญให้ดังกระหึ่มในสนาม โดยสามารถชมการถ่ายทอดสดได้ทางไทยรัฐทีวีช่อง 32 ตั้งแต่เวลา 20.10 น. เป็นต้นไป ขอบคุณภาพประกอบจาก IG : theerathon_3 / ภาพที่ 1tangsr_6 / ภาพที่ 2 rebinsulaka / ภาพที่ 3z10ane / ภาพที่ 4blymiter / ภาพปก 1zaid.t6 / ภาพปก 2 Communityคอบอล ถกประเด็นร้อนฟุตบอลทุกลีก ใครตัวเต็ง ใครฟอร์มตก ต้องเคลียร์