หลังจากเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา อาร์เซนอลถูกเซาท์แธมป์ตัน ทีมบ๊วยของลีก มายัดเยียดเสมอได้ 3-3 กลายเป็นเกมที่ 3 แล้วที่อาร์เซนอลยังไม่สามารถชนะได้ ซึ่ง 2 นัดก่อนหน้านี้ ก็เสมอเวสต์แฮม และลิเวอร์พูลมา ทำให้สถานการณ์ตารางคะแนนตอนนี้อาร์เซนอลยังคงนำเป็นจ่าฝูงอยู่ แต่ก็มีคะแนนห่างจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้เหลือเพียงแค่ 5 คะแนนเท่านั้น แถมแข่งมากกว่า 2 นัดด้วย ยิ่งสถานการณ์เป็นแบบนี้ แรงกดดันก็ยิ่งถาโถมมาใส่เหล่าลูกทีมอาร์เซนอลและมิเกล อาร์เตต้าที่เป็นกุนซือในตอนนี้ ซึ่งลูปสูตรที่อาร์เซนอลเจอสถานการณ์อยู่ตอนนี้นั้นก็เคยเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยจุดเริ่มต้นของลูปนี้มาจากการที่อาร์เซนอลเปิดบ้านแพ้ให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในเกมเอฟเอ คัพ รอบ 4 จนกระทั่งในเกมพรีเมียร์ลีก พวกเขาก็ไปโดนเอฟเวอร์ตันสอยคารังกูดิสัน พาร์ค นัดต่อมาเปิดบ้านโดนเบรนท์ฟอร์ดตีเสมอคาบ้านตัวเอง นัดกลางสัปดาห์ก็โดนแมนซิตี้มาสอยคาบ้านตัวเองอีก จนกระทั่งนัดต่อมาที่ไปเยือนแอสตัน วิลล่า และสามารถพลิกเอาชนะไปได้ ทำให้ลูปฟอร์มตกของพวกเขาถูกหยุดไว้ได้ แถมการได้ตัวหลักกลับมาครบทีม ทำให้ฟอร์มหลังจากนั้นของพวกเขาก็แพ้ไม่เป็นมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งลูปฟอร์มตกเริ่มกลับมาอีกครั้งในเดือนเมษายน หลังจากที่พวกเขาบุกไปเสมอลิเวอร์พูล บุกไปเสมอเวสต์แฮม และโดนเซาท์แธมป์ตันมายันเสมอถึงถิ่นได้ ซึ่งกลายเป็นว่านัดกลางสัปดาห์ที่จะถึงนี้ คือนัดชี้ชะตาของทีม ว่า จะยังยึดจ่าฝูงไว้ได้ต่อเนื่องหรือไม่ ปัจจัยที่อาจทำให้เกิดลูปแบบนี้อาจจะมาจากการที่พวกเขาขาดตำแหน่งสำคัญๆไป อย่างเช่นช่วงที่ผ่านมา พวกเขาไม่มีวิลเลียม ซาลิบาคอยยืนเป็นกองหลังตัวแบก และต้องใช้ ร็อบ โฮลดิ้ง ที่เป็นแบ็คอัพไปชั่วคราว ซึ่งในนัดที่เขาได้ทำหน้าที่นั้นก็ถือว่าทำหน้าที่ได้อย่างดี แต่ก็อาจไม่ดีพอที่จะช่วยให้ทีมชนะได้ อีกทั้งก่อนหน้านี้ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ก็มีปัญหาอาการบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆ ทำให้คีย์แรน เทียร์นีย์ได้รับโอกาสลงสนาม เขาสามารถเล่นเกมรับได้อย่างดีและมีมาตรฐานที่ใช้ได้ แต่ก็ไม่สามารถทดแทนสไตล์การเล่นของซินเชนโก้ได้ เพราะเขาไม่ใช่สไตล์ขึ้นบุกแบบซินเชนโก้ปัญหานักเตะจำนวนน้อย ตัวสำรองทดแทนตัวจริงได้ไม่ทุกคน ทำให้ฟอร์มของทีมนั้น มักจะแกว่งๆและเจอปัญหาการปลุกฟอร์มไม่ขึ้นเวลาที่จะต้องการคะแนน ซึ่งฤดูกาลนี้พวกเขาเจอสภาวะแบบนี้มาสองรอบแล้ว และทำแต้มหลุดมือไปเกือบๆ 20 แต้ม อีกทั้งเป็นแต้มสำคัญในบางช่วงอีกต่างหาก ยิ่งทำให้ความกดดัน ความคาดหวัง และสมาธิที่เริ่มหลุดกระเจิงกลับมาถาโถมใส่ทีมอีกครั้ง แต่สุดท้ายแล้ว พวกเขาก็มีบุคคลคนหนึ่งในทีม ที่เปรียบเหมือนพลังงานบวกให้กับทีมเสมอมาในทุกๆเกมมาร์ติน โอเดการ์ด คือกัปตันในอุดมคติของเหล่าทีมฟุตบอลจริงๆ เขามีทั้งภาวะความเป็นผู้นำ ความขยันในการเล่นของเขาในแต่ละเกม อีกทั้งพลังในการปลุกใจผู้เล่นและเข้าใจสภาวะของนักเตะทุกคนในทีม ยิ่งเขาแสดงออกมากเท่าไหร่มันก็สะท้อนความเป็นทีมของอาร์เซนอลมากขึ้น หากเขาท้อแท้ให้คนอื่นเห็น มันก็กลายเป็นพลังลบที่ไปกระตุ้นใส่คนอื่นอีก เขาเลยพยายามแสดงออกอย่างกล้าหาญและพร้อมเล่นในทุกๆเกม แบบแลกด้วยชีวิต ก็ต้องชื่นชมนักเตะคนอื่นๆที่ช่วยผลักดันให้โอเดการ์ดนั้นสามารถโชว์ฟอร์มได้ดีอยู่ตลอดมา แม้จะมีบางเกมที่เขาจะดูเงียบๆหรือยิงประตูไม่ได้ แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ทีมยังอยู่ในสถานการณ์ที่มีความหวังในการลุ้นแชมป์อยู่ แม้จะริบหรี่ก็ตามก็ต้องหวังว่าลูปรอบที่สองนี้ จะจบลง ในเกมกลางสัปดาห์ที่จะถึงนี้ในเกมกลางสัปดาห์หน้าพวกเขาจะต้องออกไปเยือนแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งนี่คือนัดที่จะตัดสินทีมที่จะมีโอกาสเป็นแชมป์ในฤดูกาลนี้ขอขอบคุณภาพประกอบบทความภาพปกประกอบบทความ1 จาก Facebook Arsenalภาพที่ 2 จาก Facebook Arsenalภาพที่ 3 จาก Facebook Arsenalภาพที่ 4 จาก Facebook Arsenalภาพที่ 5 จาก Facebook Arsenalภาพที่ 6 จาก Facebook Arsenalภาพที่ 7 จาก Facebook Arsenal ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !