TRUE OPINIONS : ภาพยนตร์ลูกหนังที่ไม่แฮปปี้เอ็นดิ้ง สำหรับ "ซามูไร บลู" ... by "จอน"
ปิดฉากลงแบบโคตรน่าเสียดายเลยสำหรับทีมชาติญี่ปุ่น หนึ่งเดียวของทวีปเอเชีย ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2018 โดยพวกเขาพ่าย เบลเยี่ยม 2-3 เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ชนิดที่นำก่อน 2-0 ด้วยซ้ำ แต่พลาดท่าในช่วง 21 นาทีสุดท้าย เสีย 3 ประตู แบบดราม่าสุดๆ
ก่อนเกมนี้จะระเบิดขึ้น ทีมชาติเบลเยี่ยม เป็นต่อค่อนข้างเยอะ จากดีกรีของตัวผู้เล่นระดับเวิลด์คลาสเต็มทีม โดยเพื่อนของผมหลายคนเลือกที่จะนอนมากกว่ารอดูด้วยซ้ำไป เพราะเชื่อว่า “ปีศาจแห่งยุโรป” จะเป็นฝ่ายเก็บชัยชนะไปได้ไม่ยาก แต่ผมก็ยังเป็นหนึ่งคนที่เลือกดูเกมอันน่าภาคภูมิใจของเอเชียเกมนี้…
ทีมชาติญี่ปุ่น ของ อาคิระ นิชิโนะ แบโผ 11 ผู้เล่นในเกมนี้ ที่เหมือนกับ 2 เกมแรก ในระบบ 4-2-3-1 ซึ่งก็น่าจะเป็นชุดที่ดีที่สุดในใจของ นิชิโนะ อยู่แล้ว จุดนี้ไม่น่าแปลกอะไร เช่นเดียวกับ เบลเยี่ยม เกมระดับนี้ พวกเขามาเต็มทุกเม็ดแน่นอน
“ซามูไร บลู” ลงเล่นอย่างรัดกุมกับทีมเต็งแชมป์ในครึ่งแรก โดยมีวินัยในเกมรับแบบที่ไม่รู้ว่าจะอธิบายเป็นคำพูดอย่างไร ซึ่งนี่พิสูจน์ให้เห็นเลยนะ ว่าฟุตบอลโลกที่แท้จริงมีมาตรฐานการเล่นสูงมากมายแค่ไหน สูงจนทีมชาติที่ไล่โขยกทีมในเอเชียเป็นว่าเล่น อย่าง ญี่ปุ่น ต้องพะวงเล่นแต่เกมรับอย่างเดียวเลย แทบจะนับครั้งได้ที่พวกเขาได้โอกาสบุกเข้าโต้ตอบบ้าง
และท้ายที่สุด ทีมชาติญี่ปุ่น ก็ได้ผลการแข่งขันในครึ่งแรกที่พวกเขาต้องการ นั่นคือ 0-0 เหมือนคู่แรกของวัน ที่ทีมชาติเม็กซิโก สามารถยันเสมอ บราซิล ได้ 0-0 เช่นกัน แต่สุดท้ายก็เป็นบราซิล ที่มาได้ 2 ประตูในครึ่งหลัง
ซึ่งผมเชื่อว่า หลายคนมองว่า ญี่ปุ่น จะโดนบุกกระหน่ำต่อในช่วงครึ่งหลัง ก่อนจะเสียประตูจนได้ แต่ที่ไหนได้ ญี่ปุ่น สามารถทำสิ่งที่แตกต่างจาก เม็กซิโก ได้ในช่วงครึ่งหลัง นั่นคือการขึ้นนำ 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 3 ของครึ่งหลัง จากการยิงของ เก็งกิ ฮารางูจิ ตัวรุกจาก ฮันโนเวอร์
ตอนนั้น ผมบอกเลยว่า ก็มีความเริ่มขนลุกแล้วนะ แต่ก็ยังไม่กล้าคิดฝันถึงการเห็นทีม “ซามูไรบลู” เข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ แต่หลังจากนั้น อีก 5 นาที ขนก็ได้ฤกษ์ลุกชูชันอีกรอบ เมื่อ ทาคาชิ อินุอิ ตัวรุกรายใหม่ของ เรอัล เบติส จัดการซัดสุดสวยให้ทีมชาติญี่ปุ่น ขึ้นนำ 2-0
2-0 แล้วนะ ในขณะที่เหลือเวลาอีกแค่ 38 นาทีเท่านั้น
ตอนนั้นเริ่มคิดแล้วแหละ ว่า เราจะได้เห็นทีมจากเอเชีย อย่าง ญี่ปุ่น สามารถทำสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นได้ในเวิลด์คัพ ฉบับหมีขาว
แต่แล้ว เบลเยี่ยม ก็ตายยากอย่างปีศาจสมฉายาของพวกเขา พวกเขาเหมือนจะจับจุดได้ ด้วยการโจมตีทางอากาศ จนประสบผลสำเร็จในนาทีที่ 69 จากลูกโหม่งของ แยน แฟร์ตองเก้น ตามด้วยลูกโหม่ง ของ มารูยาน เฟลไลนี่ ในนาทีที่ 74
“2 ลูกโหม่ง 2 ประตู เปลี่ยนสถานการณ์จากเสียเปรียบ สู่การกลับมากุมความได้เปรียบทันที เพราะโมเมนตัมของเกมเปลี่ยนไปชัดเจน หลังเสมอกัน เบลเยียมกลับมาได้บุกอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง จน เออิจิ คาวาชิมะ งานชุกไม่น้อยเลย”
กระทั่ง ช่วงก่อนหมดเวลาประมาณแค่ 1 นาที
พลอตหนังชีวิตของภาพยนตร์ลูกหนังเรื่องนี้ ก็เริ่มร่ายความซาดิสท์ออกมาทีละเล็ก ทีละน้อย
ฉากแรก – ญี่ปุ่น ได้ฟรีคิกระยะไกล ประมาณ 35 หลา
ฉากสอง – เคย์ซูเกะ ฮอนดะ ตั้งบอลก่อนซัดด้วยซ้าย บอลพุ่งไปติดเซฟของ ติโบต์ กูร์ตัวส์ ออกหลัง
ฉากสาม – ฮอนดะ เจ้าเดิม ไม่ยอมเล่นสั้น เพื่อผลาญเวลา เขาเลือกที่จะเปิดเตะมุม เพื่อหวังประตูปลิดชีพปีศาจแดงตัวใหญ่ในเวลาให้ได้
ฉากสี่ – ญี่ปุ่น โดนสวนกลับ จากการที่ กูร์ตัวส์ กระโดดคว้าบอลไว้ได้ และไม่กี่จังหวะหลังจากนั้น นาเซอร์ ชาดลี่ ตัวสำรองก็แปบอลเข้าประตูไปได้ ชนิดที่ไม่มีโอกาสให้ ญี่ปุ่น ได้แก้ตัว แม้แต่วินาทีเดียว
“มันเป็นบทละครลูกหนังที่เขียนออกมาได้ดราม่าสิ้นดี
ไม่มีโอกาสให้นักเตะญี่ปุ่นได้แสดงฉากสุดช้ำในเทคที่สองเลย”
ฉากต่อมา คือ การเห็นนักเตะญี่ปุ่น ล้มตัวลงนอนกองทีละคน บ้างก็ก้มหน้าร่ำไห้ เพราะความเสียดายที่ได้เข้าใกล้การสร้างประวัติศาสตร์ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายแบบสุดๆ แล้ว
มัน คือ เกมที่สุดยอดของพวกเขา
มัน คือ เกมที่บ่งบอกได้ดีว่า เอเชียกำลังเล็กไปสำหรับญี่ปุ่น
มัน คือ เกมพ่ายแพ้ที่น่าจดจำที่สุดเกมหนึ่งของพวกเขา
แม้เกมนี้ จะไม่ใช่พลอตภาพยนตร์ลูกหนังที่จบแบบ “แฮปปี้ เอ็นดิ้ง” ก็ตาม….
“จอน”
โปรแกรมการแข่งขัน พร้อมช่องถ่ายทอดสด ฟุตบอลโลก 2018
ดูฟุตบอลโลก 2018 ย้อนหลัง เต็มแมตช์ สิทธิพิเศษเฉพาะลูกค้าทรู
ช่องทางการรับชมการถ่ายทอดสดทาง TrueID
ดูสดผ่านแอปพลิเคชั่น ทรูไอดี คลิก >>http://bit.ly/2HtYS2N
ดูสดผ่านเว็บไซต์ ทรูไอดี คลิก >>http://bit.ly/TrueIDSportsLive
ติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports