
ยับเยิน!! 5 ประเด็นร้อน ลิเวอร์พูล พ่าย แชมเปี้ยนส์ลีก ขาดลอย

5 ประเด็นสำคัญ ในเกมที่ ลิเวอร์พูล โชว์ฟอร์มสุดย่ำแย่ บุกไปโดน นาโปลี ไล่ถล่มแบบหมดสภาพ 1-4 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ รอบแบ่งกลุ่ม นัดแรก
1. เกมเหย้า นาโปลี ของแสลง หงส์แดง
ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะไปเจอกับใคร ไปเยือนสนามไหน ลิเวอร์พูล ไม่เคยเกรงกลัวการไปเล่นเป็นทีมเยือนเลย แต่กับ นาโปลี ที่ลงเตะในรังเหย้า ที่สนามซาน เปาโล หรือชื่อใหม่ ดีเอโก้ อาร์มันโด้ มาราโดน่า ที่เพิ่งเปลี่ยนมาหมาดๆ ที่นี่เปรียบเหมือนสถานที่อาถรรพ์ของ "หงส์แดง" เลยก็ได้
ลิเวอร์พูล เคยยุกมาเล่นที่นี่แล้ว 2 ครั้ง ในการฟาดแข้งยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม โดยครั้งแรกมาเตะ ในซีซั่น 2018/19 ก็แพ้กลับไป 0-1, ครั้งต่อมา ในปี 2019/20 ก็ยังบุกมาโดนยิง 0-2 กระทั่งแมตช์ล่าสุด ยับเยินยิ่งกว่าเดิม โดนถล่มเละ 1-4
2. 5 นาทีแรกแห่งความสับสน
นาโปลี เปิดฉากอย่างเร้าใจมาก เมื่อกรรมการเป่านกหวีดเริ่ม ทำเอาแนวรับ ลิเวอร์พูล ปั่นป่วน จับต้นชนปลายไม่ถูก โดยเฉพาะการประสานงานระหว่าง โจ โกเมซ กับ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ที่เหมือนไม่ค่อยลงตัว และเกือบเสียประตูถึง 2 ครั้ง จนกระทั่งเกิดข้อผิดพลาดมาเสียจุดโทษ จากการที่ เจมส์ มิลเนอร์ ทำแฮนด์บอล และกลายเป็นประตูขึ้นนำ 1-0 ของเจ้าถิ่น และหลังจากนั้น "หงส์แดง" ก็เป๋แบบยาวๆ กูไม่กลับกันเลยทีเดียว
3. บ่อน้ำมัน ที่ชื่อ โจ โกเมซ
เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่มีทางเลือกในการจัดคู่เซนเตอร์เท่าไหร่ แม้ว่า โจเอล มาติป จะหายเจ็บกลับมาแล้ว ทว่าก็ยังไม่พร้อมที่จะลงเป็นตัวจริง ทำให้ โจ โกเมซ ที่ฟอร์มผีเข้าผีออก ยังได้ลงสนามจับคู่กับ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ต่อไป
และสิ่งที่หลายคนกังวลก็เกิดขึ้น เมื่อ โกเมซ กลายเป็นบ่อน้ำมันในแผงหลัง ไม่สามารถจัดการแนวรุก นาโปลี ได้เลย เขาโดน วิคเตอร์ โอซิมเฮน และ ควิช่า ควารัตสเคเลีย เล่นงานจนหัวหมุน แถมยังถูกฉกบอลหลุดเดี่ยวไปได้ จนกลายเป็นประตูให้กับเจ้าถิ่น แบบไม่น่าให้อภัย จน คล็อปป์ ทนไม่ไหว ต้องเปลี่ยนตัวเขาออกตั้งแต่ช่วงพักครึ่ง
4. ตัวสำรองเปลี่ยนเกมไม่ได้
หลังจากครึ่งแรกที่ หงส์แดง โชว์ฟอร์มได้สุดเลวร้าย โดน นาโปลี ยิงนำไปก่อนถึง 3-0 แถมต้นครึ่งหลังก็มาโดนอีกดอก แม้ว่าทีมจะยิงมาตีไข่แตกได้เร็ว ทว่าเกมก็ยังไม่ดีขึ้น ทำให้ คล็อปป์ จำเป็นต้องปรับทัพ
โดย มาติป ถูกส่งมาแทน โกเมซ ตั้งแต่เริ่มครึ่งหลัง ส่วน ดาร์วิน นูนเญซ, ดิโอโก้ โชต้า และ ติอาโก้ อัลกันตาร่า ถูกส่งลงมาพร้อมกันในนาทีที่ 62 รวมทั้ง อาร์ตูร์ เมโล่ ดาวเตะคนใหม่ ลงมาในนาทีที่ 77 ทว่าเกมของ ลิเวอร์พูล ก็ไม่กระเตื้องขึ้นเลย
ทั้ง 5 คนที่ถูกเปลี่ยนลงมา จะมีแค่ ติอาโก้ เท่านั้น ที่ช่วยให้เกมแดนกลางของทีมดูดีขึ้น ทว่าโดยรวมก็ยังทำอะไรไม่ได้มาก เนื่องจากเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ ดูเหมือนจะถอดใจ และไปไม่เป็นกันแล้ว ในช่วงเวลาที่เหลือ
5. หงส์แดง หมดแพสชั่น
เกมครึ่งแรกหากใครได้ดู ต้องบอกว่า นักเตะลิเวอร์พูล เล่นเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน หรือไม่ก็เพิ่งสร่างเมา พวกเขาเล่นกันแบบซังกะตายมาก ไม่คึกคัก ไม่ค่อยวิ่ง เหมือนหมดแรงจูงใจในการเล่น จนเป็นที่มาให้ทีมโดนทะลวงไปถึง 3 ลูก แม้ว่าครึ่งหลัง จะเล่นกันแบบคึกคัก มีชีวิตชีวามากขึ้น แต่มันก็ยังน้อยเกินไปหากเทียบกับ การเล่นของ นาโปลี
อาการหมดแพสชั่นแบบนี้ของ "หงส์แดง" มันมีเค้าส่อมาตั้งแต่เกมแดงเดือด ในนัดที่บุกไปพ่าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แล้ว เกมนั้นรูปทรงคล้ายๆ แบบนี้เลย นักเตะเจ้าถิ่นวิ่งทุ่มเท หื่นกระหายมากกว่า ส่วนลูกทีมของ คล็อปป์ ก็เล่นแบบเอื่อยๆ ไม่กระตือรือร้น จนพ่ายกลับออกมา ในที่สุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- นาโปลี VS ลิเวอร์พูล 4-1 : นาโปลี มาเหนือเปิดรังถล่ม หงส์แดง ประเดิมชปล.
- โปรแกรม แชมเปี้ยนส์ลีก - ยูโรปา - คอนเฟอเรนซ์ลีก 2022/23 ลิ้งก์ดูบอลสด
- หงส์เต็งสาม!! ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ฟันธง แชมป์ แชมเปี้ยนส์ลีก
- หงส์สบาย!! บาเยิร์น ฟัด บาร์ซ่า, อินเตอร์ ผลจับสลาก ชปล.รอบแบ่งกลุ่ม
-------------------------------------------------
วิธีการดูบอลพรีเมียร์ลีก 2022/23 ที่ TrueID : แพ็กเกจชมครบทุกคู่ - ซิมทรูชมทีมโปรดฟรี!
รวมข้อมูลแก้ไขปัญหาการใช้งาน รับชม หรือโปรโมชันกิจกรรมต่างๆ << คลิกที่นี่
อัพเดทข่าว ผลบอล พรีเมียร์ลีก แบบทันใจ พร้อมวิเคราะห์คู่เด่นในรอบสัปดาห์ ส่งถึงมือคุณ
คลิกเลย!! หรือ กด *301*32# โทรออก
หรือ อัพเดทข่าวบอลไทยลีก กด *301*36# โทรออก