พูดถึงลีก Serie A ทีไร ผมจะนึกถึงบรรยากาศแบบฟุตบอลที่ “ดิบ” และ “แท็กติกจัดเต็ม” ก่อนเสมอ ลีกนี้ไม่ใช่ฟุตบอลที่เน้นโชว์เหนือ แต่คือฟุตบอลที่เล่นด้วยสมองและความเข้าใจในเกม ผมติดตามมาตั้งแต่ยุคที่ยูเวนตุสผูกขาดความสำเร็จ จนมาถึงยุคปัจจุบันที่ทุกทีมเริ่มกลับมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน และปีนี้บอกได้เลยว่า Serie A กลับมามีเสน่ห์อีกครั้ง ในแบบที่แฟนบอลทั่วโลกอยากดู อินเตอร์ มิลาน ความนิ่งและโครงสร้างที่สมบูรณ์ อินเตอร์ยังคงเป็นทีมที่ยืนระยะได้ดีที่สุดในลีก พวกเขาเล่นเหมือนเครื่องจักรที่ถูกเซตระบบไว้อย่างละเอียด เกมรับแข็งแกร่ง เกมรุกไหลลื่น และมีความเข้าใจแท็กติกกันทั้งทีม การที่บอนนี่ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญ ถือว่าเติมมิติให้ทีมได้อย่างชัดเจน เพราะช่วยลดภาระของเลาตาโร่ในแนวรุก ส่วนมคิทาร์ยานก็ยังคงเป็นหัวใจสำคัญ แม้อายุจะมากขึ้นแต่ประสบการณ์ของเขาทำให้เกมแดนกลางของอินเตอร์ดูแน่นและมีจังหวะการเชื่อมเกมที่นิ่ง ผมมองว่าอินเตอร์ปีนี้มีทั้งความมั่นใจและวินัยในเกม ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ทีมแชมป์ต้องมี โรม่า ทีมที่ยังอยู่ระหว่างการปรับสมดุล ฝั่งโรม่าภายใต้การนำของริคกี้ มัสซาร่าในตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬา พวกเขากำลังอยู่ในช่วงสร้างทีมด้วยความรอบคอบ ก่อนเกมกับอินเตอร์ มัสซาร่าให้สัมภาษณ์กับ Sky Sport ว่า “ตลาดเดือนมกราคมเราขยับได้ยาก เพราะติดกฎ Fair Play Financial” ประโยคนี้สะท้อนชัดว่าโรม่ากำลังพยายามรักษาเสถียรภาพทางการเงินมากกว่าการทุ่มซื้อแบบไร้แผน แม้จะมีดาวดังอย่างดีบาล่าและดาวรุ่งที่น่าจับตาอย่างซูเล่ แต่สิ่งที่ผมชอบคือการที่โรม่าเริ่มสร้างทีมด้วยโครงสร้างระยะยาว ไม่หวังผลเร็ว ดอฟบิคกับเฟอร์กูสันแม้จะไม่ได้ออกสตาร์ท แต่ทีมก็ยังมีทางเลือกหลากหลายในการเข้าทำ นาโปลี จากแชมป์เก่าสู่ทีมที่ต้องพิสูจน์อีกครั้ง หลังจากคว้าแชมป์ลีกเมื่อปีที่แล้ว นาโปลีเริ่มเจอกับแรงกดดันที่ต่างออกไป การเปลี่ยนโค้ชและแนวทางการเล่นบางส่วนส่งผลให้ทีมยังหาความต่อเนื่องไม่ได้ การแพ้โตริโน่ 0-1 เป็นภาพสะท้อนว่าทีมกำลังอยู่ในช่วงปรับสมดุล นาโปลีชุดนี้ยังคงมีคุณภาพ โดยเฉพาะเกมรุกริมเส้น แต่จุดอ่อนคือเกมรับที่ไม่แน่นเหมือนช่วงมีคิม มินแจ ส่วนโอซิมเฮนยังคงเป็นคีย์แมนของทีม แต่เมื่อเขาเจ็บหรือฟอร์มไม่สม่ำเสมอ เกมรุกของนาโปลีจะดูดรอปลงทันที ยูเวนตุส ทีมที่กำลังฟื้นตัวแบบเงียบๆ ยูเว่ปีนี้ไม่มีข่าวใหญ่หรือความหวือหวาเหมือนยุคก่อน แต่ผมรู้สึกว่าพวกเขากำลังค่อยๆ กลับมาในแนวทางที่มั่นคง อัลเลกรีเลือกเน้นพลังหนุ่มมากขึ้น มีการผสมผสานนักเตะอย่างเคียซ่าและวลาโฮวิชที่ถ้ากลับมาฟิตเต็มร้อย จะกลายเป็นคู่ที่อันตรายที่สุดในลีก ยูเว่เล่นฟุตบอลแบบเรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพ ไม่เน้นครองบอลมาก แต่ใช้โอกาสให้คุ้ม และนั่นคือสิ่งที่ทีมนี้ถนัดมาตลอด Serie A ยุคใหม่ ฟุตบอลที่เน้นแท็กติกและจิตวิทยา ผมมองว่า Serie A ยุคนี้คือฟุตบอลที่สมดุลระหว่างแท็กติกกับความมุ่งมั่น ทุกทีมมีเอกลักษณ์ของตัวเอง ตั้งแต่อตาลันต้าที่เน้นเพรสซิ่งเร็ว ไปจนถึงโบโลญญ่าที่เล่นบอลแบบเทคนิคสูง เกมส่วนใหญ่สูสี ไม่ใช่ลีกที่ทีมใหญ่ชนะขาดทุกนัดเหมือนบางประเทศ สิ่งที่ทำให้ Serie A น่าดูขึ้นมากคือความคาดเดาไม่ได้ ทีมระดับกลางสามารถทำแต้มจากทีมใหญ่ได้ทุกเมื่อ มันคือฟุตบอลที่ต้องใช้ “สมอง” มากพอๆ กับ “หัวใจ” สรุปจากมุมมองของผม หากคุณเป็นคนที่เบื่อฟุตบอลที่เดาได้ง่าย ผมอยากให้ลองเปิดใจดู Serie A อีกครั้ง เพราะทุกนัดเต็มไปด้วยรายละเอียด แท็กติก และเรื่องราวเบื้องหลังที่เข้มข้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดทีม การบริหารงบ หรือแนวทางพัฒนาเยาวชน ฟุตบอลอิตาลีอาจไม่หวือหวาเหมือนอังกฤษ แต่มีความดิบและชั้นเชิงเฉพาะตัว ผมเชื่อว่าใครที่ได้ดูจริงจังสักพัก จะรู้สึกว่า “นี่แหละฟุตบอลแท้ ๆ” ที่เล่นเพื่อชนะด้วยระบบและมันสมองมากกว่าชื่อเสียง รูปภาพปก 1 มาจาก AS Roma :|: รูปภาพปกที่ 1 รูปภาพประกอบ 1 มาจาก AS Roma :|: รูปภาพประกอบที่ 1 รูปภาพประกอบ 2 มาจาก AS Roma :|: รูปภาพประกอบที่ 2 รูปภาพประกอบ 3 มาจาก AS Roma :|: รูปภาพประกอบที่ 3 รูปภาพประกอบ 4 มาจาก AS Roma :|: รูปภาพประกอบที่ 4 ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !