ใกล้คริสมาสต์แบบนี้ ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกก็เข้มข้นตามเป็นเงาตามตัว ตารางแข่งเรียกว่าถี่ยิบไม่ให้พักให้ผ่อน ส่วนแฟนบอลอย่างเราก็ได้รับอานิสงส์ไปเต็มๆ เพราะได้แหกตาดูทีมรักแบบบ่อยจัดดูกันให้ล้าไปข้างหนึ่ง แล้วบิ๊กซ์แมทซ์ประจำสัปดาห์นี้ก็มาถึงครับ ซึ่งเป็นการพบกันระหว่างลิเวอร์พูล กับ อาร์เซนอล เดิมพันของคู่นี้คือตำแหน่งจ่าฝูง หนำซ้ำสถิติทุกสิ่งทุกอย่างของทั้งสองทีมก็ใกล้เคียงกันมาก นี่จึงเป็นการพบกันที่สมน้ำสมเนื้อไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ และน่าดูสุดๆ มาครับ! เรามาคุยหลังเกมกันดีกว่าว่าเกมนี้ผมเห็นอะไรในรูปเกมบ้าง 1. ลิวเวอร์พูลเสียประตูเร็วอันนี้ถือเป็นเรื่องปกติสามัญของทีมหงส์แดงซีซั่นนี้เลยครับ พวกเขามักจะโดนยิงนำก่อนตลอด บางครั้งก็เป็นความเก่งฉกาจของคู่แข่งบางครั้งก็เล่นผิดพลาดกันเอง แต่จนแล้วจนรอดพวกเขาก็จะใช้เกมบุกที่ทรงพลังประหัตประหารคว้าชัยกลับมาได้เสมอ กับครั้งนี้ก็เช่นกัน อาร์เซนอลมาแบบรุกหนนักกะไม่ให้ตั้งตัว แล้วก็ชิงขึ้นนำไปก่อน 1 - 0 จากลูกตั้งเตะ ซึ่งถือว่าเป็นจุดแข็งของพวกเขา แต่สำหรับผมแล้วผมคิดว่า เป็นเพราะลิเวอร์พูลยังจับจังหวะการเล่นไม่ได้เองมากกกว่า อาจจะยังไม่รู้กลิ่นกัน ยังเดาทางกันไม่ออก แล้วพอระยะเวลาผ่านไปพอปรับตัวได้ ลิเวอร์พูลก็จะกลับมาได้เอง 2. รูปแบบการเข้าทำของลิเวอร์พูลเห็นบ่อยจนชินตาคุณผู้อ่านท่านใดได้มีโอกาสดูไฮไลท์ก็น่าจะพูดเป็นเสียงเดียวกันนะครับว่า "เทรนด์ช่างวางบอลยาวลูกนี้ได้อย่างสวยงาม" แต่ในความเป็นจริงแล้ว ลักษณะการเข้าทำแบบนี้เป็นลูกสูตรที่แทบจะเห็นกันอยู่ทุกแมทซ์ หากแต่คนเปิดจะเป็นฟาน ไดจ์น และคนรับบอลก็จะเป็นซาล่าห์ที่ยืนอยู่ชิดริมเส้น ถ้าจะตำหนิก็ต้องตำหนิอาเตต้าที่ไม่กำชับลูกทีมให้ดี เพราะนี่ไม่ใช่ฟุตบอลที่ซับซ้อนอะไร ชิงเชนโก้ควรจะหยุดซาล่าห์ให้ได้ ในขณะที่ลิเวอร์พูลเองก็ควรจะมีวิธีเข้าทำที่หลากหลายกว่านี้ ไม่ใช่ใช้แต่ลูกไม้เดิมๆ (แต่เข้าประตูก็เอาหมดแหละครับ สำหรับแฟนบอลฮ่าๆ) 3. ลูกสวนกลับแบบหน้ากระดานเรียง 5 โล่งๆไม่เข้าได้ไง!ผมคิดว่านี่น่าจะเป็นโอกาสทำประตูที่จะแจ้งที่สุดในเกม เมื่อโม ซาล่าห์ลากกระชากบอลมาเดี่ยวๆด้วยความรวดเร็ว มีเพื่อนวิ่งตามหลังมาสนับสนุนถึง 5 คน และเขาก็เปิดป้อนให้เพื่อนได้อย่างพอเหมาะ กลับกลายเป็นเทรนด์ อาโนลน์ คนเดิมที่วิ่งมากระแทกบอลลอยขึ้นไปชนคานดังโครมมมม!!! ทั้งที่มันควรจะใส่สกอร์ขึ้นนำได้แล้วแท้ๆ! นี่ล่ะครับเขาเรียกว่า "วาสนา" ดวงมันจะไม่ชนะยังไงก็ไม่ชนะ ลูกยิงลูกนี้ยังกระแทกเบ้าตาติดตรึงจิตใจผมอยู่เลยครับ 4. การบาดเจ็บไหล่ของซิมิกัส!อันนี้น่าเห็นใจแกมาก เพราะปกติแกก็ไม่ค่อยได้โอกาสลงเล่นอยู่แล้ว แถมช็อตที่ทำให้เจ็บก็ออกจะเป็นเรื่องน่าขบขันที่โดนผู้จัดการทีมตัวเองล้มใส่ โชคดีอยู่หน่อยนึงครับที่แกเจ็บจากจังหวะกระแทกพื้น ไม่ใช่เจ็บขาจากการโดนเจอร์เก้น คล็อปป์ล้มทับ ไม่งั้นคงเป็นข่าวใหญ่กว่านี้แน่ ส่วนเราแฟนบอลเองก็ได้แต่ภาวนา เพราะบอลลิเวอร์พูลเป็นบอลที่เน้นการเปิดจากด้านข้างมาก แม้ระยะหลังจะเป็นเทรนด์ที่หุบเข้ามาเปิดบอลจากตรงกลางมากขึ้น แต่การขาดแบ็คซ้ายอาชีพไป พลังในการทำลายแนวรับคู่แข่งก็ด้อยลงไปเยอะครับ สรุปสุดท้าย ก็คงได้แต่บอกว่านัดหน้าว่ากันใหม่ แม้ลึกๆแล้วผมก็หวังว่าจะได้สามแต้มจากการเตะในบ้าน แต่เมื่อมันไม่ได้ก็จะให้ทำไง เราต้องหัดมองโลกในแง่ดีครับ เพราะถึงเราจะเสียสองแต้มไปก็จริง แต่ก็เป็นการรั้งอาร์เซนอลไว้เช่นกัน เขายังหนีเราไปไหนได้ไม่ไกลยังห่างกันแค่แต้มเดียวอยู่ อะไรก็เกิดขึ้นได้ครับ (รวมไปถึงการแรงขึ้นมาจากอันดับ 5 อย่างแมนซิตี้ที่เพิ่งคว้าแชมป์สโมสรโลกด้วย..) เครดิตภาพประกอบรูปหน้าปก1 จาก FB : Liverpool FCรูปหน้าปก1 จาก FB : Liverpool FCรูปที่ 1 จาก FB : Liverpool FCรูปที่ 2 จาก FB : Liverpool FCรูปที่ 3 จาก FB : Liverpool FCรูปที่ 4 จาก FB : Liverpool FC เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !