หลังจากที่เปิดตัวเยอร์เรียน ทิมเบอร์ไปไม่ทันครบ 24 ชั่วโมงดี "ปืนใหญ่" อาร์เซนอลก็ทำการเปิดตัวกองกลางคนใหม่ของทีม เจ้าของค่าตัวระดับ 100 ล้านคนใหม่และเป็นนักเตะที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรแซงหน้านิโคลัส เปเป้ ไม่ใช่ใครที่ไหนครับ ผมกำลังพูดถึง "เดแคลน ไรซ์" นั่นเอง เรียกได้ว่าแฟนๆ ปืนใหญ่รอคอยกันมานานมากกกกกกว่าจะเปิดตัว รอแล้วรอเล่า Here We Go กันไปตั้งนานเพิ่งจะมาเปิดตัวกัน พอเปิดตัวก็เปิดพร้อมๆ กัน 2 วันติดไปเลย โดยตามรายงานข่าวค่าตัวในการย้ายทีมครั้งนี้อยู่ที่ 105 ล้านปอนด์ โดยแบ่งเป็นค่าตัว 100 ล้านปอนด์ บวกแอดออน 5 ล้านปอนด์ โดยเซ็นสัญญา 5 ปี พร้อมกับสวมเสื้อหมายเลข 41 ที่เป็นเบอร์เก่งของเจ้าตัว และตอนนี้ไรซ์กระโดดขึ้นมาเป็นนักเตะอังกฤษที่แพงที่สุดในพรีเมียร์ลีก โดย ณ ตลาดซื้อขายซัมเมอร์นี้อาร์เซนอลใช้เงินในการเสริมทัพแตะหลัก 200 ล้านไปแล้ว เรียกได้ว่าเราไม่ค่อยได้เห็นอาร์เซนอลในเวอร์ชั่นทุ่มเงินขนาดนี้มากซักเท่าไหร่ ซึ่งไรซ์กลายเป็นนักเตะคนแรกที่อาร์เซนอลยอมทุบคลังไปสอยมาในราคาหลัก 100 ล้าน และบทความนี้ผมจะพาไปเหตุผลว่าทำไมอาร์เซนอลถึงขั้นต้องยอมจ่ายระดับ 100 ล้านเพื่อให้ได้ตัวไรซ์มาร่วมทีมเรามาเริ่มกันที่ประวัติของเดแคลน ไรซ์กันคร่าวๆ ก่อนดีกว่าครับ ไรซ์นั้นเกิดเมื่อวันที่ 14 มกราคม 1999 อย่างที่หลายๆ คนทราบกันดีครับว่าไรซ์นั้นมีเพื่อนนักเตะที่สนิทกันมากๆ ก็คือเมสัน เมาท์ กองกลางป้ายแดงของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เนื่องจากไรซ์นั้นก็เป็นเด็กจากเยาวชนของ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซีเช่นกัน ทั้งคู่เติบโตมาด้วยกันที่อคาเดมีของเชลซี ก่อนที่ "ขุนค้อน" เวสต์แฮม ยูไนเต็ดจะดึงตัวไรซ์เข้าสู้อคาเดมีในปี 2013 หลังจากที่พัฒนาฝีเท้าอยู่ประมาณ 4 ปี ในฤดูกาล 2016/2017 ไรซ์ก็ถูกเรียกติดทีมชุดใหญ่ หลังจากสร้างผลงานได้อย่างน่าประทับใจกับทีม U-23 โดยมีชื่อเป็นตัวสำรองในเกมที่พบกับสวอนซี เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2016 แต่ก็ยังไม่ได้รับโอกาสลงเล่นไรซ์ประเดิมเกมแรกให้กับทีมขุนค้อนในเกมสุดท้ายของพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2016/2017 ที่พบกับเบิร์นลีย์ โดยในเกมนี้ไรซ์ลงมาเป็นตัวสำรองในช่วงท้ายเกม ซึ่งเกมแรกที่ไรซ์ได้ลงสนามเป็น 11 ผู้เล่นตัวจริงในเกมลีกให้กับทีมนั้นเกิดขึ้นวันที่ 19 สิงหาคม 2017 ในเกมที่บุกไปพ่ายให้กับเซาแธมป์ตัน 3-2 โดยเกมนี้ไรซ์ได้ลงเล่นไป 76 นาทีก่อนที่จะถูกเปลี่ยนตัวออกไรซ์นั้นลงสนามให้กับเวสต์แฮม ชุดใหญ่ไปทั้งหมด 245 นัด (รวมทุกรายการ) ยิงได้ 15 ประตู และทำแอสซิสต์ 13 ครั้ง พร้อมกับเกียรติประวัติถ้วยแชมป์ 1 รายการนั่นก็คือ ยูฟา ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ลีก ฤดูกาลที่เพิ่งผ่านพ้นไป และที่น่าประทับใจไปมากกว่านั้นคือเขาได้เป็น "กัปตัน" อย่างเต็มตัวเป็นฤดูกาลแรกหลังจากมาร์ค โนเบิลแขวนสตั๊ดไป เป็นกัปตันทีมเต็มตัวฤดูกาลแรกก็ได้แชมป์กับทีมเลย น่าประทับใจจริงๆพูดถึงประวัติคร่าวๆ ของ "น้องข้าว" ไปเป็นที่เรียบร้อย หลังจากนี้จะเป็นพาร์ทที่เกี่ยวกับสถิติของเขากันดีกว่าครับ ถ้าหากเรานึกถึงกองกลางตัวรับของทีมใหญ่บรรดา Big 6 เราก็คงนึกออกกันง่าย เช่น โรดรี, ฟาบินโญ, คาเซมิโร ส่วนทีมระดับรองลงมากว่านั้น ผมก็เชื่อว่าไรซ์คือชื่อแรกที่จะโผล่เข้ามาในหัวเลย หรือจะบอกว่าไรซ์คือกองกลางตัวรับอันดับต้นๆ ของพรีเมียร์ลีกก็พูดได้อย่างเต็มปากครับ เพราะสถิติของไรซ์เมื่อฤดูกาลผ่านมา เขาคืออันดับ 1 ของนักเตะที่ชนะในการดวลและได้บอลมาครอง โดยเขาชนะการดวลและได้บอลมาครอบครองอยู่ที่ 334 ครั้ง เหนือโรดรีของแมนซิตี้ ซึ่งมีเพียงไรซ์และโรดรีที่ทำได้เกิน 300 ครั้ง และหากเฉลี่ยออกมาต่อเกมแล้ว ไรซ์สามารถทำได้ 9.2 ครั้งต่อเกมนอกจากนี้ไรซ์ยังเป็นอันดับ 1 ของลีกในการสกัดบอล เขาทำไปได้ทั้งหมด 63 ครั้ง เหนืออิดริสซา กานา เกย์ของเอฟเวอร์ตัน, ชีค ดูคูเร ของคริสตัล พาเลซ และมอยเซส ไคเซโดของไบรท์ตันที่ทำได้เท่ากันที่ 56 ครั้ง และดูเหมือนเขาจะเน้นไปในเรื่องของเกมรับมากกว่าเกมรุกเสียอีก ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะด้วยแทคติกของทีมขุนค้อนด้วย เพราะในส่วนของการเลี้ยงบอลเขาก็ทำได้น้อยกว่าคนอื่นๆ ในตำแหน่งเดียวกัน เขาเลี้ยงบอลตลอดทั้งฤดูกาลที่ผ่านไปเพียง 23 ครั้ง ค่าเฉลี่ย 0.6 ครั้งต่อเกม ไม่ถึง 1 ครั้งต่อเกมด้วยซ้ำ น้อยกว่าไคเซดโด้ (0.8), โรดรีและบรูโน กีมาไรซ์ (0.9) รวมไปถึงโธมัส ปาร์เตย์ (1) เสียอีกคราวนี้เราลองนำไรซ์มาเทียบกับกองกลางคนอื่นๆ ของปืนใหญ่กันดีกว่าครับ บอกได้เลยว่าไม่เป็นสองรองใครเลย จะมีเพียงปาร์เตย์คนเดียวเท่านั้นที่สถิติบางอย่างเหนือกว่าไรซ์ แต่สถิติอื่นๆ นั้นไรซ์เหนือกว่ากองกลางทุกคนของอาร์เซนอลทั้งหมด (นับเฉลี่ยต่อ 1 เกมหรือ 90 นาที) มาเริ่มกันที่การเข้าปะทะกันเลยครับ ไรซ์เป็นรองเพียงปาร์เตย์ที่ทำไปได้ 2.5 ครั้งต่อเกม ส่วนไรซ์ทำได้ 2.2 มากกว่ากรานิต ชากาที่ทำได้ 1 ครั้งต่อเกม เช่นเดียวกันกับสถิติชนะการดวลคู่แข่ง ไรซ์ก็เป็นรองเพียงปาร์เตย์เช่นกัน คราวนี้เป็นรองเพียง 0.1 ครั้งต่อเกมเท่านั้น ปาร์เตย์อยู่ที่ 58.7 ส่วนไรซ์อยู่ที่ 58.6ส่วนสถิติอีก 2 สถิตินั้นคือสถิติที่น้องข้าวคืออันดับ 1 เหนือกองกลางทุกคนของอาร์เซนอล นั่นก็คือการผ่านบอลสำเร็จ 88.1% และ 1.7 ครั้งต่อเกมคือจำนวนการสกัดบอล นอกจากนี้สถิติการผ่านบอลขึ้นหน้า ไรซ์ก็ยังรั้งอันดับที่ 3 ของลีก (นับเฉพาะกองกลาง) เป็นรองเพียงบรูโน แฟร์นานส์ (633) และโรดรี (624) เท่านั้น โดยไรซ์ทำไปได้ 607 ครั้ง และมีเพียง 3 คนที่กล่าวมาเท่านั้นที่มีสถิติการผ่านบอลขึ้นหน้ามากกว่า 600 ครั้ง ซึ่งวัดจากผู้เล่นที่ทำการผ่านบอลมากกว่า 1,000 ครั้งในพรีเมียร์ลีก ซีซั่นที่ผ่านมาพูดถึงสถิติระดับลีกหรือเทียบกับนักเตะอาร์เซนอล ทีมใหม่ของไรซ์แล้ว ทีนี้เราลองมาเทียบกับนักเตะในภายในทีมเวสต์แฮม อดีตต้นสังกัดกันบ้างดีกว่าครับ เราพูดถึงเรื่องเกมรับกันไปเยอะแล้ว เราลองมาดูในส่วนของเกมรุกกันบ้างดีกว่า ฤดูกาลที่ผ่านมาไรซ์มีจังหวะการยิงทั้งหมด 32 ครั้ง สร้างสรรค์โอกาส 30 ครั้ง และมีส่วนร่วมในการสร้างเกมบุก 76 ครั้ง มีเพียงซาอิด เบนราห์มา (47) และจาร็อด โบเวน (35) ที่มีสถิติที่ดีกว่าในการสร้างสรรค์โอกาสแบบโอเพน-เพลย์สถิติที่ได้เขียนถึงไปนั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เดแคลน ไรซ์สามารถทำได้ในฤดูกาลที่เพิ่งผ่านพ้นไป มีอีกหลายสถิติครับที่ไรซ์นั้นคืออันดับที่ 1 หรือไม่ก็เป็นอันดับต้นๆ ของสถิตินั้น มาถึงตรงนี้คงจะต้องพูดถึงตำแหน่งในการเล่นกับอาร์เซนอลแล้วครับ ด้วยค่าตัวมหาศาลบวกกับการอำลาทีมไปของกรานิต ชากา ทำให้ตำแหน่งของผู้เล่นที่ยืนคู่กับโธมัส ปาร์เตย์นั้นว่างลง เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าไรซ์คือคนที่อาจจจะมาเล่นร่วมกับปาร์เตย์ในเกมที่ต้องการเน้นเกมรับหรือแพ็คแดนกลางในแน่น ซึ่งไรซ์คงรับบทบาทเดิมของชากาในบทบาทของ Box to Box ที่จะเป็นเหมือน "ห้องเครื่อง" ของทีม โดยจะทั้งวิ่งขึ้นไปในสนับสนุนเกมรุก สอดเข้าไปในกรอบเขตโทษเพื่อทำประตูเมื่อมีโอกาสและลงมาช่วยในเกมรับ เหมือนที่ชากาทำได้ในช่วงหลังที่ผ่านมา นอกจากนี้จะผนึกกำลังกับมาร์ติน โอเดการ์ด มิดฟิลด์กัปตันทีมที่จะเป็นตัวสร้างสรรค์ ครีเอทเกมรุกต่างๆ ให้กับปืนใหญ่ เรียกได้ว่ากองกลางตัวจริงของอาร์เซนอลนั้นแข็งแกร่งสุดๆ มีประสบการณ์และเกมรับที่ดีเยี่ยมเป็นทุนเดิมอยู่แล้วของปาร์เตย์ ยังมีเกมรับที่เป็นของถนัดของไรซ์เข้ามาขันเกมรับเพิ่มขึ้นอีก นอกจากเกมรับที่ทำได้ยอดเยี่ยมแล้ว เกมรุกก็ยังสามารถซัพพอร์ตโอเดการ์ดที่ความครีเอทีฟสูงอยู่แล้วได้อีกด้วย พร้อมสุดๆ สำหรับกองกลางไอ้ปืนใหญ่หรือในอีกแทคติกที่ต้องการเกมรุก (ใช้กลางรับคนเดียว) ก็คือ ไรซ์ยืนคู่กับไค ฮาแวร์ตอีกหนึ่งผู้เล่นที่อาร์เซนอลยอมทุ่มเงินก้อนโตไปดึงตัวมาจากเชลซี โดยให้ฮาแวร์ตนั้นรับบทบาทของชากา ส่วนไรซ์นั้นก็ยืนปักหลักอยู่หน้าแผงกองหลังทำหน้าที่ในตำแหน่งกองกลางตัวรับที่ปาร์เตย์ทำหน้าที่อยู่แล้ว เนื่องจากปาร์เตย์มักจะมีอาการบาดเจ็บคอยรบกวนอยู่ตลอด ทำให้ทุกครั้งเวลาที่ขาดปาร์เตย์ไป กองกลางของอาร์เซนอลก็ดูไม่แน่นเท่าตอนที่มีปาร์เตย์อยู่ ทำให้ ณ ตอนนี้กองกลางปืนใหญ่ไม่ต้องห่วงเรื่องกองกลางตัวรับแล้ว เพราะมีตัวที่สามารถทดแทนกันได้ผมเชื่อว่าศักยภาพของไรซ์ที่เขาแสดงให้คนดูเห็นมาตลอดหลายฤดูกาลนั้น จะสามารถช่วยยกระดับอาร์เซนอลให้แข็งแกร่งขึ้นมาได้และน่าจะอยู่ช่วยมิเกล อาร์เตตาในการไล่ล่าความสำเร็จให้กับอาร์เซนอลไปอีกหลายปีแน่นอน และยิ่งสถิติขนาดนี้บวกกับอายุยังน้อยที่เพิ่งครบ 24 ไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมานั้น ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมอาร์เซนอลถึงต้องยอมทุ่มเงิน 105 ล้านปอนด์กระชากตัวมา เพราะทั้งสถิติที่สุดยอดอันดับต้นๆ ของลีกและการใช้งานที่ใช้ได้อีกนาน เหมาะสมจริงๆ ครับเป็นยังไงกันบ้างครับสาวกเดอะ กันเนอร์ส ถูกใจกับน้องข้าวมากน้อยแค่ไหน คอมเมนท์บอกได้เลยครับ และตามธรรมเนียมสำหรับบทความที่แนะนำนักเตะใหม่กับทีมใหม่ของเขา ก่อนอำลากันไปก็จะมีภาพการเปิดตัวบางส่วนมาฝากแฟนๆ บทความของเดแคลน ไรซ์ก็ไม่พลาดที่จะนำภาพการเปิดตัวมาให้ชมเช่นกันครับ ขอขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านบทความของผมนะครับ หวังว่าคุณผู้อ่านทั้งหลายจะชอบนะครับ สำหรับวันนี้ต้องขอกล่าวคำว่าลาก่อน และพบกันใหม่ในบทความหน้าครับ สวัสดีครับขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจากtheanalyst.com (ข้อมูล)Official Instagram ของเดแคลน ไรซ์ (@declanrice)Official Instagram ของเวสต์แฮม ยูไนเต็ดOfficial Instagram ของอาร์เซนอลภาพประกอบภาพประกอบ 1, ภาพประกอบ 2, ภาพประกอบ 3, ภาพประกอบ 4, ภาพประกอบ 5, ภาพประกอบ 6-10, ภาพประกอบ 11 และภาพประกอบ 12ภาพปกภาพปก 1, ภาพปก 2และ3Community ฟุตบอล ถกประเด็นร้อนฟุตบอลทุกลีก ใครตัวเต็ง ใครฟอร์มตก ต้องเคลียร์