ในบทความนี้ผมจะพาคุณผู้อ่านไปทำความรู้จักกับ " โทมัส แฟรงก์ " กุนซือไฟแรงผู้ยกระดับเบรนท์ฟอร์ดให้ผงาดอย่างมีสไตล์บนเวทีพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2021-2022 โทมัส แฟรงก์เป็นกุนซือชาวเดนมาร์ก แต่ความแปลกคือเขาไม่ได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพจริงจังมาก่อน แต่เริ่มงานสายผู้จัดการทีมมาตั้งแต่ปี 2008 ที่เริ่มรับงานคุมทีมชาติเดนมาร์กชุดเยาวชนไล่ตั้งแต่รุ่น U16 , U17 , U19 ก่อนที่ในปี 2013 จะตัดสินใจหาความท้าทายอีกขั้นโดยการคุม " บรอนด์บี้ " สโมสรระดับกลางตารางบนเวทีเดนมาร์กซูเปอร์ลีก้า ซึ่งผลงานก็ถือว่าอยู่ในระดับดีเพราะพาบรอนด์บี้จบในอันดับ 3 และ 4 ได้ในฤดูกาล 2014 และ 2015 ตามลำดับ นอกจากนี้ยังได้สิทธิ์ผ่านเข้าไปเล่นในรายการยูฟ่ายูโรป้าลีกรอบคัดเลือกได้อีกด้วย แต่น่าเสียดายที่แฟรงค์ไม่เคยพาทีมทะลุเข้าไปเล่นรอบแบ่งกลุ่มได้ ก่อนจะตัดสินใจลาออกด้วยตัวเองเพื่อเดินตามฝันหาความท้าทายใหม่ในปี 2016 กับเบรนท์ฟอร์ดในเวทีอีเอฟแอลแชมเปียนชิป การมาอังกฤษรอบนี้คงไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะเปลี่ยนชีวิตเขาไปอย่างสิ้นเชิง แฟรงก์ในวัย 42 ปีตัดสินใจรับงานในเกาะอังกฤษเป็นครั้งแรกในฐานะผู้ช่วยของ " ดีน สมิธ " ในปี 2018 หลักการอำลาทีมของดีน สมิธ เบรนท์ฟอร์ดตัดสินใจดันแฟรงก์ขึ้นมารับหน้าที่ผู้จัดการทีมแทน ซึ่งในช่วงแรกคือความยากลำบากในฐานะกุนซืออย่างแท้จริง เขายึดมั่นในระบบ 3-4-3 แต่การคุมทีม 10 นัดแรกเขาพาลูกทีมเก็บชัยชนะได้เพียง 1 เกมเท่านั้น แต่สุดท้ายเขาก็พาเบรนท์ฟอร์ดทำผลงานดีขึ้นเรื่อยๆ จนรอดตกชั้นจบอันดับที่ 11 ของตาราง ก่อนที่ในฤดูกาล 2020-2021 แฟรงค์คุมทีมลงเล่นครบ 100 นัด ถูกส่งชื่อเข้าชิงรางวัลโค๊ชยอดเยี่ยมสาขาต่างๆ มากมาย หนึ่งในนั้นคือ " London Football Awards Manager of the Year : 2020 " เนื่องจากฟอร์มของเบรนท์ฟอร์ดที่ร้อนแรงจนเกาะกลุ่มหัวตารางได้ทั้งฤดูกาลด้วยการซัดไปทั้งหมด 79 ประตู เสียไปเพียง 42 ลูก (เสียน้อยเป็นอันดับ 4 ของลีก) จนในท้ายที่สุดก็รั้งอันดับสามต้องไปเพลย์ออฟเพื่อเลื่อนชั้นซึ่งพวกเขาก็เบียดเอาชนะสวอนซีไปได้ด้วยสกอร์ 2-0 หลังเลื่อนชั้นขึ้นมาบนเวทีพรีเมียร์ลีกด้วยการเพลย์ออฟสุดระทึก เมื่อดูจากชื่อชั้นของนักเตะทำให้เหล่านักวิเคราะห์หลายรายคาดการว่าเบรนท์ฟอร์ดจะต้องหนีตกชั้น แต่จนถึงตอนนี้เหมือนจะกลายเป็นขั้วตรงข้ามเพราะเบรนท์ฟอร์ดลงเล่นด้วยความมั่นใจพร้อมพิสูจน์ตัวเองลบเสียงสบประมาททุกนัดด้วยฝีมือของแฟรงก์ ซึ่งที่มาของความมั่นใจทั้งหมดเริ่มต้นจากการที่พวกเขาเปิดบ้านเอาชนะอาร์เซน่อลได้ในนัดแรกของฤดูกาล สามารถแบ่งแต้มกับทีมลุ้นแชมป์อย่าง "ลิเวอร์พูล" แถมยังสามารถบุกไปเชือด "เวสต์แฮม" ทีมฟอร์มร้อนได้ในช่วงทดเจ็บยิ่งเป็นการการันตีว่าพวกเขาไม่ได้มาเล่นๆ แต่มีดีพอจะอยู่รอดต่อไป สุดท้ายส่วนตัวผมมองว่าในฤดูกาลนี้เบรนท์ฟอร์ดในน้ำมือของแฟรงก์สามารถสร้างปรากฏการณ์มหัศจรรย์ได้อีกมากมาย แต่คงไม่ถึงขั้นรักษาอันดับเลขตัวเดียวบนตารางได้เหมือนกับที่ "เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด" เคยทำเมื่อ 2 ฤดูกาลก่อนเพราะคู่แข่งทีมอื่นยังดูมีคุณภาพระยะยาวสูงกว่า แต่เชื่อว่าจะสามารถรั้งอันดับกลางตารางได้อย่างเหนียวแน่นและไม่ต้องไปดิ้นรนหนีตกชั้นเหมือนชะตากรรมของทีมน้องใหม่ที่เลื่อนชั้นมาด้วยกันแน่นอน ** Ref Picture ภาพหน้าปก : จาก Premierleague ภาพประกอบ 1 , 2 , 3 , 4 จาก FB BrentFord ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !