รีเซต
EP.3 Sport Up To Me : "ฟุตบอลไทยผมยิงเมื่อไหร่ก็ได้" ลีซอ ธีรเทพ วิโนทัย

EP.3 Sport Up To Me : "ฟุตบอลไทยผมยิงเมื่อไหร่ก็ได้" ลีซอ ธีรเทพ วิโนทัย

EP.3 Sport Up To Me : "ฟุตบอลไทยผมยิงเมื่อไหร่ก็ได้" ลีซอ ธีรเทพ วิโนทัย
Supachai
19 พฤศจิกายน 2562 ( 07:00 )
1.6K
6

สวัสดีครับเพื่อนๆ กลับมาพบกันเป็นประจำในคอลัมน์ Sport up To me By ต้อง แคลปแฮม สัปดาห์เป็นสัปดาห์ของทีมชาติ ซึ่งก็ทำให้ประเด็นฟุตบอลอย่างพรีเมียร์ลีกอาจจะเบาบางลงไปบ้าง แต่ในทางกลับกันผมเชื่อว่าแฟนบอลไทยคงใจจดใจจ่อกับการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย กลุ่ม จี ซึ่งทีมช้างศึกของเรามีโปรแกรมลงสนาม 2 นัดในสัปดาห์นี้ โดยล่าสุดพวกเขาพลาดท่าบุกไปแพ้ให้มาเลเซียมา 1-2 ที่บูกิต จารีล เมื่อวันที่ 14 จิกายนที่ผ่านมา ซึ่งนัดต่อไปพวกเขาอยู่ในสถานการณ์หลังพิงฝา ต้องบุกไปเก็บชัยชนะเหนือเวียดนามให้ได้เท่านั้น เพื่อต่อลมหายใจในการลุ้นเข้ารอบต่อไปอีกครั้ง ซึ่งเราก็ต้องมาลุ้นกันในค่ำวันนี้

(Photo from FB : Teeratep Winothai)

แหม่!! เกริ่นไปเกริ่นมาเริ่มจริงจังแล้วเปลี่ยนมาเข้าเรื่องของเราบ้างดีกว่าครับ555 ว่ากันที่แขกที่จะมาพูดคุยกับผมในตอนนี้ที่ดีกว่าเพราะว่าถ้าเอ่ยชื่อของเขา ผมเชื่อว่าแฟนๆกีฬาส่วนใหญ่จะต้องรู้จักเขา โดยเฉพาะแฟนๆกีฬาฟุตบอลเพราะเขาคือคนที่มีชื่อเสียงและโลดแล่นบนฟุตบอลลีกอาชีพของไทยมาตั้งแต่วัยกระเตาะ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก“ลีซอ”ธีรเทพ วิโนทัย กองหน้าเจ้าพ่อแฟชั่นในวัย 34 ปี ซึ่งวันนี้ผมจะได้พูดคุยกับเขาแบบสไตล์ Sport Up To Me By ต้อง แคลปแฮม ทั้งเรื่องในและนอกสนามกันครับ โดยเฉพาะคำที่เขาเคยพูดเอาไว้ว่า “ฟุตบอลไทยผมยิงเมื่อไหร่ก็ได้” ว่าแล้วจะช้าอยู่ใยเริ่มกันด้วยธรรมเนียมของเรากับคำถามที่ว่า Sport Up To Me แบบลีซอสไตล์คืออะไร?

ลีซอ : Sport Up To me ของผมก็คือ”เป้าหมายของแต่ละบุคคล” อย่างของผมเอง “อันดับแรกผมรักและชอบกีฬาฟุตบอล ตอนเริ่มต้นผมก็เล่นเพื่อความบันเทิง เพื่อสร้างความสุขให้กับตัวเอง แต่พอมาถึงจุดที่ต้องข้ามเป็นฟุตบอลอาชีพ เราก็ตั้งเป้าว่าอยากจะประสบความสำเร็จบนเส้นทางนี้ไม่ว่าจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ได้ไปเล่นลีกต่างประเทศ ติดทีมชาติไทยและที่อยากทำให้ได้มากที่สุด คือ พาทีมชาติไทยไปฟุตบอลโลก ซึ่งในชีวิตผมเองก็เรียกว่าทำได้ตามเป้าหมายเกือบทั้งหมดนะ แต่อย่างฟุตบอลโลกต้องยอมรับว่ามันยากจริงๆ ครับ ซึ่งสุดท้ายแล้วผมคิดว่า Sport Up To Me ก็ตรงตัวอยู่ที่ใครจะนิยามบางคนอาจจะกีฬาแค่อยากออกกำลังกาย บางคนอยากเป็นนักกีฬาอาชีพ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นแบบไหนถ้าคุณมีความสุขก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีครับ

(Photo from FB : Teeratep Winothai)

มาว่ากันต่อผมดูผลงานในปี 2019 โดยเฉพาะในเลกที่ 2 ลีซอก็ได้ลงสนามต่อเนื่อง หลังย้ายมาอยู่กับทีม”ฉลามชล”ชลบุรี เอฟซี ด้วยสัญญายืมตัว ซึ่งผมก็ว่าหนุ่มลีซอก็ทำผลงานได้ดีนะ แต่เจ้าตัวจะพอใจหรือเปล่าผมก็ยังไม่แน่ใจ คำตอบที่ดีที่สุดคือเจ้าตัวครับ

ลีซอ : ในส่วนตัวผมก็มองว่าประสบความสำเร็จตามเป้า ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะผมตัดสินใจถูกที่ย้ายมาอยู่กับชลบุรี เอฟซี ด้วยสัญญายืมตัว ซึ่งก็ทำให้ผมมีโอกาสได้ลงสนามสม่ำเสมอมากขึ้นอย่างที่ตัวเองต้องการ เลกที่ 2 เรียกว่าได้ลงเกือบทุกนัดเลยนะ มีเป็นตัวสำรองก็นัดนึง รวมถึงยิงได้ 2 ประตู ก็ถือว่าน่าพอใจมากครับ แต่ผมเชื่อว่าผมสามารถทำได้ดีกว่านี้อีกในฤดูกาลต่อๆไป เพราะเมื่อได้ลงตัวจริงต่อเนื่องหลังจากไม่ได้เล่นมานาน ก็ทำให้รู้ว่าต้องดูแลตัวเองอย่างไร ต้องฝึกซ้อมอย่างไร โดยเฉพาะอายุที่มากขึ้นก็ต้องวางแผนในการดูแลร่างกายให้มากขึ้นไปอีกเพราะไม่อยากให้ใครมาบอกว่าผมสภาพร่างกายไม่ได้เพราะอายุเยอะแล้ว ซึ่งผมจะทำให้เห็นครับ(หัวเราะ)

(Photo from FB : Teeratep Winothai)

แล้วเรื่องอนาคตล่ะจะว่าไปช่วงที่ผ่านมาลีซอก็กำลังไปได้สวยกับชลบุรี เอฟซีเลยนะ จะเป็นไปได้ไหมที่จะได้เห็นลีซอได้สวมเสื้อฉลามชลในฤดูกาลหน้าต่อไป

ลีซอ : ต้องยอมรับครับว่าตอนนี้ก็มีหลายกระแสนะครับโดยเฉพาะแฟนบอลที่มีแฟนๆอยากให้ผมอยู่ต่อที่ชลบุรี ซึ่งผมพูดได้เพียงว่าตอนนี้เริ่มมีการพูดคุยเจรจากันบ้างแล้วในประเด็นนี้ ก็คอยติดตามกันนะครับทุกคน

มาถึงเรื่องนี้กันดีกว่าเมื่อมีคนเคยได้ยินลีซอพูดกับเพื่อนว่า“บอลไทยกูยิงเมื่อไหร่ก็ได้”ไหนขอขยายความคำนี้หน่อยสิครับ?

ลีซอ : (ขำนำมาก่อน555) ก็หลายคนปรามาสผมไว้ช่วงนึงที่ผมทำประตูไม่ได้ ผมเลยพูดเล่นๆว่าจะให้ผมยิงใช่ไหม!!! เลยบอกว่าไปว่า “เรายิงเฉพาะยามจำเป็น ไม่จำเป็นต้องมายิงต่อเนื่อง” ลองดูนะเกมที่ผมยิงลูกแรก คือเกมที่ชลบุรี เอฟซี ชนะ พีทีที ระยองไป 3-0 ผมก็ยิงได้ลูกนึง ซึ่งนัดนี้เป็นแมตช์ชี้ชะตาว่าทีมเราจะอยู่รอดบนไทยลีกไหม (ย้ำ) ยิงเฉพาะยามจำเป็นก็พอนะครับ ยิงเยอะกลัวคนเขาจำเพราะยิงๆเยอะคนเขาก็จะเฉยๆนะ ก็เป็นมุกตลกขำๆที่เล่นกับเพื่อนไปครับ555 เอาจริงๆนะ(หน้าตาเริ่มจริงจัง) ผมก็ไม่ได้กังวลกับการทำประตูหรอกเพราะช่วงแรกๆที่ลงสนามก็อยู่ในตำแหน่งริมเส้นและหน้าที่จากโค้ชไม่ใช่การยิงประตู ซึ่งแม้ผมจะไม่ยิงแต่ทีมชนะผมแฮปปี้กว่านะ เพราะอย่างประตูที่ 2 ที่ผมยิงให้ฉลามชลได้ในเกมกับตราด เอฟซี สุดท้ายจบด้วยการแบ่งแต้มมันก็เฉยๆเพราะไม่มีผลต่ออันดับของทีม

จะว่าไปตอนนี้ลีซอก็โลดแล่นบนเวทีลูกหนังทั้งระดับสโมสรและทีมชาติมานานจนเกือบ 20 ปีแล้ว จนอายุล่วงเลยมาถึง 34 ขวบ ซึ่งเรียกว่าเป็นช่วงปลายชีวิตการค้าแข้งแล้ว ได้มีการวางแผนชีวืตหรือยังว่าถ้าเลิกเล่นแล้วจะไปทำอะไรต่อไป

(Photo from FB : Teeratep Winothai)

ลีซอ : ตอนนี้ก็มีวางแผนชีวิตไว้หลายอย่างแล้วนะครับ โดยเฉพาะธุรกิจซึ่งตอนนี้ถ้าเรียกว่าได้รับความนิยมสุดๆเลย ก็เป็นร้านเครื่องรางครับ ชื่อ Tunta Amulets ซึ่งก็เปิดกิจการมาได้หลายเดือนแล้วและก็ถือว่าดีมากๆเพราะธรรมชาติพวกเราเป็นชาวพุทธ ประกอบกับคนไทยส่วนใหญ่ก็เชื่อเรื่องพุทธคุณอยู่แล้วและผมก็เชื่อว่าถ้าเราทำดี คิดดี มุ่งมั่น ขยัน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านจะเห็นถึงความพยายามของเราและท่านจะช่วย บวกกับก็เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนด้วย ก็ถือว่าเป็นธุรกิจที่ดีมากๆครับ

(Photo from FB : Teeratep Winothai)

นอกจากนี้ผมยังมีอีกธุรกิจครับเป็นคลีนิกเสริมความงามชื่อว่า Pandora Clinic แต่ก็เป็นหุ้นเล็กๆกับแฟน ลงทุนร่วมกับหมอหลายๆท่านที่เชี่ยวชาญด้านนี้ครับอยู่แถวเกษตร-นวมินทร์ รวมถึงยังมีอีกธุรกิจเป็นโปรดัคชั่นส์เฮาส์ผลิตรายการทำมาก็หลายปีและก็ประสบความสำเร็จในระดับนึง ก็ทำให้มีรายได้เพิ่มมาอีกทางนึง ส่วนแผนอนาคตทางธุรกิจก็ยังมีอยู่ แต่ช่วงนี้ยังไม่ได้ลงทุนเพิ่มเพราะต้องดูทิศทางเศรษฐกิจกันอีกหน่อยครับ

ฟังแบบนี้ก็หมดห่วงครับ สำหรับแผนในอนาคตของพ่อหนุ่มคนนี้ แต่สำหรับน้องๆนักฟุตบอลรุ่นใหม่ๆที่เพิ่งขึ้นมาล่ะ ลีซอมีอะไรแนะนำน้องๆดาวรุ่งรุ่นใหม่ๆบ้างกับการยืนหยัดในวงการลูกหนังมาได้ยาวๆแบบเราและการวางแผนในอนาคตบ้างไหม

(Photo from FB : Teeratep Winothai)

ลีซอ : ผมว่าอย่างแรกมันขึ้นอยู่กับว่าเป้าหมายของน้องๆแต่ละคนคืออะไรนะ อยากไปยืนอยู่จุดไหนของวงการฟุตบอล ซึ่งถ้าเขามีเป้าหมายที่ชัดเจน เขาก็จะมีกรอบของตัวเองที่เดินไปถึงจุดนั้น แต่บางครั้งอาจจะมีหลงทางกับสิ่งยั่วยุที่เข้ามาบ้าง แต่ถ้าเขาแน่วแน่สุดท้ายมันก็จะกลับมาทำเพื่อตัวเองได้ สิ่งที่อยากเตือนเลยนะครับอาชีพของพวกเรามันเร็วมาก อายุงานเราก็น้อยอย่างตัวผมเองเนี่ย ตอนแรกเริ่มค้าแข้งผมเด็กทีสุดในไทยลีกเลยเจอใครผมก็ไหว้ทุกคน ผ่านไปไม่นานตอนนี้ผมแก่สุดในทีมแล้ว555 บอกเลยครับว่า 10 ปีนี่แปบเดียวนะครับสำหรับนักฟุตบอลอย่างเรา ซึ่งใครที่มีโอกาสมายืนตรงจุดนี้แล้วพยายามทำให้ดีที่สุด แม้ว่าจะยังไม่ประสบความสำเร็จในวันนี้ ก็พยายามต่อไปเพราะผมเชื่อว่าสุดท้ายแล้วโชคจะเข้าข้างคนที่ทำงานหนัก ถ้าคุณไม่จริงจัง ไม่พยายามที่พิสูจน์ตัวเอง โทษแต่สภาพแวดล้อมว่าไม่ดีอย่างนั้น ไม่ดีอย่างนี้ ต้องมองย้อนกลับมามองที่ตัวเราก่อนว่าทำดีแล้วหรือยัง ถ้าเราพยายามมากพอผมเชื่อว่าจะมีคนให้โอกาสเราแน่นอน “ไม่มีหรอกครับที่ซ้อมไปวันๆ แล้วคุณจะได้เงินเดือนสูงๆ จะประสบความสำเร็จ” เพราะฉะนั้นใครมีโอกาสทำงานให้หนัก เพื่อให้ทุกคนได้เห็นครับ

(Photo from FB : Teeratep Winothai)

เราคุยกันเรื่องในสนามมาเยอะแล้ว เรามาคุยกันเรื่องนอกสนามบ้างดีกว่า โดยส่วนตัวผมมองว่าลีซอถือเป็นนักฟุตบอลคนนึงที่มีการแต่งตัวได้จัดจ้านมาก ดังนั้นลีซอมีวิธี Mix & Match การแต่งตัวอย่างไร?

(Photo from FB : Teeratep Winothai)

ลีซอ : อันดับแรกผมว่าต้องเริ่มจากสิ่งที่เราชอบก่อน อย่างที่สองต้องดูว่าเหมาะสมกับตัวเราไหม เช่น ถ้าคุณรูปร่างสูงขายาวก็ต้องเลือกให้พอดีพอเหมาะ ส่วนผมอาจจะเป็นคนที่ตัวเล็กมาหน่อยขาสั้นหน่อย555 ก็ต้องเลือกอีกแบบนึง พูดง่ายๆทุกอย่างต้องประกอบกันทั้งความชอบ รูปร่างของเราและแฟชั่นในตอนนั้น ซึ่งตัวผมเองก็จะไม่ได้ใช้ของที่มีราคาแพงเท่าไหร่ถ้าไม่ใช่พวกรองเท้า, นาฬิกาหรือรถยนต์ พวกเสื้อผ้ากางเกงที่ผมใส่จะเน้นความชอบและความเหมาะสมเป็นหลักไม่ต้องแบรนด์เนม อีกอย่างที่สำคัญก็น่าจะเป็นโทนสีที่ไม่ต้องตัดกันมากจนเกินไป เช่น กางเกง เสื้อ รองเท้าคนละสีมาเลย แบบนี้ก็ไม่ไหวนะครับ555 อาจจะต้องเลือกนิดนึงว่าวันไหนอยากใส่โทนสีประมาณไหน แต่ต้องพอดีๆครับ สำหรับเรื่องแฟชั่นไม่มีอินหรือเอาท์อยู่ที่เราจะเลือกดึงกลับมาใช้อย่างไรให้เหมาะสม เพราะทุกวันนี้นักกีฬากับการแต่งกายก็สำคัญครับ

ก่อนจากกันจะไม่ถามก็ยังไงอยู่เพราะลีซอเป็น 1 ในนักฟุตบอลไทยที่รับใช้ทีมชาติไทยมาเยอะ เลยขอถามสักหน่อยแล้วกันว่าจากประสบการณ์คิดว่าทีมชาติไทยในเกมที่จะบุกไปเยือนเวียดนาม ควรจะวางแผนอย่างไรและจะเก็บชัยชนะได้ดั่งหวังหรือไม่

(Photo by Pakawich Damrongkiattisak/Getty Images)

ลีซอ : “ผมมองว่าอย่างแรกเลยต้องมีความรัดกุมในเกมรับและไม่ประมาทเพราะเวียดนามตอนนี้เขาดีกว่าเดิมจากที่เราเคยเจอ ล่าสุด เขาชนะ ยูเออีมาได้เหมือนกัน ฉะนั้นน้องๆต้องมีสมาธิตลอด 90 นาทีและต้องทำตามแผนของนิชิโนะวางไว้ ผมเชื่อว่าเขาคือโค้ชระดับโลกเขาต้องศึกษามาแล้วว่าเวียดนามมีจุดอ่อน จุดแข็งอย่างไร อีกอย่างการเล่นเป็นทีมสำคัญมาก ต้องคอยช่วยกันในแต่ละจังหวะ ตรงไหนมีรอบรั่วช่วยกันอุดไม่เกี่ยงกัน ซึ่งจุดนี้เมื่อเปรียบเทียบกับเจ้าถิ่นตอนนี้พวกเขามีสปิริตทีมดีมากๆเห็นได้ชัด ส่วนเรื่องวิธีการที่จะเอาชนะนั้นผมมองว่าเราต้องพยายามส่งบอลเข้าไปลุ้นในกรอบให้ได้มากที่สุดเพราะเรามีกองหน้าอย่างมุ้ย (ธีรศิลป์) ซึ่งครบเครื่องอยู่แล้วทั้งลูกโหม่ง ยิงประตู ครองบอล ดังนั้นถ้าเราสร้างสรรค์โอกาสได้มากก็จะสร้างความกดดันให้เขา ก็ทำให้เรามีโอกาสที่จะบุกไปชนะได้แน่นอนครับ”

ท้ายนี้ก็ขอขอบคุณลีซอ ธีรเทพ วิโนทัย ด้วยนะครับที่มาร่วมพูดคุยกับเราในตอนนี้ ซึ่งทำให้ผมและแฟนๆกีฬารู้จักชีวิตของเขามากขึ้นทั้งในและนอกสนาม ซึ่งหลายคนอาจไม่เชื่อว่าจากเด็กหนุ่มในวันนั้นที่หลายคนมองว่าเขาดูมั่นอกมั่นใจไม่สนใจใคร จะกลายมาเป็นนักฟุตบอลที่่มีระเบียบวินัยและรักษาร่างกายตัวเองให้ยืนหยัดบนเวทีลูกหนังระดับสูงสุดของประเทศมานานเกือบ 20 ปี จนผมต้องขอยกนิ้วให้ว่า สุดยอด! ไปเลยนายยยย ส่วนตอนต่อไปผมจะไปแขกคนไหนแบบสุดพิเศษแบบนี้อีกก็รอติดตามกันได้นะครับ หรือว่าเพื่อนๆอยากให้ผมไปพูดคุยกับใครก็แนะนำกันมาได้นะครับ สำหรับวันนี้ก็ต้องลาไปก่อน สวัสดีครับ

สัมภาษณ์ / เรียบเรียง : ต้อง แคลปแฮม
#Sport Up To Me

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
>> EP.1 Sport Up To Me : “ฟุตบอลคือชีวิตของผม” โอ๊ต ปราโมทย์ ปาทาน
>>EP.2 Sport Up To Me : “เล่นๆแม่งไปเถอะกีฬายังไงก็มีความสุข” แจ๊คเล็ก สุวินัย อ่อนสะอาด

– ดูฟรี! พรีเมียร์ลีก มากกว่า 100 คู่ คลิก ID Station
– ดู พรีเมียร์ลีก online คลิกที่นี่
– สมัครชม พรีเมียร์ลีกทั้งฤดูกาล คลิกที่นี่

ยอดนิยมในตอนนี้

สิทธิประโยชน์แนะนำ

541