รีเซต
ใครเจ๋งกว่า!! วิเคราะห์ขุมกำลัง ลิเวอร์พูล ปะทะ เรอัล มาดริด ศึกตัดสิน UCL

ใครเจ๋งกว่า!! วิเคราะห์ขุมกำลัง ลิเวอร์พูล ปะทะ เรอัล มาดริด ศึกตัดสิน UCL

ใครเจ๋งกว่า!! วิเคราะห์ขุมกำลัง ลิเวอร์พูล ปะทะ เรอัล มาดริด ศึกตัดสิน UCL
TenAkapol
28 พฤษภาคม 2565 ( 11:00 )
36.7K

เทียบนักเตะตำแหน่งต่อตำแหน่ง ระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ เรอัล มาดริด ทีมไหนจะมีขุมกำลังที่เหนือกว่ากัน ในการดวลแข้ง แมตช์ชี้ชะตาแชมป์ ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ สุดสัปดาห์นี้ 

ศึกฟุตบอล ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก รอบชิงชนะเลิศ ในคืนวันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม 2565 ต้องบอกว่าเป็นแมตช์ตัดสินเจ้ายุโรปที่สำคัญมากๆ เนื่องจากเป็นการเจอกันระหว่าง ลิเวอร์พูล ทีมรองแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลล่าสุด ต้องมาปะทะกับ เรอัล มาดริด ทีมแชมป์ของลีก ลาลีกา สเปน ที่ดีกรีไม่เป็นรองกันเลย

ชมสด ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก นัดชิง ลิเวอร์พูล VS เรอัล มาดริด คลิกเลย!!

โดยการพบกันของสองทีมนี้ ลิเวอร์พูล เคยปราชัยมาแล้วเมื่อปี 2018 และมาคราวนี้ทางทัพ "หงส์แดง" ต้องการสะสางบัญชีแค้นอีกครั้งในการพบกับทัพ "ราชันชุดขาว" ในนัดตัดสินแชมป์ในปีนี้ 

ซึ่งก่อนที่ทั้งสองทีมจะทำการดวลกัน เรามาวิเคราะห์ถึงขุมกำลังของทั้ง "หงส์แดง" และ "ราชันชุดขาว" ว่าทีมไหนจะมีภาษีที่ดีกว่ากัน ทั้งจุดแข็ง จุดอ่อน และใครเหนือกว่าใคร ตำแหน่งไหนกันบ้างมาดูกันเลย

ผู้รักษาประตู

 

ทั้งสองทีมถือว่ามีผู้รักษาประตูที่สุดยอด และไว้เนื้อเชื่อใจในการเฝ้าเสาทั้งคู่ เนื่องจากทั้ง อลิสซง เบ็คเกอร์ และ ติโบต์ กูร์กตัวส์ ต่างเป็นผู้รักษาประตูที่ทำคลีทชีทได้มากที่สุดในลีกของตัวเอง

โดย อลิสซง สามารถทำคลีนชีทได้ 20 คลีนชีท แถมยังการันตีด้วยการ คว้ารางวัลถุงมือทองคำอีกในฤดูกาลนี้ ส่วน ติโบต์ กูร์กตัวส์ ทำได้ 14 คลีนชีท หากวัดจากสถิติก็ต้องยกให้ อลิสซง ที่ฟอร์มมาดีกว่า

นอกจากฟอร์มการเซฟที่ยอดเยี่ยมแล้ว การเปิดบอล การวางบอลยาวของทั้งคู่ ก็ทำได้ดีพอๆ กัน แต่จะต่างกันตรงที่ นายทวารบราซิล จะใช้เท้าเล่นได้ดีกว่า และ สามารถขึ้นบอลได้ตั้งแต่หน้าปากประตูตัวเองได้ดีจากหลายๆ จังหวะ แถมยังมีส่วน แอสซิสต์ ให้เพื่อนทำประตูด้วยในฤดูกาลนี้ซึ่งไม่ธรรมดาเลย

ส่วน ติโบต์ กูร์กตัวส์ ในการ ใช้เท้าเล่นกับการขึ้นบอลยังไม่เฉียบเท่าไหร่นัก แต่เรื่องลูกกลางอากาศมักจะไว้ใจได้เสมอ ซึ่งข้อดีในส่วนนี้มีมากกว่าคู่แข่งพอสมควร 

ซึ่งหากดูจากภาพรวม ฟอร์มการเล่น และสถิติที่ผ่านมาแล้ว ต้องบอกว่าในตำแหน่งนี้ สูสี แต่พูดตามเนื้อผ้าและสถิติคงต้องยกให้ อลิสซง เบ็คเกอร์ ที่มีส่วนทำเกมให้ทีมได้ทำประตูบ่อยครั้ง จากการขึ้นเกมหน้าปากประตูในฤดูกาลนี้มากกว่า

ฟันธง : นายประตูหงส์แดงแจ่มกว่า

 

กองหลัง

 

ทั้งสองทีมเป็นทีมที่มีเกมรับเหนียวแน่นทั้งคู่ โดยทาง ลิเวอร์พูล โดนคู่แข่งเจาะตาข่ายไปแค่ 26 ลูกเท่านั้นในเกมพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ครองสถิติทีมที่เสียประตูน้อยที่สุด ขณะที่ มาดริด โดนยิงไป 31 ลูก รั้งอันดับ 2 ทีมที่เสียน้อยที่สุดในลีก จากสถิติทั้งคู่ก็ไม่เป็นรองกันเท่าไหร่นัก และในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ก็เหมือนศึกตัดสินให้พิสูจน์ว่า เกมรับของใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน เพื่อจะคว้าแชมป์มาครองในปีนี้ 

แต่หากเทียบขุมกำลัง ณ ตอนนี้ ต้องบอกว่า ลิเวอร์พูล ยัง ลุ่มๆ ดอนๆ เนื่องจากทีมจะต้องดูอาการของ เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค ดาวเตะทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ที่มีอาการบาดเจ็บ แม้จะได้พักฟื้นเต็มๆ หลายสัปดาห์ แต่ก็ยังไม่แน่ว่าจะกลับมาฟิตทันในนัดตัดสินชะตาแชมป์ยุโรปครั้งนี้หรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมา ฟาน ไดจ์ค ถือเป็นหัวใจสำคัญในเกมรับมาโดยตลอด ซึ่งถ้าฟิตไม่ทันหรือลงสนามไม่ได้ การขาดหายไปในเกมนี้ส่งผลแน่นอน

ถึงแม้ว่าหลายนัดที่ผ่านมา โฌแอล มาติป กับ อิบราฮิมา โกนาเต้ จะทำหน้าที่ได้ดี แต่การมาเจอกับ "ราชันชุดขาว" ที่ในแมตช์ชิงแชมป์แบบนี้ ต้องบอกว่าไม่น่าจะรับความกดดันไหวโดยเฉพาะ โกนาเต้ เองก็ยังไม่มีประสบการณ์รับแรงกดดันหนักๆ ในเกมยุโรปแบบนี้ เท่าไหร่นัก

ทางฝั่ง มาดริด มีแผงแนวรับที่สมบูรณ์เต็ม 100 อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น ดานี คาร์บาฆาล, เอแดร์ มิลิเตา, นาโช่ เฟอร์นันเดซ, แฟร์กล็องด์ เมนดี้ รวมถึง ดาวิด อาลาบา ก็พร้อมผนึกกำลังในแนวรับ โดยทั้งหมดเล่นเข้าขากันได้อย่างยอดเยี่ยม รู้ใจรู้งานเป็นอย่างดี และพร้อมเติมเกมบุกช่วยทีมอย่างเต็มที่เหมือนเคย

นอกจากเกมรับแล้ว แผงกองหลังของทั้งสองทีม ถือว่าเป็นแนวรับที่เล่นเกมรุกได้ค่อนข้างดี โดยเฉพาะฟูลแบ็คทั้งสองข้างของ "หงส์แดง" ที่เติมเกมรุกได้อย่างเมามันส์ แถมมีสถิติแอสซิสต์ค่อนข้างยอดเยี่ยมอย่างมาก ซึ่งในจุดนี้หาก เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ท็อปฟอร์ม ขึ้นมาก็ยากจะหยุดลูกเปิดอันสุดยอดได้แน่ๆ ส่วน แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ก็สามารถเปิดจากฝั่งซ้ายได้ดี ซึ่งนัดล่าสุดก่อนปิดฤดูกาลเขาก็ทำประตูได้ด้วย 

ซึ่งหากดูจากภาพรวม รวมทั้งตัวผู้เล่นที่น่าจะได้ลงสนาม ดูแล้ว ฝั่ง ลิเวอร์พูล ดูดีกว่า และได้เปรียบนิดๆ แต่ถ้าหากไม่มี เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค กลับมาสู่ทีม คาดว่าความกดดันจะตกมาฝั่ง "หงส์แดง" และเสียเปรียบอย่างแน่นอน

ส่วนทางด้าน มาดริด น่าจะใช้ผู้เล่นชุดเดิม ทั้ง อาลาบา, เมนดี้ และ คาร์บาฆาล ก็น่าจะทำเกมบุกได้ดีไม่แพ้กัน แต่ถ้าหากทั้งคู่ลงมาแบบฟูลทีมคงยกให้ ลิเวอร์พูล ที่ประสานเกมรับ และรุกได้เยี่ยมกว่า 

ฟันธง : กองหลังหงส์แดงเอาอยู่ (กรณีที่มี ฟาน ไดจ์ค)

กองกลาง

 

ในแผงกองกลาง ลิเวอร์พูล บอกเลยว่าเป็นจุดอ่อนในตอนนี้เลย หลังจากที่ ฟาบินโญ่ และ ติอาโก้ อัลคันทาร่า ได้รับบาดเจ็บ โดยต้องดูว่าจะกลับมาช่วยทีมได้หรือไม่ โดยมีแนวโน้มว่า ดาวเตะทีมชาติสเปน น่าจะลงสนามไม่ได้ค่อนข้างสูง ซึ่งหากขาดทั้งสองคนนี้ไปแดนกลางทีม "หงส์แดง" อาจจะลดความน่ากลัวลงไปเยอะเลยทีเดียว

แม้จะมี จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, นาบี เกอิต้า, เจมส์ มิลเนอร์, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน รวมทั้ง เคอร์ติส โจนส์ ที่เป็นตัวคอยช่วยเสริมเกม แต่ก็ยังไม่พอ หากมาเจอ มาดริด ในเวลานี้ ดูแล้วยังเป็นรอง หากทีมขาด 2 ตัวจริงข้างต้นที่บอกไป แน่นอนว่าประสิทธิภาพแนวรุกจะลดความน่ากลัวลงไปหลายขั้น

ส่วนกองกลางของ มาดริด นาทีนี้ถือว่าเล่นได้อย่างรู้ใจ ไม่ว่าจะเป็น คาเซมิโร่, ลูก้า โมดริช, โทนี่ โครส 3 ประสานแดนกลางที่โชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม อีกทั้งตัวสำรองก็ระดับไม่ธรรมดาทั้งนั้น อย่าง อิสโก้, ดาเนียล เซบาลอส รวมทั้ง เอดูอาร์โด้ คามาวิงก้า ดาวรุ่งฟอร์มแรง ก็พร้อมลงมาเปลี่ยนเกมได้ทุกเวลา

อีกจุดหนึ่งที่ แดนกลางของ ทัพ "ราชันชุดขาว" ดูได้เปรียบคือ การยิงประตู ซึ่งแผงมิดฟิลด์ของทีมดังลาลีกา ดูจะจบสกอร์ได้ดีกว่า ผิดกลับฝั่ง "หงส์แดง" ที่กองกลางยิงประตูได้ค่อนข้างน้อย คนที่ยิงประตูได้มากสุด คือ ฟาบินโญ่ และยังอยู่ในการเรียกความฟิตลงสนามในเกมนี้ด้วย อีกทั้งตัวผู้เล่นอื่นก็ยังช่วยทำประตูได้ยังไม่เฉียบคมพอ

ซึ่งหากเทียบข้อดีข้อเสียทั้งหมดทั้งมวล ความได้เปรียบ ก็ต้องยกให้ มาดริด ในตำแหน่งนี้

ฟันธง : แผงกองกลาง ราชันชุดขาว มาเหนือกว่า

 

กองหน้า 

 

ขุมกำลังกองหน้าของ ลิเวอร์พูล บอกเลยว่ากำลังร้อนแรง ไม่ว่าจะเป็นตัวจริงหรือตัวสำรอง อีกทั้ง นักเตะที่บาดเจ็บก็กลับมาเรียกความฟิตกลับมาสู่ทีมกันอย่างพร้อมเพรียง ไม่ว่าจะเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, ดิโอโก้ โชต้า รวมถึง หลุยส์ ดิอาซ เหล่านี้คือสุดยอดแนวรุกที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ สามารถหมุนเวียนเพื่อเปลี่ยนสถานการณ์ของเกมได้ตลอด ซึ่งทุกคนสามารถผลิตสกอร์ให้ทีมได้ทุกจังหวะ แถมมีความสามารถเฉพาะตัวกันแบบไม่ธรรมดา พูดได้ว่าจะยิง หรือจะส่งให้เพื่อนจบสกอร์ ก็สามารถทำได้ทั้งนั้น 

ทางด้าน เรอัล มาดริด อาจจะต้องฝากความหวัง ไว้กับหัวหอกฟอร์มร้อนแรงอย่าง คาริม เบนเซม่า ที่ฤดูกาลนี้โชว์ฟอร์มได้จัดจ้านเหลือเกิน ทั้งยิงทั้งจ่าย เหมือนเป็นตัวแบกทีมเลยก็ว่าได้ แต่ทีมก็ยังมี วินิซิอุส จูเนียร์ ที่ยกระดับฝีเท้าขึ้นมาได้ยอดเยี่ยมมากๆ และยังมี เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ ที่คอยช่วยทำสกอร์ ซึ่งฟอร์มก็ไม่ธรรมดา รวมถึงตัวสำรองอย่าง โรดริโก้ ก็พร้อมช่วยพลิกสถานการณ์ได้ไม่เหมือนกัน

ซึ่งหากวัดกันในส่วนนี้แล้ว มองว่าทั้งสองทีมมีแนวรุกที่อันตรายพอๆ กัน มีความเฉียบคมไม่ต่างกันเท่าไหร่ แถมมีนักเตะที่เป็นดาวซัลโวสูงสุดของลีกทั้งคู่ทั้ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ทำได้ 23 ประตู 13 แอสซิสต์ และ คาริม เบนเซม่า ทำได้ 26 ประตู 11 แอสซิสต์ ที่พร้อมพังประตูคู่แข่งแบบสุดโหดด้วยกันทั้งนั้น

แต่หากเทียบขุมกำลังแดนหน้าโดยรวม ก็ต้องยกให้ทาง "หงส์แดง" ดูจะได้เปรียบมากกว่า เพราะแต่ละคนมีบทบาทในเกมรุกของทีมอย่างมาก ทำให้ขุมกำลังดูมีความหลากหลายกว่า สามารถปรับเปลี่ยนเล่นได้หลายแบบ ผิดกลับ " ราชันชุดขาว" ที่เกมรุกค่อนข้างจะยืดหยุ่นได้น้อย เพราะต้องฝากความหวังไว้กับ เบนเซม่า เสียส่วนใหญ่ ซึ่งก็ต้องมาดูกันว่าในนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก ครั้งนี้ใครจะจบสกอร์ได้เฉียบคมกว่าใคร แต่ดูยังไง "หงส์แดง" ความกระหายชัย และพร้อมล้างแค้นมีมากกว่า

ฟันธง : หงส์แดง เฉียบคม และหลากหลายกว่า 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

-------------------------------------------------

ดูสด ดูฟรี ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ... พร้อมกีฬาชั้นนำระดับโลกแบบจัดเต็ม
ต้อง App TrueID เท่านั้น โหลดเลย!!

รวมข้อมูลแก้ไขปัญหาการใช้งาน รับชม หรือโปรโมชันกิจกรรมต่างๆ << คลิกที่นี่

อัพเดทข่าว ผลบอล พรีเมียร์ลีก แบบทันใจ พร้อมวิเคราะห์คู่เด่นในรอบสัปดาห์ ส่งถึงมือคุณ
คลิกเลย!! หรือ กด *301*32# โทรออก

หรือ อัพเดทข่าวบอลไทยลีก กด *301*36# โทรออก

ยอดนิยมในตอนนี้

สิทธิประโยชน์แนะนำ