รีเซต
แปลกกว่านี้ก็มีมาแล้ว : 10 สนีกเกอร์ดีไซน์สุดแปลก ที่คุณเห็นแล้วต้องร้อง WHAT!? | Main Stand

แปลกกว่านี้ก็มีมาแล้ว : 10 สนีกเกอร์ดีไซน์สุดแปลก ที่คุณเห็นแล้วต้องร้อง WHAT!? | Main Stand

แปลกกว่านี้ก็มีมาแล้ว : 10 สนีกเกอร์ดีไซน์สุดแปลก ที่คุณเห็นแล้วต้องร้อง WHAT!? | Main Stand
เมนสแตนด์
27 พฤศจิกายน 2564 ( 13:00 )
277

ท่ามกลางยุคสมัยของวงการสนีกเกอร์ที่เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา แต่ละแบรนด์มักจะแข่งขันกันด้วยเรื่องของเทคโนโลยีหรือคุณภาพเป็นหลัก แต่สิ่งที่มีความสำคัญยิ่งกว่าและน่าจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เห็นจะเป็นเรื่อง "การออกแบบ" ที่ยิ่งทำให้ออกมาแตกต่างได้ยิ่งดี ยิ่งแปลกตายิ่งหายาก ยิ่งมองยากยิ่งดูเตะตา ซึ่งถือเป็นจุดสำคัญที่หลายแบรนด์เลือกที่จะให้ความสนใจเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะมาจากการออกแบบจากแบรนด์เองหรือจากการคอลแล็บกับศิลปินหรือสื่อภายนอก 

 


บางครั้งการดีไซน์รองเท้าที่นำด้วยเทคโนโลยีหรือนำด้วยความล้ำสมัยก็อาจจะถูกความแปลกแกมความหลุดพ่วงตามมาด้วยอย่างปฏิเสธไม่ได้ หลายครั้งที่แบรนด์เหล่านี้มักจะลืมนึกไปว่า ยิ่งออกแบบมาล้ำเท่าไหร่หน้าตามันก็จะยิ่งแปลกมากขึ้นเท่านั้น กลายเป็นว่าจากที่เคยตีตลาดความนิยมในวงกว้างได้ กลับเหลือคนที่เข้าถึงดีไซน์ประหลาดได้จริง ๆ เพียงหยิบมือ ซึ่งก็เป็นเรื่องของรสนิยมที่ต่างคนต่างชอบกันไปอีก ไม่มีผิดหรือถูกแต่อย่างใด 

Main Stand ขอชวนมาดูสนีกเกอร์ดีไซน์สุดแปลกเหล่านี้ ที่ถ้าเห็นแล้วคุณอาจจะต้องเอียงคอเกาหัวแกรก ๆ หรืออุทานออกมาว่า "WHAT!?" ไปด้วยกันและบางคู่ที่ว่าแปลกก็อาจจะสวยโดนใจของเราก็เป็นได้ใครจะรู้ 

 

1. Adidas Originals Jeremy Scott Teddy Bear 

คู่แรกก็แปลกตาแล้ว กับ "อาดิดาส เจเรมี่ สกอตต์ เท็ดดี้แบร์" ที่มีตุ๊กตาน้องหมีอยู่บริเวณลิ้นรองเท้า พร้อมมือแยกออกมาบริเวณด้านข้าง แลดูน่ากอดมากกว่าน่าใส่ ออกแบบโดย "เจเรมี่ สกอตต์" แฟชั่นดีไซน์เนอร์ชาวอเมริกัน ที่มักรับหน้าที่ในการออกแบบคอสตูม รองเท้า หรืออุปกรณ์เครื่องแต่งกายให้กับศิลปินดังหลาย ๆ คน อาทิ นิคกี้ มินาจ, บียอร์ก, เลดี้ กาก้า, ไกร์มส์ หรือ บียอนเซ่ 

รองเท้าเท็ดดี้ แบร์คู่นี้ที่เขาเป็นคนออกแบบ วางจำหน่ายครั้งแรกในปี 2010 และได้กลายเป็นหนึ่งในรองเท้าที่มีเอกลักษณ์มากที่สุดของอาดิดาส ด้วยดีไซน์สุดฉีกที่จะบอกว่าน่ารักหรือแปลกก็บอกได้ไม่เต็มปากทั้งสองทาง คู่สีแรกที่ออกมาได้แก่สีชมพู ตามมาด้วยสีน้ำตาลในปี 2011 แต่ถึงจะแหวกขนาดไหน ปัจจุบันรองเท้าคู่นี้ก็ยังมีการรีเซลกันใน Stock X จนตอนนี้มีราคาสูงถึง 2000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 66,800 บาทเข้าไปแล้ว

ที่มา : https://hypebeast.com/2010/9/jeremy-scott-x-adidas-originals-by-originals-2011-springsummer-teddy-bears-further-look 

 

2. New Balance 574 YURT  

หนึ่งในแบรนด์รองเท้าสัญชาติอเมริกันที่ว่ากันว่าใส่สบายเท้าที่สุดอย่าง "นิวบาลานซ์" ซึ่งหากเรากวาดตามองอย่างเร็วไว รองเท้าคู่ดังกล่าวก็ดูไม่ค่อยจะแปลกตาสักเท่าไหร่ เป็นทรงของนิวบาลานซ์ที่เราคุ้นเคย ก่อนจะที่จะเริ่มรู้สึกตะหงิดขึ้นมานิด ๆ ตอนที่เห็นพลาสติกที่ยื่นออกมาจากบริเวณหลังส้นรองเท้า 

นี่ไม่ใช่ที่จับส้นให้ใส่ง่ายขึ้นแต่อย่างใด แต่มันคือ "นกหวีด" (ใช่ นกหวีด คุณอ่านไม่ผิด) แต่นกหวีดอะไรมันจะไปอยู่หลังรองเท้าได้ ? 

ความจริงแล้วเหตุผลของการออกแบบนั้นน่าสนใจและค่อนข้างสมเหตุสมผลทีเดียว เมื่อนกหวีดหลัง 574 YURT ที่เพิ่งเผยโฉมมาไม่นานในปีนี้ โดย "เซลีเฮ เบมบิวรี" สตรีทแวร์ดีไซน์เนอร์ที่มาแรงที่สุดคนหนึ่งแห่งยุค มันถูกออกแบบมาเพื่อการเดินเขาโดยเฉพาะ เผื่อเวลาฉุกเฉินจะได้ขอความช่วยเหลือหรือไล่สัตว์ป่าอันตรายให้ออกไปได้ เป็นดีไซน์ประหลาดที่ดันใช้งานได้จริงเสียอย่างนั้น 

ที่มา: https://www.gearpatrol.com/style/shoes-boots/g37972966/salehe-bembury-new-balance-574-yurt/ 

 

3. NikeCraft X Tom Sachs "MARS YARD OVERSHOE"

นี่คือตัวอย่างชั้นดีของรองเท้า "ล้ำสมัย" ที่ดูจะล้ำหน้าไปเยอะแบบที่เราได้กล่าวไว้ในตอนต้น ล้ำออกไปไกลนอกบ้าน นอกเมือง หากยังไม่พอก็นอกโลกไปเลยก็แล้วกัน 

รองเท้าคู่นี้เป็นรองเท้าที่ ไนกี้ ร่วมออกแบบกับ "ทอม แซคส์" ศิลปินร่วมสมัยจากนิวยอร์ก ซิตี้ โดยเป็นการต่อยอดมาจาก Nike X Tom Sachs MARS YARD SHOE ของเขาที่ออกมาในปี 2012 โดยมีคอนเซ็ปต์เบื้องหลังในการออกแบบคือรองเท้าที่มีความทนทานสูง เหมาะแก่การใช้นอกโลก (เพราะมันเป็นรองเท้าที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในงานแสดงศิลปะของเขาโดยเฉพาะ ที่ชื่อ Space Program 2.0: MARS) 

แต่ไม่รู้เพราะความเกรียนหรืออะไร Tom Sachs "MARS YARD OVERSHOE" คู่ที่ออกมาในปี 2018 คู่นี้ (ที่ดูจะเหมาะแก่การใช้นอกโลกเช่นกัน กลับกลายเป็นรองเท้าที่ใช้ใส่เดินกันเปียกเฉย ๆ เพราะทอมกลับบอกว่า ชื่อ March Yard เป็นชื่อที่ตั้งตามเดือนมีนาคม เดือนแห่งความชื้น รองเท้าโอเวอร์ชูส์คู่นี้จึงเหมาะแก่การกันน้ำแค่นั้นเลย 

ถึงจะรั่วแค่ไหน แต่ปัจจุบันราคารีเซลแพงสุดของรองเท้าคู่นี้ก็ไปถึง 1,417 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 49,000 บาทแล้ว

ที่มา : https://www.highsnobiety.com/p/tom-sachs-nike-mars-yard-over-shoe-release-date-price/ 

 

4. Adidas Rivalry Hi x Star Wars ‘Chewbacca’

สำหรับแฟน สตาร์ วอร์ส มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่ารองเท้าคู่นี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก "ชิวแบคก้า" คู่หูของ ฮาน โซโล อีกหนึ่งตัวละครอันเป็นที่รักของใครหลาย ๆ คนจากเฟรนไชส์นี้ ด้วยเอกลักษณ์ของชาวเผ่า "วูกี" ที่จะมีขนเยอะเป็นพิเศษ รองเท้าขนดกแบบนี้แหละที่เหมาะสมกับชิวแบคก้าที่สุดแล้ว 

เรื่องทั้งหมดจะไม่มีปัญหาในการทำความเข้าใจเลย หากคนที่เห็นหรือคนที่ใส่เป็นคนที่ชอบหรือเป็นแฟนสตาร์ วอร์ส ในทางกลับกันหากลืมทุกบริบทที่กล่าวมาก่อนหน้า แล้วมองไปที่รองเท้าคู่นี้เฉย ๆ มันก็นับมาเป็นรองเท้าที่แปลกไม่ใช่น้อย เพราะดีไซน์ขนดก (ที่ดกเกินรองเท้าคอลเล็กชั่น Fall/Winter ปกติไปมาก) ไม่เหมือนรองเท้ากันหนาวทั่วไป อีกทั้งยังมีสายคาดที่เหมือนกับสายคาดกระสุนของชิวแบคก้าหน้ารองเท้าอีก ยิ่งทำให้รองเท้าคู่นี้ดูหลุดโลกกว่าปกติ

สุดท้ายแล้วแฟนสตาร์ วอร์ส ก็มองมันเป็นรองเท้าชิวแบคก้าอยู่ดี แม้ในสายตาคนทั่วไปมันจะดูรก ๆ ก็ตาม ปัจจุบันยังหาซื้อได้ใน Stock X ในราคาเฉลี่ยแถว ๆ 2,000-3,000 บาท 

ที่มา : https://www.highsnobiety.com/p/star-wars-adidas-rivalry-hi-chewbacca-release-date-price/ 

 

5. Nike Air Max 1 Golf Grass 

กลับมาอีกครั้งกับ ไนกี้ ที่จริง ๆ แล้วก็มีรองเท้าแปลก ๆ เยอะไม่แพ้อาดิดาส โดยคู่นี้ที่มีลักษณะเหมือนหญ้าเป็นพิเศษ ไม่ได้เลือกที่จะออกแบบให้เดินสบายบนหญ้า แต่เลือกที่จะทำให้มันกลืนไปกับหญ้าเลยต่างหาก 

ไนกี้ แอร์แม็กซ์ กราส หรือ ไนกี้ แอร์ แม็กซ์ "รุ่นหญ้า" เป็นรองเท้าที่ออกมาในปี 2019 เนื่องในโอกาสการแข่งขันกอล์ฟ PGA Tour ประจำปี ภายใต้การออกแบบของ "ทิงเกอร์ แฮตฟิลด์" หนึ่งในดีไซนเนอร์ผู้อยู่เบื้องหลังการออกแบบรองเท้าสวย ๆ ของไนกี้มาหลายต่อหลายคู่ อาทิ แอร์ จอร์แดน 3 ไปจนถึง แอร์ จอร์แดน 15 ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานฝ่ายออกแบบของไนกี้ 

แรงบันดาลใจในการออกแบบที่ชัดขนาดนี้ ไม่บอกก็น่าจะเดาได้ไม่ยากว่าได้แรงบันดาลใจมาจาก "สนามกอล์ฟ" ที่เต็มไปด้วยหญ้าเขียวขจี มองไปทางไหนก็มีแต่หญ้า มองไปแบบสุดลูกหูลูกตาก็ยังเป็นหญ้าอยู่ มองกลับมาที่เท้าตัวเองก็เป็นหญ้าเหมือนกัน 

ถึงจะเขียวขนาดนี้ แต่รองเท้าคู่นี้รีเซลแพงสุดตอนนี้ก็ปาไป 2,500 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 83,000 บาท 

ที่มา : https://www.designboom.com/design/nike-air-max-1-grass-sneaker-01-14-2019/ 

 

6. Adidas Kobe 2 

ก่อนที่เราจะได้รู้จักกับ "โคบี้ ซูม" ที่ "โคบี้ ไบรอันท์" ตำนานนักบาสเกตบอลผู้ล่วงลับได้ร่วมทำกับไนกี้ ครั้งหนึ่งตอนที่เขายังทำรองเท้ากับอาดิดาส เขาก็เคยออกรองเท้าซิกเนเจอร์หน้าตาประหลาดออกมาให้แฟน ๆ ได้ยลโฉมกัน ตอนนั้นถึงขนาดโดนแซวว่ารองเท้าอะไรหน้าตาเหมือนเครื่องปิ้งขนมปังได้ขนาดนี้ 

รองเท้ารุ่นนี้ได้แก่ "โคบี้ 2" ออกมาครั้งแรกเมื่อปี 2001 และเคยได้ชื่อว่าเป็นรองเท้าสนีกเกอร์ที่มีหน้าตาน่าเกลียดที่สุดคู่หนึ่ง สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่ารองเท้าซิกเนอเจอร์ของโคบี้เป็นรองเท้าที่แฝงความคิดเรื่องการออกแบบรถยนต์ไว้เบื้องหลังด้วยการออกแบบโดย "เอริค ลุนด์ นีลเซิน" ดีไซน์เนอร์ชาวเยอรมนีของอาดิดาส (อย่าง "โคบี้ 1 ที่ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากรถ อาวดี้ TT) แต่เมื่อนำคอนเซ็ปต์แบบล้ำอนาคตมาใช้กับรองเท้า กลับกลายเป็นว่ามันมีหน้าตาที่ประหลาดเกินไป ดูยังไงก็ไม่เข้ากัน 

มีเรื่องเล่าว่าหลังจากที่รองเท้าคู่ดังกล่าวได้ออกมาสู่โลก โคบี้เองก็ไม่ได้รู้สึกพอใจกับมันเท่าไหร่นัก ถึงขนาดไม่ต่อสัญญากับอาดิดาสแล้วเลือกที่จะไปซบอกไนกี้แทนในปี 2003 เป็นบทเรียนสำคัญที่สอนให้รู้ว่าหลังจากนี้เขาต้องควบคุมการออกแบบด้วยตัวเอง ไม่ปล่อยให้ใครเป็นคนออกแบบให้เขาอีกแล้ว 

ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในรองเท้าบาสที่น่าเกลียดที่สุด แต่ปัจจุบันรองเท้าของนักบาสเกตบอลผู้เป็นที่รักคนนี้ก็มีการรีเซลกันใน Stock X ไปถึง 850 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 28,000 บาท 

ที่มา : https://www.highsnobiety.com/p/adidas-kobe-2-history/ 

 

7. Heron Preston x Zellerfeld HERON01

เริ่มออกจากสนีกเกอร์กระแสหลักแบรนด์ใหญ่ ๆ แล้วมาดูแบรนด์ที่ไม่ค่อยเป็นที่พูดถึงอย่าง แบรนด์ที่มีชื่อว่า "เซลเลอร์เฟลด์" บ้าง บริษัทสตาร์ทอัพหน้าใหม่ผู้ผลิตรองเท้าจากประเทศเยอรมนี ที่นอกจากหน้าตารองเท้าของพวกเขาจะดูแปลกแล้ว กรรมวิธีในการผลิตยิ่งแปลกกว่า เพราะนี่คือรองเท้าที่ใช้เครื่องพรินต์ 3 มิติในการผลิตทั้งหมด 

รองเท้า เซลเลอร์เฟลด์ รุ่นเฮรอน 01 เป็นรองเท้าที่ร่วมออกแบบกับ เฮรอน เพรสตัน ศิลปินชาวอเมริกันผู้นำด้านสตรีทแวร์ดีกรีระดับใกล้เคียงกับ เวอร์จิล อาโบลห์ (เพราะทั้งคู่เป็นเพื่อนที่ร่วมก่อตั้งแบรนด์ Been Trill) และรองเท้าคู่นี้ก็เกิดขึ้นมาได้เพราะความที่ไม่ตกอยู่ในกรอบของสนีกเกอร์ที่จำเจ การใช้เครื่องพรินต์ 3 มิติก็เป็นหนึ่งในความตั้งใจที่อยากจะให้รองเท้าของแบรนด์แตกต่าง 

เชื่อหรือไม่ว่าแปลกขนาดนี้ก็ขายหมด เพราะตอนนี้บนหน้าเว็บไซต์ของ เซลเลอร์เฟลด์ รองเท้า เฮรอน 01 ได้ Sold Out เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ที่มา : https://www.highsnobiety.com/p/heron-preston-zellerfeld-heron01-release-date-price/ 

 

8. Maison Margiela Future Destroyed Hi-Top 

อีกหนึ่งคู่จากแบรนด์หรูอย่าง "เมซง มาร์เจล่า" แฟชั่นเฮ้าส์สุดหรูสัญชาติฝรั่งเศส ที่เคยส่งรองเท้าสภาพ "ขอคนรับได้" ตีตลาดสนีกเกอร์มาแล้วครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะสับสนกัน เราขอดักไว้ก่อนว่าสภาพเละเทะแบบนี้เป็นดีไซน์ของทางแบรนด์เองอย่างเป็นทางการ ด้วยแนวคิดแบบ Avant-Garde Fashion หรือ "แฟชั่นล้ำยุค" และความพยายามที่จะแหกขนบเดิมของสนีกเกอร์ ทำให้รองเท้าคู่นี้ของเมซง มาร์เจล่า ยิ่งดูโดดเด่นด้วยรอยเย็บปักของตัวมันเอง 

รองเท้าคู่นี้ของ เมซง มาร์เจล่า ได้กลายมาเป็นรองเท้าที่มีการพูดถึงในวงการสนีกเกอร์อยู่พักหนึ่งตอนที่มันออกมาใหม่ ๆ ในปี 2017 เปิดตัวด้วยราคา 1,425 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 47,000 บาท เป็นอีกคู่สุดแปลกที่ยากที่จะมีการทำของเลียนแบบได้ 

ที่มา : https://solecollector.com/news/2017/05/destroyed-margiela-sneakers 

 

9. Yeezy Knit RNR Sulfur 

รองเท้าที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในรองเท้าที่มีการรีเซลกันมากที่สุด มากขนาดเอามาล้อกันว่าเป็นรองเท้าเพื่อการขาย ไม่ใช่รองเท้าเพื่อการใส่อย่างแท้จริง อย่าง "ยีซี่" อีกหนึ่งแฟชั่นไอเท็ม ที่มี คานเย เวสต์ (ชื่อปัจจุบัน "เย") ศิลปินฮิปฮอปชาวอเมริกันอยู่เบื้องหลังการออกแบบ 

ในช่วงแรกที่รองเท้ายีซี่ออกมาเขย่าวงการสนีกเกอร์ มันก็ได้รับความสนใจอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเพราะตัวรองเท้าที่มีดีไซน์สุดแปลกหรือเพราะชื่อเสียงของคานเย แต่พักหลังมานี้รองเท้าดังกล่าวได้ดูหลุดโลกขึ้นเรื่อย ๆ จนเราเริ่มสงสัยแล้วว่ามันยังเป็นสนีกเกอร์อยู่หรือไม่ ?​ เพราะอย่างคู่นี้ก็ดูจะคล้ายรองเท้าสลีปเปอร์ที่ใส่ในบ้านมากกว่า 

"Yeezy Knit RNR Sulfur" โดดเด่นด้วยกระบวนการผลิตที่นำด้วยการถักเป็นหลัก เย็บติดกับพื้นโฟมด้านล่างอย่าแนบเนียน เน้นการใส่สบายมากกว่าการใส่เพื่อแฟชั่นอย่างเห็นได้ชัด

รองเท้าคู่นี้เพิ่งวางจำหน่ายเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา แต่ราคาในตอนนี้ก็มีการรีเซลเฉลี่ยอยู่ที่ราว ๆ 300 - 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 10,000 - 30,000 บาท 

ที่มา : https://www.highsnobiety.com/p/yeezy-knit-runner-release-date-price/ 

 

10. Dada Supreme Code M 

คู่สุดท้ายที่เราค่อนข้างมั่นใจว่ามันจะเป็นสุดยอดรองเท้าดีไซน์แปลกที่สุดในลิสต์ เพราะถึงมันจะไม่ใช่รองเท้าสนีกเกอร์ในกระแสหลัก แต่มันก็เป็นรองเท้าที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก ที่ "ดัง" ที่สุดกว่าเพื่อนในลิสต์นี้ด้วย 

ความดังที่ว่าคือความดังจริง ๆ แบบเสียงดัง ไม่ใช่ดังเพราะชื่อเสียง เพราะนี่คือรองเท้าติดลำโพง 

รองเท้า Dada Supreme เป็นหนึ่งในแบรนด์แฟชั่นสัญชาติอเมริกันที่มีประวัติเก่าแก่มาตั้งแต่ทศวรรษ 90s รองเท้าคู่นี้มีเครื่องเล่น MP3 ความจุ 128MB ในตัว พร้อมกับลำโพง Built-in ที่สามารถทำให้ฟังเพลงที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ รองเท้าคู่นี้ออกมาครั้งแรกในปี 2007 ซึ่ง ณ เวลานั้น การเชื่อมต่อด้วยบลูทูธกำลังเป็นสื่งที่น่าตื่นเต้นในวงการเทคโนโลยี ถึงอย่างไรมันก็ไม่มีประสิทธิภาพพอที่จะทำให้การฟังเพลง "บนเท้า" เป็นไปอย่างราบรื่น

มองย้อนกลับไปในปี 2007 ที่รองเท้าคู่นี้ออกมาใหม่ ๆ ก็คงมีแต่คำถามมากมายว่าทำไปทำไม ? แต่ใครจะไปรู้ว่าในยุคสมัยนั้น มันอาจจะเป็นหนึ่งในนวัตกรรมสุดเท่ก็เป็นได้ เพราะต้องอย่าลืมว่าการเข้าถึงสื่อในยุคสมัยนั้นไม่ได้มีความง่ายหรือกระชับเท่ากับสมัยนี้ หาก Dada Supreme Code M จะได้เครดิตจากเรื่องนี้ไปสักเรื่อง ก็คงเป็นเรื่องความคิดล้ำหน้าในแบบที่สมัยนั้นไม่มีใครคิดก็เป็นได้ 

https://www.cnet.com/reviews/dada-footwear-code-m-for-men-review/ 

ยอดนิยมในตอนนี้

สิทธิประโยชน์แนะนำ