5 ประเด็นสำคัญ ก่อนขุนพล"ช้างศึก"ปะทะ"ออสเตรเลีย" ศึกยู-23 เอเชียเสาร์นี้!
จากก่อนหน้านี้ที่กระแสค่อนข้างเงียบ และไม่คึกคักเท่าที่ควร แต่ ณ วินาทีนี้ ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี กลับมาเป็นที่สนใจของแฟนบอลอีกครั้งหลังจากระเบิดฟอร์มไล่ถล่ม บาห์เรน 5-0 ในเกมนัดแรกของศึกฟุตบอลยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย เมื่อวันพุธที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา
จากผลงานอันระเบิดเถิดเทิงดังกล่าว ทำให้แฟนบอลไทยเฝ้ารอดูเกมนัดต่อไป ซึ่งทัพช้างศึกยู-23 จะลงบรรเลงเพลงแข้งกับ ออสเตรเลีย ในวันเสาร์ที่ 11 มกราคมนี้ เวลา 20.15 น. ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน โดยเกมนี้ถือเป็นแมทช์สำคัญและมีหลากหลายประเด็นที่แฟนบอลต้องติดตาม
ชนะเข้ารอบ!
จากชัยชนะถล่มทลายในนัดแรก ส่งผลให้ทีมชาติไทยเก็บ 3 คะแนนเต็ม พร้อมกับขึ้นรั้งจ่าฝูงกลุ่มเอ ทันที ตามมาด้วย ออสเตรเลีย และอิรัก 1 แต้ม หลังจากนัดแรกทั้งคู่เสมอกัน 1-1 และบาห์เรนเป็นบ๊วย 0 แต้ม
ดังนั้น หากทัพช้างศึกสามารถปราบแข้งจิงโจ้ได้อีกในเกมนี้ก็จะการันตีเข้ารอบน็อกเอาต์ทันที ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่แข้งไทยผ่านเข้ารอบได้สำเร็จ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ไทยเคยผ่านเข้ามาเล่นรอบสุดท้าย ก่อนจะจอดป้ายแค่รอบแบ่งกลุ่มทั้งสองครั้งในปี 2016 และ 2018
แต่ถ้าหากเสมอหรือแพ้ออสเตรเลีย ทีมชาติไทยก็ยังได้ลุ้นต่อในนัดสุดท้าย ซึ่งจะพบกับทีมชาติอิรัก ในวันอังคารที่ 14 มกราคม
ปะทะกันครั้งล่าสุด
ในรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ทีมชาติไทยดวลกับออสเตรเลียครั้งสุดท้าย ในแมทช์อุ่นเครื่องที่เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2018 โดยเป็นเกมลับแข้งก่อนศึกยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย 2018
แมทช์ดังกล่าวจบลงด้วยชัยชนะของออสเตรเลีย 2-1 ซึ่งผู้เล่นชุดดังกล่าวบางคนก็ยังติดทีมมารับใช้ชาติในรายการนี้ด้วย เช่น คีอานู แบ็คคัส กองกลางจากเวสเทิร์น ซิดนีย์ วันเดอเรอร์ส และเทรนต์ บูฮาเกียร์ กองหน้าจากซิดนีย์ เอฟซี ส่วนแข้งไทยที่ลงเล่นเกมนั้น อาทิ อานนท์ อมรเลิศศักดิ์, วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ, ศฤงคาร พรมสุภะ และสุภโชค สารชาติ ซึ่งเป็นคนยิงตีไข่แตกให้ฝั่งไทย
ออสซี่อันตราย
ออสเตรเลียชุดนี้มีแม่ทัพคือ เกรแฮม อาร์โนลด์ ซึ่งควบตำแหน่งกุนซือทั้งทีมชาติชุดใหญ่และชุดยู-23 เหมือนกับ อากิระ นิชิโนะ ของไทย
ขณะที่ขุมกำลังออสซี่ชุดนี้มีผู้เล่นตัวหลักหลายคนที่เล่นอยู่ในลีกยุโรป อาทิ กาเบรียล เคลอร์ จากสโมสรอเลสซานเดรีย ในอิตาลี, ดีแลน ไรอัน จากสโมสรวิลเลม ในลีกดัตช์, อเล็กซ์ เกอร์สบัช กับ แซ็ค ดันแคน สองดาวเตะจากอาร์ฮุส ในลีกเดนมาร์ก และจาค็อบ อิตาเลียโน่ ปีกดาวโรจน์วัย 18 ปีจากมึนเชนกลัดบัค ในศึกบุนเดสลีกา เยอรมนี
นอกจากนี้ยัง อัล ฮัสซัน ตูเร่ กองหน้าจอมแกร่งเชื้อสายกินี ซึ่งพร้อมลงป่วนแผงหลัง รวมถึง เรโน่ ปิสโคโป ดาวยิงจากสโมสรเวลลิงตัน ฟินิกซ์ ซึ่งมีทีเด็ดจากลูกตั้งเตะ หลังจากเป็นคนตะบันฟรีคิกเต็มข้อเป็นประตูสุดสวยให้ออสเตรเลียในนัดที่แล้ว
วัดกึ๋นนิชิโนะ
คาดว่าผู้เล่นส่วนใหญ่ของไทยในนัดนี้จะยังคงเป็นชุดเดิมจากขยี้บาห์เรน ซึ่งโชว์ฟอร์มกันได้ดีเกือบทุกคน แต่ที่น่าสนใจคือกุนซือ อากิระ นิชิโนะ จะวางแท็คติกอย่างไรในการเจอกับออสเตรเลีย
เกมที่ผ่านมา แนวรุกของไทยประสานงานกันได้อย่างวูบวาบ โดยผู้เล่นอย่าง ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา, สุภโชค สารชาติ และอานนท์ อมรเลิศศักดิ์ ที่อาศัยความคล่องแคล่วช่วยกันฉีกแนวรับบาห์เรนกันอย่างสนุกสนาน แต่เชื่อว่าเกมนี้อาจจะเล่นยากขึ้น เพราะออสเตรเลียคงเตรียมแผนมารับมือแข้งไทยแน่นอนหลังจากได้เห็นฟอร์มในนัดที่แล้ว
ขณะที่แนวรับของไทยนัดนี้จะต้องเจองานหนักกว่าเดิม โดยเฉพาะลูกกลางอากาศ ซึ่งเกมที่แล้วมีบางช่วงที่โดนบาห์เรนบอมบ์เข้าใส่จนป่วนไปเหมือนกัน ตลอดจนผู้เล่นริมเส้นของออสเตรเลียซึ่งฝีเท้าจัดจ้าน นี่จึงเป็นอีกหนึ่งเกมที่จะได้พิสูจน์ฝีไม้ลายมือของนิชิโนะ
ราชมังฯคึกคัก
หลังจากเงียบเหงามานานหลายเดือน เนื่องจากต้องปิดใช้งานเพื่อปรับปรุงซ่อมแซมสำหรับทัวร์นาเมนท์นี้ สังเวียนแข้ง “ราชมังคลากีฬาสถาน” เตรียมกลับมาคึกคักอีกครั้งในวันเสาร์นี้จากอานิสงค์ของการขยี้บาห์เรน 5-0 ในนัดที่ผ่านมา แถมเกมยังลงเตะวันเสาร์ ซึ่งเป็นวันหยุดพอดีด้วย
7,076 คือยอดผู้ชมนัดแรกที่ไทยพบกับบาห์เรน ส่วนเกมระหว่าง “ช้างศึก-ออสซี่” ในวันเสาร์ที่ 11 มกราคม เวลา 20.15 น. รับรองได้เลยว่าต้องมีแฟนบอลไทยแห่กันไปตะโกนเสียงเชียร์ “ไทยแลนด์ๆ” ในราชมังฯ มากกว่าเดิม 2-3 เท่าตัวแน่นอน ซึ่งแฟนบอลที่ต้องการเข้าไปเป็นสักขีพยานในเกมนี้ยังสามารถหาซื้อบัตรเข้าชมได้ที่ไทยทิคเกตเมเจอร์ทุกสาขา บัตรราคา 100, 200, 300 และ 400 บาท
แล้วเจอกันที่ราชมังฯ!!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
>> เพราะเหตุใด”ช้างป่วย”จากซีเกมส์ จึงถูกปลุกกลายเป็น”ช้างศึก”ในสมรภูมิชิงแชมป์เอเชีย!!
>> ไทยแลนด์สู้ๆ!! เช็คผลล่าสุด ทีมชาติไทย และโปรแกรมแข่งขันฟุตบอลยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย 2020
– ดูบอลสดฟรี! พรีเมียร์ลีก มากกว่า 100 คู่ คลิก ID Station
– ดู พรีเมียร์ลีก online คลิกที่นี่
– สมัครชม พรีเมียร์ลีกทั้งฤดูกาล คลิกที่นี่