วันนี้เมื่อปีนั้น: 31 พ.ค.2002 แมตช์เปิดสนามช็อกโลกของศึกเวิลด์คัพ (ชมคลิป)
โลกลูกหนังต้องตกตะลึงไปตามๆกัน เมื่อม้ามืดอย่าง เซเนกัล ระเบิดฟอร์มโค่นแชมป์โลก ฝรั่งเศส 1-0 ในนัดตัดริบบิ้นเวิลด์คัพ 2002
นัดเปิดสนามศึกฟุตบอลโลก 2002 รอบสุดท้าย ถือเป็นหนึ่งในเกมเวิลด์คัพที่พลิกล็อกที่สุดในประวัติศาสตร์ และแฟนบอลยังคงจดจำได้มาจนถึงทุกวันนี้
เกมออกสตาร์ทฟุตบอลโลก 2002 เวอร์ชั่นเอเชีย มีขึ้นเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2002 ที่สนามโซล เวิลด์คัพ สเตเดี้ยม ประเทศเกาหลีใต้ โดยเป็นการเจอกันระหว่าง “ตราไก่” ฝรั่งเศส แชมป์เก่าจากเมื่อ 4 ปีก่อน พบกับ เซเนกัล ตัวแทนจากทวีปแอฟริกา ซึ่งคว้าตั๋วเข้ามาเล่นรอบสุดท้ายได้เป็นครั้งแรก
แน่นอนว่า การเจอกันระหว่าง “แชมป์เก่า VS น้องใหม่” น่าจะเป็นเกมที่ห่างชั้นพอสมควร เพราะฝรั่งเศสในเวลานั้นคือทีมเบอร์ 1 ของโลก โดยหลังจากได้แชมป์เวิลด์คัพ 1998 พวกเขาก็มาได้แชมป์ยูโร 2000 ตอกย้ำความสุดยอดเข้าไปอีก ขณะที่ เซเนกัล คือเฟรชชี่ในสังเวียนฟุตบอลโลก และพวกเขาก็ถูกมองว่าคงเป็นเพียง “ไม้ประดับ” ที่มาช่วยสร้างสีสันเท่านั้น
กลับมาที่เกมนัดเปิดสนาม ทีมชาติฝรั่งเศส ภายใต้การนำของกุนซือ โรเชร์ เลอแมร์ จัดทัพลงเต็มอัตราศึก ยกเว้นจอมทัพ ซีเนอดีน ซีดาน เพียงคนเดียวที่สภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ แต่ขุมกำลังที่เหลือก็เต็มไปด้วยดาวเตะระดับพระกาฬทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น มาร์กแซล เดอไซยี่, ลิลิยอง ตูราม, ปาทริก วิเอร่า, ยูริ จอร์เกฟฟ์, ดาวิด เทรเซเกต์ และเธียร์รี่ อองรี
ส่วนเซเนกัลของกุนซือ บรูโน เม็ตซู มีแต่บรรดาแข้ง “โนเนม” ในสายตาของแฟนบอลทั่วไป แม้ว่าผู้เล่นเกือบทั้งทีมจะค้าแข้งอยู่ในลีกเอิง ฝรั่งเศส แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้สังกัดสโมสรใหญ่เลย
อย่างไรก็ตาม หลังจากผู้ตัดสินเป่านกหวีดเริ่มเกม ทัพนักเตะเซเนกัลสามารถต่อกรกับแข้งฝรั่งเศสได้โดยไม่หวั่นเกรงศักดิ์ศรีแชมป์โลกเลยแม้แต่น้อย แถมมาได้ประตูขึ้นนำจากฝีเท้าของ ปาปา บูบา ดิย็อป ในนาทีที่ 30
เมื่อพลาดเสียประตูไปก่อน ฝรั่งเศสพยายามเปิดเกมลุย แต่ก็เจอเซเนกัลอาศัยความแข็งแกร่ง บวกกับทีมเวิร์คสไตล์วิ่งสู้ฟัด เล่นงานจนทัพนักเตะแดนน้ำหอมโชว์ฟอร์มไม่ออก จนกระทั่งครบ 90 นาที “น้องใหม่” เซเนกัล โค่น “แชมป์โลก” ฝรั่งเศส 1-0 และกลายเป็นหนึ่งในแมตช์สุดพลิกล็อคในประวัติศาสตร์เวทีเวิลด์คัพเลยทีเดียว
และหลังจากนั้น ฝรั่งเศสยังคงเมาหมัด จบด้วยการมีแค่แต้มเดียวจาก 3 นัด กระเด็นตกรอบแรกไปอย่างชอกช้ำ ขณะที่ เซเนกัล เข้ารอบเป็นอันดับสองของกลุ่มเอ และเข้าไปปราบสวีเดน 2-1 ในรอบ 16 ทีม ก่อนจะยุติเส้นทางไว้ที่รอบ 8 ทีมสุดท้าย เมื่อพ่าย ตุรกี 0-1 ในช่วงต่อเวลาซัดเด้นเดธอย่างน่าเสียดาย
อย่างไรก็ตาม จากผลงานสุดยอดดังกล่าว ทำให้นักเตะเซเนกัลเนื้อหอมขึ้นมาทันที ก่อนที่หลายคนจะถูกสโมสรดังในยุโรปตามจีบไปร่วมทีมในเวลาต่อมา ไม่ว่าจะเป็น เอล ฮัดจิ ดิยุฟ กับ ซาลิฟ ดิเยา (ย้ายไปลิเวอร์พูล) อลิยู ซิสเซ่ (เบอร์มิงแฮม) อองรี กามาร่า (วูล์ฟแฮมป์ตัน) คาลิลู ฟาดิก้า (อินเตอร์ มิลาน) และปาปา บูบา ดิย็อป (ฟูแล่ม)
บทความที่เกี่ยวข้อง :
>> วันนี้เมื่อปีนั้น: 30 พ.ค.2015 เชลซีมาเยือน เฉือนไทยแลนด์ ออลสตาร์ 1-0 (ชมคลิป)
>> วันนี้เมื่อปีนั้น: 29 พ.ค.2019 เชลซี ทุบ อาร์เซนอล 4-1 ซิวโทรฟี่ยูโรป้า (ชมคลิป)
– ดูฟรี! พรีเมียร์ลีก มากกว่า 100 คู่ คลิก ID Station
– ดู พรีเมียร์ลีก online คลิกที่นี่
– สมัครชม พรีเมียร์ลีกทั้งฤดูกาล คลิกที่นี่