1,221 วันรอคอยจ่าฝูงที่สิ้นสุด สู่จุดเริ่มต้นการกลับมาผงาดของ แมนฯ ยูไนเต็ด
9 กันยายน 2017 “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกไปเสมอ สโต๊ก ซิตี้ 2-2 นั่นคือแมทช์สุดท้ายที่พวกเขาได้สัมผัสกับคำว่า “จ่าฝูง” ของศึกลูกหนังพรีเมียร์ลีก
ผู้เล่น 11 คนแรกในวันนั้นของทีมผีแดง กุนซือ โชเซ่ มูรินโญ่ ส่ง ดาบิด เด เคอา ลงเฝ้าเสาเป็นด่านสุดท้าย แผงแบ็กโฟร์ประกอบด้วย อันโตนิโอ วาเลนเซีย, เอริค ไบยี่, ฟิล โจนส์ และ มัตเตโอ ดาร์เมียน โดยมี เนมันย่า มาติช, อันเดร์ เอร์เรรา และปอล ป็อกบา คุมเกมกลางสนาม ส่วนเกมรุกเป็นหน้าที่ของ เฮนริคห์ มคิตาร์ยาน, โรเมลู ลูกากู และ มาร์คัส แรชฟอร์ด
และหลังจากนั้นเป็นต้นมา แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ไม่เคยได้ลิ้มรสความรู้สึกของการเป็นจ่าฝูงอีกเลย
วันแล้ววันเล่าเฝ้าแต่รอ แข้งผีแดงได้แต่นั่งมองบรรดาคู่อริผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปผงาดบนตำแหน่งหัวตาราง โดยเฉพาะสองทีมคู่รักคู่แค้นอย่าง ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ซิตี้ ที่ขับเคี่ยวลุ้นแชมป์กันอย่างดุเดือดในช่วงหลัง ขณะที่ทัพเรดอาร์มี่อยู่ในสถานะเพียง “ผู้สังเกตการณ์” เท่านั้น
แต่ในที่สุด วันที่ “เด็กผี” ทั่วโลกเฝ้ารอคอยก็มาถึง เมื่อ แมนฯ ยูไนเต็ด สามารถทะยานขึ้นไปผงาดจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกได้อีกครั้ง หลังเกมที่บุกไปเฉือนชนะ เบิร์นลีย์ 1-0 เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา
จาก 9 กันยายน 2017 มาจนถึง 12 มกราคม 2021
รวมเป็นระยะเวลาห่างกันนานถึง 1,221 วัน
หรือ 3 ปี 4 เดือน 3 วัน
หรือตีกลมๆก็ประมาณ 40 เดือน เลยทีเดียว
นี่ถือเป็นระยะเวลาที่นานไม่น้อย เมื่อเทียบกับชื่อชั้นและศักดินาของสโมสรอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
แต่ถ้ามองย้อนกลับไปเมื่อเร็วๆนี้ แข้งผีแดงหล่นไปรั้งอันดับ 15 ของตาราง หลังเกมพ่ายคาบ้านต่อ อาร์เซนอล 0-1 เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
แต่ในระยะเวลาผ่านไปแค่ 2-3 เดือน พวกเขาพุ่งพรวดขึ้นมาครองจ่าฝูงได้อย่างยอดเยี่ยม แสดงให้เห็นถึงฟอร์มอันร้อนแรงต่อเนื่อง หลังจากก่อนหน้านี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องทนทุกข์ทรมานกับคำว่า “ลูปนรก” มาแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
“พวกเราได้มาอยู่ในตำแหน่งที่สมควรจะอยู่แล้ว” เนมันยา มาติช มิดฟิลด์เลือดเซิร์บ กล่าว
ขณะเดียวกัน จากเสียงวิพากษ์วิจารณ์อื้ออึงก่อนหน้านี้ที่มีต่อกุนซือ โอเล กุนนาร์ โซลชา กับแฮชแท็ก #OleOut หรือ ปอล ป็อกบา ที่ตกเป็นเป้าโจมตีอย่างหนัก พร้อมเสียงเชียร์จากแฟนบอลให้โละๆทิ้งไปได้แล้ว
ทุกอย่างที่ว่ามานี้ค่อยๆเงียบลงไปชัดเจน โดยเฉพาะ ป็อกบา ซึ่งงัดฟอร์มเก่งออกมาให้แฟนบอลได้ชื่นใจกันอีกครั้ง โดยเฉพาะนัดล่าสุดที่ซัลโวประตูชัยดับ เบิร์นลีย์ ชนิดเพอร์เฟกต์เต็มสิบไม่หัก
“ผมพูดเสมอว่า ปอล เป็นผู้เล่นคนสำคัญของเรา เขาเป็นคนที่มีบทบาทในห้องแต่งตัว ซึ่งแน่นอนเขาเป็นคนที่ถูกจับตามองเสมอ เพราะเขาเป็นผู้เล่นระดับแชมป์โลก และผมคิดว่า เขากำลังอยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดของตัวเองในตอนนี้” โซลชา กล่าว
ไม่ปฏิเสธว่า การครองจ่าฝูงเป็นเรื่องน่าปลาบปลื้มและสร้างความฮึกเหิมให้กับทีมได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการที่พวกเขาห่างเหินจากสถานะนี้ไปนานกว่า 3 ปี
แต่สิ่งสำคัญยิ่งกว่าก็คือ การยึดตำแหน่งและรักษาฟอร์มการเล่นอันแข็งแกร่งเช่นนี้ไว้ให้ได้นานที่สุด และโปรแกรมนัดต่อไปที่พวกเขาต้องเจอก็คือแมทช์ “แดงเดือด” ซึ่งแมนฯ ยูไนเต็ด จะยกพลไปบู๊กับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ในคืนวันอาทิตย์ที่ 17 ม.ค. นี้ เวลา 23:30 น.
ลองนึกภาพดูว่าถ้า โซลชา พาลูกทีมบุกไปกระชาก 3 แต้มออกจากถิ่นแอนฟิลด์ พร้อมกับทำแต้มทิ้งห่างแข้งหงส์ 6 คะแนน บรรยากาศและสถานการณ์ของยอดทีมแห่งถิ่นโอลด์แทรฟฟอร์ด จะฮึกเหิมคึกคักมากกว่านี้อีกหลายเท่าตัวขนาดไหน!!
และไม่แน่ว่า นี่อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้พลพรรค "อสูรแดง" ฟอร์มพุ่งระเบิดเถิดเทิงเข้าไปอีก จนกระทั่งในที่สุดก็เข้าป้ายผงาดทวงบัลลังก์แชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปีก็เป็นได้
ใครจะไปรู้…
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
>> เดือดยิ่งกว่า!! เชียร์ศึกแดงเดือดสุดมันส์ แถมรับทรูพอยท์ 100 คะแนน
>> สุดมั่นใจ!! โซลชา ลั่น แมนยู พร้อมบุกหักปีก หงส์แดง หลังขึ้นจ่าฝูง
>> ข้าคือจ่าฝูง! 'ป็อกบา'วอล์เลย์นำชัย แมนยู บุกเฉือน เบิร์นลีย์ 1-0 แซงหงส์ 3 แต้ม (ชมคลิปไฮไลท์)
----------------------------------------
ดูสดฟรี!! ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ทุกสัปดาห์ พร้อมกีฬาชั้นนำระดับโลกแบบจัดเต็ม ต้อง App TrueID เท่านั้น
รวมข้อมูลแก้ไขปัญหาการใช้งาน รับชม หรือโปรโมชันกิจกรรมต่างๆ >> คลิกที่นี่
เก็งไม่มีพลาด! ฟันธงคู่ไหนเด็ด! เจาะลึกก่อนเกมพรีเมียร์ลีก สมัครทาง SMS พิมพ์ R1 ส่งมาที่ 4238066 หรือคลิกที่แบนเนอร์ด้านล่างนี้ ใช้ฟรี 7 วัน!!!!