รีเซต
แย่หนัก.! แมนยู ชี้หุ้นตก 7.8% สูญรายได้ 100 ล้านปอนด์ หลังชวดไป UCL

แย่หนัก.! แมนยู ชี้หุ้นตก 7.8% สูญรายได้ 100 ล้านปอนด์ หลังชวดไป UCL

แย่หนัก.! แมนยู ชี้หุ้นตก 7.8% สูญรายได้ 100 ล้านปอนด์ หลังชวดไป UCL
TenAkapol
23 พฤษภาคม 2568 ( 09:20 )
68

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เผยหุ้นสโมสรร่วงลง 7.8% ในช่วงเปิดตลาดซื้อขายที่นิวยอร์ค สูญรายได้ 100 ล้านปอนด์ หลังพลาดไป UCL

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมยักษ์ใหญ่ในศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ออกมาเผยสถานะการเงิน โดยที่หุ้นของสโมสรฟุตนั้นร่วงลง 7.8% ในช่วงเปิดตลาดซื้อขายที่นิวยอร์ค หลังจากทีมพ่ายแพ้ในรอบชิงชนะเลิศยูโรป้า ลีก สร้างแรงกระทบต่อเจ้าของสโมสรมหาเศรษฐีตระกูลเกลเซอร์ และเซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ อย่างมาก

อย่างไรก็ดีในเกมล่าสุดทางทีม "ปีศาจแดง" นั้นแพ้ให้กับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 1-0 นั่นทำให้พวกเขาหมดสิทธิ์เข้าร่วมศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่ความหวังสุดท้ายของสโมสรในการเล่นถ้วยใบใหญ่ยุโรปในฤดูกาลหน้า และนั่นทำให้สโมสรสูญเสียรายได้ประมาณ 100 ล้านปอนด์ ซึ่งรวมถึงรายได้จากการขายตั๋วล่วงหน้า ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด และสปอนเซอร์ แม้ว่าค่าใช้จ่าย เช่น ค่าเดินทางและค่าเหนื่อยนักเตะ อาจลดลง

อย่างไรก็ตามจากการที่ทีม "ปีศาจแดง" ไม่ได้ไปเล่นในเวทียุโรปจะเป็นผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อครอบครัวเกลเซอร์ ซึ่งเป็นเจ้าของสโมสรมาตั้งแต่ปี 2005 และกลุ่ม Ineos ของแรตคลิฟฟ์ ซึ่งถือหุ้นส่วนน้อยแต่มีบทบาทสำคัญในการบริหารสโมสร แม้จะมีการปรับโครงสร้างบริหารครั้งใหญ่ ไล่ตั้งแต่การปลด เอริค เทน ฮาก และแต่งตั้ง รูเบน อโมริม เข้ามาคุมทัพ รวมถึงการลดต้นทุนภายในสโมสร 

แต่อย่างไรก็ตามผลงานของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในสนามยังคงน่าผิดหวัง โดยรั้งอันดับ 16 ของตารางพรีเมียร์ลีก เหลือการแข่งขันอีกเพียง 1 นัด และอยู่ใกล้โซนตกชั้นมากกว่าพื้นที่ลุ้นไปแชมเปี้ยนส์ลีก ถ้าวัดจากความเป็นจริง 

อีกทั้งทางทีม "ปีศาจแดง" ยังขาดทุนสุทธิสะสมมากกว่า 370 ล้านปอนด์ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และไม่เคยทำกำไรได้เลยนับตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 ปัจจุบันสโมสรมีหนี้สินสุทธิ 569 ล้านยูโร ซึ่งเป็นผลพวงจากการซื้อกิจการแบบใช้เงินกู้ของตระกูลเกลเซอร์ในปี 2005

แลัในเวลานี้ราคาหุ้นของสโมสรที่ซื้อขายล่าสุดอยู่ที่ 13.40 ดอลลาร์ ต่ำกว่าราคาจองซื้อ IPO ในปี 2012 ที่ 14 ดอลลาร์ ส่งผลให้มูลค่าตลาดลดลงเหลือประมาณ 2.3 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ Ineos ของแรตคลิฟฟ์เคยซื้อหุ้นในราคาสูงถึง 33 ดอลลาร์ต่อหุ้น ทำให้การลงทุนของเขาประเมินมูลค่าคลับไว้ที่ราว 5.4 พันล้านดอลลาร์

แม้ครอบครัวเกลเซอร์จะถือหุ้นเพียงไม่ถึงครึ่ง แต่กลับมีสิทธิออกเสียงมากกว่า 67% ผ่านหุ้น B ซึ่งไม่มีการเปิดขายสู่สาธารณะ ขณะที่ Ineos ถือหุ้นทั้งแบบ A และ B รวมกันราว 29% และมีบทบาทสำคัญในทิศทางของสโมสรในอนาคตอีกด้วย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

ยอดนิยมในตอนนี้