Sports Profile : ประวัติ อุ้ม-ธีราทร บุญมาทัน แข้งไทยคนแรกที่คว้าแชมป์เจลีก
ข้อมูลและประวัติล่าสุดของ อุ้ม-ธีราทร บุญมาทัน แบ็กซ้ายทีมชาติไทยของ โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส เท้าซ้ายปีศาจแห่งเอเชีย ที่เคยลงเล่นร่วมกับแข้งระดับโลกมาแล้วมากมาย
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม : ธีราทร บุญมาทัน
ชื่อเล่น : อุ้ม
ฉายา : เท้าซ้ายปีศาจ, บุญจัง, โก๋อุ้ม
เกิด : 6 กุมภาพันธ์ 1990 (2533) ที่จังหวัดนนทบุรี ประเทศไทย
อายุ : 30 ปี
สัญชาติ : ไทย
ตำแหน่ง : แบ็กซ้าย
ส่วนสูง : 172 เซนติเมตร
.. ถ้าวันนั้น ชายคนนี้ไม่เลือกที่จะสู้ต่อ ก็คงจะไม่มี "ธงชาติไทย" ไปโบกสะบัด
ในพิธีรับถ้วยแชมป์ฟุตบอลลีกสูงสุดของญี่ปุ่น ที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับเราคนไทยได้ถึงเพียงนี้ ..
หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน
คุณคือความภูมิใจของคนไทย
- ธีราทร บุญมาทัน -
เส้นทางลูกหนัง
ธีราทร บุญมาทัน หรือ อุ้ม เป็นบุตรของ คุณพ่อสมหมาย และ คุณแม่เพียงใจ บุญมาทัน ซึ่งประกอบอาชีพช่างตัดผม และรับจ้างประกอบเลนส์แว่นตา ตามลำดับ ธีราทร เกิดเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2533 ที่ จังหวัดนนทบุรี โดยเขาเข้าศึกษาที่ โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดบ้านเกิด จนถึงระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จากนั้นจึงย้ายไปเรียนที่ โรงเรียนกีฬากรุงเทพมหานคร จนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ซึ่งในช่วงเวลานั้น อุ้ม ก็ได้ฝึกการเล่นฟุตบอลไปด้วย
ต่อมาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ธีราทรได้เข้าศึกษาที่ โรงเรียนอัสสัมชัญ ธนบุรี ซึ่งทำให้เขาได้เล่นฟุตบอลเยาวชนร่วมกับ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ และสามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลระดับนักเรียนด้วยกันหลายรายการ โดยหลังจากจบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายแล้ว อุ้มก็ได้เริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพให้กับสโมสร ราชประชา ในปี 2551 ก่อนที่ปีต่อมา เขาจะย้ายไปเล่นให้กับ สโมสรฟุตบอลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ก่อนที่สโมสรจะเปลี่ยนชื่อทีมไปเป็น บุรีรัมย์ พีอีเอ ในปี 2553 และกลายเป็น บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในปี 2555
โดยในปี 2554 ธีราทร ได้สร้างชื่อให้กับตัวเอง และต้นสังกัดอย่าง บุรีรัมย์ พีอีเอ ด้วยการพาทีมคว้า ทริปเบิ้ลแชมป์ หรือ แชมป์ 3 รายการภายในปีเดียว อันได้แก่ แชมป์ไทยลีก (ในเวลานั้นชื่อ ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก), แชมป์เอฟเอ คัพ และ แชมป์ลีกคัพ ซึ่งนับเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ของฟุตบอลไทยที่ทำได้ ซึ่งจากปีนั้น ธีราทร ก็ช่วยพาทีม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ไทยลีก ได้อีก 3 สมัยซ้อน ในปี 2556, 2557 และ 2558 โดยเขายังได้รับเลือกให้เป็น นักเตะยอดเยี่ยมของไทยลีกประจำฤดูกาล 2556 อีกด้วย
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ธีราทร ยังได้ลงเล่นในศึกฟุตบอล เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งเขาสามารถยิงประตูในการแข่งขันรายการนี้ ได้เป็นลูกแรก ในซีซั่น 2013 จากจังหวะฟรีคิก ในเกมที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด บุกไปเจ๊ากับ เอฟซี โซล ทีมดังของเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2556 จากนั้น เขายังยิงประตูให้ ยอดทีมจากแดนอีสานของไทย ได้อีก 3 ประตู โดยในซีซั่น 2014 ธีราทร ยิงฟรีคิกใส่ เซเรโซ่ โอซาก้า ทีมแกร่งจากญี่ปุ่น ในวันที่ 2 เมษายน 2557 ก่อนที่จะยิง 2 ประตูสุดสวย ใส่ กัมบะ โอซาก้า อีกหนึ่งทีมดังร่วมเมืองโอซาก้า จากลูกฟรีคิกและลูกเตะมุม ทั้งในเกมเยือนและเหย้า ตามลำดับ ในฤดูกาล 2015 (2558)
รวมลูกยิง ธีราทร บุญมาทัน แบ็คซ้ายทีมชาติไทย ในศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก
กระทั่ง กลางปี 2559 ธีราทร ก็ทำเรื่องช็อกแฟนบอลปราสาทสายฟ้า เมื่อเขาได้เปิดตัวย้ายซบคู่ปรับตลอดกาลอย่าง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ในช่วงเลกที่ 2 ของซีซั่น 2016 หลังจากที่เขาลงเล่นเกมนัดสุดท้ายให้กับ บุรีรัมย์ ในเกมที่พวกเขา เปิดบ้านเสมอกับ ชัยนาท ฮอร์นบิล 0-0 ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2559
อุ้ม-ธีราทร สามารถทำประตูและแอสซิสต์ให้ เมืองทอง ได้ตั้งแต่เกมแรกที่ลงเล่น ในเกมที่พวกเขาเอาชนะ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี 4-1 ในวันที่ 25 มิถุนายน 2559 ก่อนที่เขาจะพาต้นสังกัดใหม่อย่าง กิเลนผยอง คว้าแชมป์ไทยลีกได้ทันทีในปีดังกล่าว ส่งผลให้ ธีราทร คว้าแชมป์ไทยลีก ได้ถึง 4 สมัยติด กับ 2 สโมสร รวมถึงเป็นแชมป์ไทยลีก สมัยที่ 5 ของเจ้าตัว
ต่อมา ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2560 แบ็กซ้ายคนดัง ได้ทำประตูที่ 5 ในศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ให้กับตัวเอง จากลูกฟรีคิกในเกมที่ เมืองทอง เอาชนะ คาชิม่า แอนท์เลอร์ส ทีมดังจากญี่ปุ่น 2-1 ที่สนามศุภชลาศัย จากนั้นในช่วงปลายปี เขาก็ช่วยพาทีมคว้าแชมป์ลีกคัพได้สำเร็จ
จนในปี 2561 ก็มาถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในเส้นทางอาชีพของเขา เมื่อ ธีราทร ได้โอกาสย้ายไปเล่นในศึกเจลีก ญี่ปุ่น ให้กับทีม วิสเซล โกเบ ด้วยสัญญายืมตัวเป็นเวลา 1 ปี ซึ่งนับเป็นการค้าแข้งที่ต่างประเทศเป็นครั้งแรกของเขา โดยที่นี่เอง ทำให้เขาได้ลงเล่นร่วมกับ อันเดรส อิเนียสต้า และ ลูคัส โพดอลสกี้ สองแข้งระดับโลก ที่เคยผ่านการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมาแล้ว ธีราทร ต้องต่อสู้อย่างหนัก เพื่อแย่งตำแหน่งในทีม ก่อนที่สุดท้ายเขาจะลงเล่นในลีก ซีซั่น 2018 ไป 28 เกม โดยทำไป 2 แอสซิสต์
จากนั้น ในปี 2562 ธีราทร ก็ได้พบกับความท้าทายครั้งใหม่อีกครั้ง โดยเขาได้กลับไปยังเจลีก กับต้นสังกัดใหม่อย่าง โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ยอดทีมจากแดนอาทิตย์อุทัย ด้วยสัญญายืมตัว 1 ปี ซึ่งตอนนั้นตัวเขาเองคงยังไม่รู้เลยว่า ฤดูกาล 2019 นี้เอง จะกลายเป็นปีที่เขาจะต้องจดจำไปตลอดกาล เมื่อเขาได้สร้างประวัติศาสตร์ กลายเป็นคนไทยคนแรก ที่คว้าแชมป์เจลีก หรือ ลีกสูงสุดของญี่ปุ่น ได้สำเร็จ โดย ธีราทร ลงเล่นในลีกไป 25 นัด และสามารถยิงให้ทีมได้ 3 ประตู พร้อมทำไป 4 แอสซิสต์ด้วยกัน
สำหรับโมเม้นต์สำคัญของ ธีราทร กับต้นสังกัด เกิดขึ้นในเกมนัดสุดท้ายของซีซั่น ซึ่งเป็นเกมตัดสินแชมป์ ที่คู่แข่งแย่งแชมป์ อย่าง โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส กับ เอฟซี โตเกียว ต้องโคจรมาพบกันแบบพอดิบพอดี ในวันที่ 7 ธันวาคม 2562 โดยเกมนี้ มารินอส ของอุ้ม ขอแค่ไม่แพ้เกิน 3 ประตู ก็จะคว้าแชมป์ไปครองทันที อย่างไรก็ดี จุดเปลี่ยนของแมตช์นี้ได้เกิดขึ้นในนาที 26 เมื่อ ธีราทร บุญมาทัน สามารถยิงประตูขึ้นนำแบบสุดสวยให้ มารินอส ได้สำเร็จ ก่อนที่สุดท้ายทีมของเขาจะเอาชนะ เอฟซี โตเกียว ไปได้ 3-0 คว้าแชมป์เจลีก 2019 ไปครองได้อย่างยิ่งใหญ่ สร้างความภาคภูมิใจ และประทับใจ ให้กับชาวเมืองโยโกฮาม่า รวมถึงแฟนบอลชาวไทยทั้งประเทศ
จากผลงานอันสุดยอดของ อุ้ม นี่เอง ทำให้ มารินอส ตัดสินใจซื้อขาดเขา จากสังกัดที่แท้จริงอย่าง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ทำให้ ธีราทร ได้ย้ายไปร่วมทีมแชมป์เจลีกอย่างถาวร อีกทั้งยังได้มีชื่อเป็นนักเตะโควต้าเอเชียของทีม ในการลุยศึกถ้วย เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2020 อีกด้วย ซึ่งล่าสุด เขาก็ไม่ทำให้ต้นสังกัดต้องผิดหวัง เมื่อสามารถยิงประตูขึ้นนำให้ทีม ซึ่งกลายเป็นประตูที่ 6 ในเวทีเอเชียของเจ้าตัว ในเกมที่เอาชนะ ชุนบุก ฮุนได มอเตอร์ส ทีมดังจากเกาหลีใต้ 4-1 เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2563 พร้อมการันตีการผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ หรือ รอบ 16 ทีมสุดท้าย ได้สำเร็จ
จากผลงานทั้งหมดที่ลูกผู้ชายที่ชื่อ ธีราทร บุญมาทัน ได้สร้างเอาไว้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น มันคือบทพิสูจน์ ที่ทำให้สามารถชี้ชัดได้แล้วว่า เขาคนนี้ได้กลายเป็น แบ็กซ้ายระดับแถวหน้าของทวีปเอเชีย ไปแล้วในเวลานี้
สำหรับ แฟนบอลชาวไทย คงต้องมาร่วมส่งแรงใจเชียร์ อุ้ม-ธีราทร บุญมาทัน กันต่อไป และรอลุ้นว่า ปีนี้เขาจะสามารถสร้างประวัติศาสตร์ กลายเป็น นักเตะไทยคนแรกที่คว้าแชมป์ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ฟุตบอลรายการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเอเชีย กับสโมสรจากต่างประเทศ มาครองได้สำเร็จหรือไม่
ผลงานทีมชาติไทย
ธีราทร บุญมาทัน เริ่มติด ทีมชาติไทย ชุดใหญ่ เป็นครั้งแรกในยุคของ ไบรอัน ร็อบสัน เมื่อปี 2553 ด้วยวัยเพียง 20 ปี อย่างไรก็ตาม จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของ อุ้ม กับ ทีมชาติไทย เกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2554 โดยเริ่มจากการแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ทีมชาติไทย ในยุคของ วินฟรีด เชเฟอร์ บุกไปพ่ายให้กับ ทีมชาติซาอุดีอาระเบีย 0-3 ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2554 โดย ธีราทร เป็นผู้ทำให้ทีมช้างศึก เสียลูกจุดโทษที่นำมาซึ่งการเสียประตูสุดท้าย ในนาที 89 ก่อนที่เขาจะได้รับใบแดงให้ออกจากสนาม จากการเล่นนอกเกมใส่คู่แข่ง ซึ่งผลจากเกมนั้น ส่งผลให้ ทีมชาติไทย ตกรอบจากการคัดเลือกครั้งนั้นทันที
จากนั้น ธีราทร จึงถูกเรียกตัวให้เดินทางจากประเทศซาอุดีอาระเบีย เพื่อไปช่วย ทีมชาติไทย ชุด U23 ทำศึก ซีเกมส์ 2011 ครั้งที่ 26 ที่ประเทศอินโดนีเซีย โดยในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2554 หรือ 2 วันให้หลังจากเหตุการณ์แรก ธีราทร ลงสนามให้ ทีมชาติไทย พบกับ ทีมชาติอินโดนีเซีย เจ้าภาพ และเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น หลังเกมเริ่มต้นไปได้เพียงไม่กี่อึดใจ อุ้ม-ธีราทร ได้รับใบเหลืองที่ 2 กลายเป็นใบแดง ต้องถูกไล่ออกจากสนามอีกครั้ง หลังจากที่เขาอยู่ในสนามได้เพียง 12 นาทีเท่านั้น ซึ่งนั่นนับเป็นการโดนไล่ออกเป็นครั้งที่ 2 ของธีราทร ในระยะเวลาห่างกันเพียง 2 วัน ก่อนที่ ทีมชาติไทย ซึ่งสุดท้ายเหลือผู้เล่นเพียง 9 คน จะพ่ายให้กับ ทีมชาติอินโดนีเซีย ไป 1-3 ตกรอบแรกของศึกซีเกมส์ไปอย่างชอกช้ำ
ภาพ : blockdit.com
จากสองเหตุการณ์สำคัญในครั้งนั้น ส่งผลให้ อุ้ม ถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์ และถูกโจมตีอย่างหนัก จากแฟนบอลชาวไทย ส่งผลให้ เขาเครียดและท้อแบบสุดๆ จนถึงขนาดที่เขาไปบอกกับคุณพ่อว่า ไม่อยากจะรับใช้ชาติอีกต่อไปแล้ว
"ผมรู้สึกท้อสุดๆ เล่นแล้วก็โดนด่า จนถึงขนาดไปปรึกษาพ่อ เพื่อขอเลิกเล่นทีมชาติ แต่พ่อบอกว่า ตนเองอุตส่าห์ตามรับตามส่งผมตั้งแต่เด็กหมดเงินเสียเวลาไปไม่รู้เท่าไหร่ ยอมเหนื่อยมาโดยตลอด จะมาเลิกแค่นี้ได้ยังไง ให้คิดดูดีๆ ผมจึงตัดสินใจสู้ต่อ" ธีราทร เคยเปิดเผยถึงความรู้สึกในเวลานั้น
ธีราทร เลือกที่จะกลับมาสู้ต่ออย่างที่เขาได้กล่าวไว้จริงๆ ในปลายปีต่อมา เขากลับมามีชื่อติดทีมชาติไทย ชุดทำศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2012 (2555) แม้ว่าสุดท้ายเขาจะต้องอกหักอีกครั้ง หลังทีม ช้างศึก พ่ายให้กับ สิงคโปร์ ในรอบชิงชนะเลิศ ทำให้ได้เพียงรองแชมป์ อย่างไรก็ตาม ธีราทร ก็สามารถแก้ตัวได้สำเร็จ ด้วยการสวมบทเป็น กัปตันทีม พา ทีมชาติไทย ชุด U23 ภายใต้การคุมทีมของ โค้ชซิโก้-เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กลับไปคว้าแชมป์ ซีเกมส์ 2013 (2556) ที่เมียนมา ซึ่งเป็น 2 ปีให้หลังจากเหตุการณ์ฝังใจในครั้งก่อน และกลายเป็นแชมป์ซีเกมส์ในรอบ 6 ปี หลังจากที่ทีมชาติไทยพลาดแชมป์รายการนี้มา 2 สมัยติด
จากนั้น ในปี 2558-2559 ธีราทร ได้กลับมาติด ทีมชาติไทย ชุดใหญ่ อีกครั้ง ภายใต้การทำทีมของ โค้ชซิโก้ พร้อมกับปลอกแขน กัปตันทีม ในการแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก รอบสองของโซนเอเชีย ที่ ทีมชาติไทย อยู่ร่วมกลุ่มกับ เวียดนาม, ไต้หวัน และ อิรัก รวมถึง รอบคัดเลือก รอบสาม หรือ รอบ 12 ทีมสุดท้ายของเอเชีย ในปี 2559-2560 ที่อยู่ร่วมกลุ่มกับ ซาอุดีอาระเบีย, ญี่ปุ่น, ยูเออี, อิรัก และ ออสเตรเลีย
โดยในช่วงปี 2559 ธีราทร ยังสามารถคว้าแชมป์ คิงส์คัพ 2016 และ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 ได้เป็นครั้งแรกอีกด้วย
ต่อมาในยุคของ มิโลวาน ราเยวัช กุนซือชาวเซอร์เบีย อุ้ม ก็ยังถูกเรียกตัวมาติดทีมชาติอย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่ได้สวมปลอกแขนเป็นกัปตันทีมแล้วก็ตาม ก่อนที่เขาจะช่วยทีมคว้าแชมป์ คิงส์คัพ 2017 (2560) ได้อีก 1 สมัย รวมถึง รองแชมป์คิงส์คัพ 2018 (2561) จนกระทั่งถึงศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018 ธีราทร ไม่ได้ถูกเรียกตัวมาช่วยทีมชาติ เนื่องจากต้องลงเล่นให้กับต้นสังกัดอย่าง วิสเซล โกเบ ในศึกเจลีก โดยทัวร์นาเม้นต์นั้น ทัพช้างศึก ต้องตกรอบรองชนะเลิศไป
กระทั่ง ในปี 2562 ธีราทร ช่วยทีมช้างศึก ลงเล่นในศึก เอเอฟซี เอเชียน คัพ 2019 ก่อนพาทีมผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ จากนั้นเขาจึงได้รับเลือกให้เป็น กัปตันทีมชาติ อีกครั้ง ในยุคของ "โค้ชโต่ย" ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย ในศึก 4 เส้า ที่ประเทศจีน ก่อนที่ ช้างศึก จะเอาชนะเจ้าภาพอย่าง จีน 1-0 ก่อนพ่ายให้กับ อุรุกวัย 0-4 คว้ารองแชมป์ไปครอง
จนมาถึงยุคของ อากิระ นิชิโนะ เฮดโค้ชชาวญี่ปุ่น ธีราทร ก็ยังคงถูกยกให้เป็น นักเตะตัวหลัก และถือเป็นกำลังสำคัญของ ทีมชาติไทย ในการสู้ศึก ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก รอบสองของโซนเอเชีย ในเวลานี้
เกียรติประวัติ
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด :
- แชมป์ ไทยลีก 4 สมัย : 2554, 2556, 2557, 2558
- แชมป์ เอฟเอ คัพ 4 สมัย : 2554, 2555, 2556, 2558
- แชมป์ ลีก คัพ 4 สมัย : 2554, 2555, 2557, 2558
- แชมป์ โตโยต้า พรีเมียร์ คัพ 3 สมัย : 2555, 2557, 2559
- แชมป์ ถ้วยประราชทาน ก. 4 สมัย : 2556, 2557, 2558, 2559
- แชมป์ แม่โขง คลับ แชมเปี้ยนชิพ 1 สมัย : 2558
เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด :
- แชมป์ ไทยลีก 1 สมัย : 2559
- แชมป์ ลีก คัพ 2 สมัย : 2559, 2560
- แชมป์ ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนส์ คัพ : 2560
- แชมป์ แม่โขง คลับ แชมเปี้ยนชิพ 1 สมัย : 2560
โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส :
- แชมป์ เจลีก (J1 League) 1 สมัย : 2562
ทีมชาติไทย :
- พ.ศ. 2556 แชมป์ ซีเกมส์ 2013 ครั้งที่ 27 ประเทศเมียนมา
- พ.ศ. 2559 เข้ารอบ 12 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย
- พ.ศ. 2559 เข้ารอบสุดท้าย เอเอฟซี เอเชียนคัพ 2019
- พ.ศ. 2559 แชมป์ คิงส์คัพ 2016 ครั้งที่ 44
- พ.ศ. 2559 แชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016
- พ.ศ. 2560 แชมป์ คิงส์คัพ 2017 ครั้งที่ 45
รางวัลส่วนตัว :
- ติดทีมยอดเยี่ยม ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2555 (ซูซูกิ คัพ 2012)
- ผู้เล่นยอดเยี่ยมไทยลีกประจำเดือนตุลาคม 2556
- ติดทีมยอดเยี่ยม ฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2556
- ผู้เล่นยอดเยี่ยมไทยลีกประจำฤดูกาล 2556
- นักกีฬาอาชีพดีเด่น วันกีฬาแห่งชาติ ประจำปี 2562
"เอกกี้รีพอร์ต"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
>> Sports Profile : ประวัติ "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อดีตดาวยิงและโค้ช ทีมชาติไทย
>> เฉียบทุกลูก!! รวมทุกประตูจากเท้าซ้ายของ 'ธีราทร' ในเวทีแชมเปี้ยนส์ลีก (ชมคลิป)
ดูสดฟรี!! ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ทุกสัปดาห์ พร้อมกีฬาชั้นนำระดับโลกแบบจัดเต็ม ต้อง App TrueID เท่านั้น
รวมข้อมูลแก้ไขปัญหาการใช้งาน รับชม หรือโปรโมชันกิจกรรมต่างๆ >> คลิกที่นี่
เก็งไม่มีพลาด! ฟันธงคู่ไหนเด็ด! เจาะลึกก่อนเกมพรีเมียร์ลีก สมัครทาง SMS พิมพ์ R1 ส่งมาที่ 4238066 หรือคลิกที่แบนเนอร์ด้านล่างนี้