รีเซต
โปรแกรมปั้นหุ่นสุดฟิตสไตล์ทหารหน่วยรบพิเศษ คู่มือฝึก 30 วัน ลดไขมัน สร้างกล้าม

โปรแกรมปั้นหุ่นสุดฟิตสไตล์ทหารหน่วยรบพิเศษ คู่มือฝึก 30 วัน ลดไขมัน สร้างกล้าม

โปรแกรมปั้นหุ่นสุดฟิตสไตล์ทหารหน่วยรบพิเศษ คู่มือฝึก 30 วัน ลดไขมัน สร้างกล้าม
WeenayA
1 สิงหาคม 2568 ( 08:00 )
1.7K

    อยากฟิตหุ่นแกร่ง เหมือนหน่วยรบพิเศษไหม TrueID Sport ชวนคุณมาลอง โปรแกรมออกกำลังกาย 30 วัน ที่ไม่เหมือนใคร  นี่ไม่ใช่แค่การสร้างกล้าม แต่คือการเปลี่ยนรูปร่าง และเพิ่มความอึด ให้คุณพร้อมทุกสถานการณ์ โปรแกรมนี้ได้แรงบันดาลใจจากการฝึกหน่วยรบพิเศษ ซึ่งเน้นความแข็งแกร่งรอบด้าน ทั้งพละกำลัง ความทนทาน และสภาพจิตใจไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรืออยากไปอีกขั้น โปรแกรมนี้จะช่วยปั้นหุ่นให้คุณสุดเฟิร์ม และพร้อมลุย ยิ่งกว่าเดิม

 

โปรแกรมปั้นหุ่นสุดฟิตสไตล์ทหารหน่วยรบพิเศษ
คู่มือฝึก 30 วัน ลดไขมัน สร้างกล้าม

 

รายละเอียดสำคัญของโปรแกรม

โปรแกรมนี้จะรวมการออกกำลังกายหลายแบบเข้าด้วยกัน เพื่อพัฒนาความฟิตทุกด้านของร่างกายเช่น

  • ฝึกความแข็งแรง (Strength Training): ทั้งแบบใช้น้ำหนัก หรือ น้ำหนักตัว เน้นสร้างกล้ามเนื้อและพละกำลัง โดยจะรวมท่าหลักๆ (Compound Movements) อย่าง สควอท, เดดลิฟต์ , วิดพื้น , โหนบาร์ ซึ่งมักใช้แค่น้ำหนักตัวหรืออุปกรณ์ไม่มาก

  • คาร์ดิโอ/ความทนทาน (Cardio/Endurance): สำคัญมากสำหรับการสร้างความอึดและสภาพจิตใจที่แข็งแกร่ง กิจกรรมเหล่านี้รวมถึง วิ่ง (ทั้งวิ่งจับเวลา, วิ่งสลับความเร็ว), วิ่งแบบรักษาความเร็ว , เดินแบกเป้พร้อมเป้น้ำหนักถ่วง และบางครั้งก็มีการว่ายน้ำ หรือคาร์ดิโออื่นๆ ที่ไม่กระแทกข้อต่อ

  • ความฟังก์ชันของร่างกาย (Functional Fitness): เป็นการออกกำลังกายที่เลียนแบบการเคลื่อนไหวในชีวิตจริง และเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับความท้าทายทางกายภาพที่หลากหลาย เช่น เบอร์พี, ลังจ์, วิ่งสลับทิศทางและการฝึกความคล่องตัวต่างๆ

  • ความแข็งแรงแกนกลางลำตัว (Core Strength): การฝึกแกนกลางลำตัวอย่างเข้มข้น แพลงก์ , ซิทอัพ , ยกขา (Leg Raises) เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงของร่างกายและช่วยป้องกันการบาดเจ็บ

  • การเคลื่อนไหวและความยืดหยุ่น (Mobility and Flexibility): การวอร์มอัพ คูลดาวน์ และการยืดเหยียด/ฝึกการเคลื่อนไหวโดยเฉพาะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการฟื้นตัวและป้องกันการบาดเจ็บ


หัวใจของและเคล็ดลับการฝึก

  • ค่อยๆ เพิ่มความหนัก (Progressive Overload): โปรแกรมจะค่อยๆ เพิ่มความเข้มข้น ปริมาณ (จำนวนเซ็ต/ครั้ง/ระยะทาง) หรือความยาก ตลอด 30 วัน เพื่อท้าทายร่างกายอย่างต่อเนื่องและกระตุ้นให้ร่างกายปรับตัว

  • ความเข้มข้นสูง (High Intensity): การออกกำลังกายมักถูกออกแบบมาให้ท้าทาย ผลักดันผู้ผึกทำให้ถึงขีดจำกัด

  • ตารางที่วางแผนไว้ (Structured Schedule): โดยทั่วไปจะมีการฝึก 4-6 วันต่อสัปดาห์ และมีวันพักฟื้นที่จัดสรรไว้อย่างชัดเจน

  • ไม่เหมาะสำหรับมือใหม่เอี่ยม: โปรแกรมที่ได้รับแรงบันดาลใจจากหน่วยรบพิเศษหลายโปรแกรมออกแบบมาสำหรับคนที่มีพื้นฐานความฟิตอยู่แล้ว เพราะมีความเข้มข้นมาก มือใหม่อาจจะต้องปรับลดความหนักของท่าออกกำลังกาย หรือเริ่มจากโปรแกรมพื้นฐานกว่านี้ก่อน

  • เน้นท่าทางที่ถูกต้อง: ด้วยความเข้มข้นของโปรแกรม การเน้นที่ท่าทางที่ถูกต้อง เป็นสิ่งสำคัญที่สุดเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ

    ฟังเสียงร่างกายตัวเอง: การพักผ่อนโภชนาการ และการดื่มน้ำที่เพียงพอเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการฟื้นตัวและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

โปรแกรมปั้นหุ่นสไตล์ทหารหน่วยรบพิเศษ คู่มือฝึก 30 วัน

ท่าในออกกำลังกายที่ใช้ในการฝึกมีหลากหายท่าคุณสามารถดูท่าทั้งหมดได้ที่
>>68 ท่าออกกำลังกายหน่วยรบพิเศษ<<

 

สัปดาห์ที่ 1: ฝึกพื้นฐานและโฟกัสฟอร์ม

     โปรแกรมนี้มุ่งพัฒนาความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ความอดทนของหัวใจและหลอดเลือด และความคล่องตัว ผสมผสานการวิ่ง ฝึกความแข็งแรง เสริมสร้างแกนกลางลำตัว และความคล่องตัวได้อย่างลงตัว เน้นบริหารทั้งกล้ามเนื้อส่วนบน ส่วนล่าง และแกนกลางลำตัว ความเข้มข้นหลากหลายช่วยพัฒนาทั้งความอดทนและพลังงาน

สัปดาห์ที่ 1: ฝึกพื้นฐานและโฟกัสฟอร์ม

วันรายละเอียดการออกกำลังกาย
(ปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม)
ข้อแนะนำและการพัฒนา
1
  • วิ่ง: วิ่งในความเร็วที่ ประมาณ 4.8 กิโลเมตร
  • Plank: ค้างไว้ 60 วินาที X 3 เซ็ต
  • Leg Raises: 20 ครั้ง X 3 เซ็ต
  • Russian Twists: บิดตัวข้างละ 20 ครั้ง X 3 เซ็ต
  • Supermans: 15 ครั้ง X 3 เซ็ต
เน้นวิ่งให้ได้จังหวะคงที่สม่ำเสมอ
แกนกลางลำตัว เน้นการเคลื่อนไหวช้าๆ และควบคุมทุกส่วนให้ดี
2
  • Push-ups: ทำให้ได้มากที่สุดในแต่ละเซ็ต X 3 เซ็ต
  • Pull-ups: ทำให้ได้มากที่สุดในแต่ละเซ็ต X 3 เซ็ต
  • DB Rows: ดึงดัมเบลข้างละ 12 ครั้ง X 3 เซ็ต
  • Overhead Press : 10 ครั้ง X 3 เซ็ต
  • Dips: ทำให้ได้มากที่สุดในแต่ละเซ็ต X 3 เซ็ต
  • Battle Ropes หรือ KB Swings: ทำต่อเนื่อง 10 นาที ในสไตล์ HIIT
ถ้ายังไม่เคยโหนบาร์ให้ลองทำแบบ Negative Pull-ups คือกระโดดตัวขึ้นไปค้างไว้แล้วค่อยๆ ผ่อนตัวลงช้าๆ หรือใช้ เครื่องช่วย/ยางยืดช่วย
ทุกท่ายกน้ำหนัก/บริหาร: ให้ความสำคัญกับ ฟอร์มที่ถูกต้องที่สุด เป็นอันดับแรก

3

  • วิ่งในความเร็วปานกลางประมาณ 3.2 กิโลเมตร
  • เดินแบกเป้ : ประมาณ 4.8 กิโลเมตร โดยแบกเป้น้ำหนัก ประมาณ 4.5-6.8 กิโลกรัม ถ้าไม่มีเป้: แค่ เดินเร็วๆ เป็นระยะทางเท่ากันก็ได้
ตอนเดินแบกเป้ : ให้ รักษาท่าทางที่ดีหลังตรง,ไหล่ไม่ห่อ เริ่มด้วยน้ำหนักเป้ที่ เบาลง และระยะทางที่ สั้นลง ก่อน
4
  • Bodyweight Squats: 15 ครั้ง X 3 เซ็ต
  • Lunges: ข้างละ 10 ครั้งX 3 เซ็ต
  • Glute Bridges: 15 ครั้ง X 3 เซ็ต
  • Step-ups: ข้างละ 10 ครั้งX 3 เซ็ต
  • Calf Raises: 20 ครั้ง X 3 เซ็ต
  • Crunches: 20 ครั้งX 3 เซ็ต
  • Flutter Kicks: ข้างละ 20 ครั้ง X 3 เซ็ต
  • Side Planks: ค้างไว้ข้างละ 45 วินาที X 3 เซ็ต
สควอทและลังจ์ ทำให้สุด ทุกช่วงการเคลื่อนไหว ย่อตัวลงให้ลึกที่สุดเท่าที่ทำได้โดยที่ฟอร์มยังถูกต้อง
และเน้นการบริหารกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวใน หลายทิศทาง เช่น บิดตัว งอตัวไปด้านข้าง
5
  • วิ่งสปรินต์ 100 เมตร ให้เร็วเกือบเต็มที่ 8 รอบ
  • พัก 100 เมตร ด้วยการเดินหรือจ็อกเบาๆ ระหว่างรอบ
  • ฝึกความคล่องตัว (Agility Drills) 15 นาที ด้วยการ
  • วิ่งกลับตัว : เช่น วิ่งไป 5 เมตร แตะพื้น วิ่งกลับ 10 เมตร แตะพื้น แล้ววิ่งกลับมาจุดเริ่มต้น (รูปแบบ 5-10-5)
  • วิ่งอ้อมกรวยแบบเลข 8
ตอนวิ่งเร็ว : เน้นใช้ แรงระเบิด เต็มที่เพื่อพุ่งตัวออกไป
ตอนฝึกความคล่องตัว เน้นการเคลื่อนไหวที่ รวดเร็วและควบคุมได้ อย่างแม่นยำ
6
  • พักน้อยที่สุดระหว่างท่าออกกำลังกาย และพัก
    90 วินาทีระหว่างรอบ
  • Burpees : 10 ครั้ง X 3 เซ็ต
  • Box Jumps: 10 ครั้ง X 3 เซ็ต
  • Mountain Climbers: ข้างละ 20 ครั้ง X 3 เซ็ต
  • Push-ups: ทำให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำไหวในแต่ละเซ็ต
  • Wall Sits : ค้างไว้ 60 วินาที X 3 เซ็ต
  • ภารกิจทดสอบใจ 
  • Plank: ค้างไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
ผลักดันตัวเองให้สุด แต่ต้องรักษาฟอร์มการออกกำลังกายให้ถูกต้อง
7เดินเบาๆ ยืดเหยียดเบาๆ นวดตัวด้วยโฟมโรลเลอร์ หรือพักผ่อนเต็มที่ไปเลยก็ได้จำเป็นต่อการซ่อมแซมกล้ามเนื้อและป้องกันการหมดไฟ อย่าลืม
ดื่มน้ำให้เพียงพอ

 

สัปดาห์ที่ 2: เพิ่มความเข้มข้น

    โปรแกรมฝึกนี้ ยอดเยี่ยมและท้าทายขึ้น อย่างชัดเจน เพื่อยกระดับสมรรถภาพทางกายภาพรอบด้านของคุณ ครอบคลุมทั้งความแข็งแรง ความอดทน และความคล่องตัว จุดเด่นเพิ่มความเข้มข้นของการฝึกความอดทน ยังคงความหลากหลายในการออกกำลังกายและบริหารกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย ทั้งส่วนบน ล่าง และแกนกลางลำตัว เพื่อพัฒนาสมรรถภาพองค์รวม เพิ่มความท้าทายให้กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว ซึ่งช่วยเสริมความแข็งแรงได้ดีเยี่ยม

 

สัปดาห์ที่ 2: เพิ่มความเข้มข้น

วันรายละเอียดการออกกำลังกาย
(ปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม)
ข้อแนะนำและการพัฒนา
8
  • วิ่ง ประมาณ 5.6 กิโลเมตร ด้วยความเร็วคงที่ และพยายาม ทำเวลาให้ดีกว่าสัปดาห์ที่แล้ว
  • Plank: ค้างไว้ 75 วินาที X 4 เซ็ต
  • Leg Raises: 25 ครั้ง X 4 เซ็ต
  • Russian Twists : บิดตัวข้างละ 25 ครั้ง
    X 4 เซ็ต
  • Supermans : 20 ครั้ง X 4 เซ็ต
การวิ่งพยายาม เพิ่มความเร็ว หรือ เพิ่มระยะทาง ขึ้นอีกเล็กน้อย
ท่าบริหารแกนกลางลำตัว เพิ่มจำนวนครั้ง หรือเวลาในการค้างท่าให้มากขึ้น
9
  • Push-ups: ทำให้ได้มากที่สุดเท่าที่ไหวในแต่ละเซ็ต X 4 เซ็ต
  • Pull-ups : ทำให้ได้มากที่สุดเท่าที่ไหวในแต่ละเซ็ต หรือใช้เครื่องช่วย/ยางยืดช่วยก็ได้ X 4 เซ็ต
  • DB Rows: ดึงดัมเบลข้างละ 12 ครั้ง (ใช้น้ำหนักที่ หนักขึ้นเล็กน้อย) X 4 เซ็ต
  • Overhead Press: 10 ครั้ง (ใช้น้ำหนักที่ หนักขึ้นเล็กน้อย) X 4 เซ็ต
  • Dips: ทำให้ได้มากที่สุดเท่าที่ไหวในแต่ละเซ็ต X 4 เซ็ต
  • Battle Ropes หรือ KB Swings : ทำต่อเนื่อง 12 นาที
ให้เพิ่มน้ำหนักเล็กน้อย หากใช้น้ำหนักตัว ให้ลองเพิ่มจำนวนครั้งหรือลดเวลาพัก

10

  • วิ่งประมาณ 4 กิโลเมตร ด้วยความเร็วปานกลาง
  • เดินแบกเป้ หรือเดินไกล: ประมาณ 6.4 กิโลเมตร โดยแบกเป้น้ำหนัก ประมาณ 6.8-9 กิโลกรัม หรือจะเลือกเส้นทางที่เป็น เนินเขาที่ท้าทาย เพื่อเดินก็ได้
เน้นการเดินแบกเป้ / เดินไกล: พยายามรักษา ความเร็วที่สม่ำเสมอแม้จะเพิ่มน้ำหนัก หรือความท้าทายของเส้นทางก็ตาม
11
  • Goblet Squats : 15 ครั้ง x 4 เซ็ต
  • Walking Lunges: ข้างละ 12 ครั้ง x 4 เซ็ต
  • Romanian Deadlifts: 10-12 ครั้ง x 4 เซ็ต
  • Box Jumps: 10 ครั้ง x 4 เซ็ต
  • Glute Bridges: 15 ครั้ง x 4 เซ็ต
  • Ab Rollouts: 10-15 ครั้ง x 4 เซ็ต
  • Bicycle Crunches : ข้างละ 20 ครั้ง x 4 เซ็ต
  • แพลงก์ท่าต่างๆ (Plank variations): เพื่อเพิ่มความท้าทาย ค้างไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
ถ้ามีเคตเทิลเบลล์หรือดัมเบล ให้ลองเพิ่มท่า Goblet Squats เข้าไปในการฝึก
เน้นการเคลื่อนไหวที่ควบคุมได้: ทำทุกท่าด้วยความตั้งใจ ไม่รีบร้อน
12
  • วิ่งสปรินต์ 150 เมตร ให้เร็วที่สุด 10 รอบ พัก 150 เมตร ระหว่างรอบ โดยการเดินหรือจ็อกเบาๆ เพื่อฟื้นตัว
  • Agility Drills 20 นาทีด้วยการ
  • Shuttle runs: วิ่งไป-กลับระหว่างจุดที่กำหนด
  • วิ่งซิกแซกหรือเปลี่ยนทิศทางตามกรวย
  • เพิ่มท่า Burpee Broad Jumps: ทำ 8-10 ครั้ง ทำเบอร์พีเสร็จแล้วกระโดดไปข้างหน้าให้ไกลที่สุด
เรื่องการวิ่งเร็ว เพิ่มระยะทางในการวิ่งให้ไกลขึ้น
เรื่องความคล่องตัว (Agility): เพิ่มท่าฝึกที่ต้องเคลื่อนไหวแบบพลิกแพลงและใช้แรงมากขึ้น
13
  • พักน้อยที่สุดระหว่างท่า และพัก 60 วินาทีระหว่างรอบ
  • Burpees : 12 ครั้ง x 4 เซ็ต
  • Jump Squats: 15 ครั้ง x 4 เซ็ต
  • Renegade Rows: ข้างละ 10 ครั้ง x 4 เซ็ต
  • Mountain Climbers: ข้างละ 25 ครั้ง x 4 เซ็ต
  • Commando Planks: 15 ครั้ง x 4 เซ็ต
  • Incline Push-ups: ทำให้ได้มากที่สุดในแต่ละเซ็ต  x 4 เซ็ต
  • ภารกิจทดสอบความแกร่งด้วยการ 
  • หลังจากทำวงจรออกกำลังกายเสร็จแล้ว ให้ ทำเบอร์พี 50 ครั้งจับเวลา (ทำเท่าที่ไหวในแต่ละเซ็ตจนกว่าจะครบ 50 ครั้ง)
ลดเวลาพักระหว่างรอบการออกกำลังกายให้น้อยลง
ลองเพิ่ม ท่าออกกำลังกายแบบใหม่ๆ หรือท่าที่หลากหลายยิ่งขึ้น
14เดินเบาๆ ยืดเหยียดเบาๆ นวดผ่อนคลายด้วยโฟมโรลเลอร์ หรือพักผ่อนเต็มที่ไปเลยก็ได้ถ้าเหนื่อยล้ามาก พักผ่อนให้เพียงพอ
ให้ความสำคัญกับการนอนหลับการนอนพอช่วยให้ฟื้นตัวได้ดีที่สุด

 

สัปดาห์ที่ 3: ก้าวข้ามขีดจำกัด

     โปรแกรมนี้ออกแบบมาเพื่อผลักดันขีดจำกัดสมรรถภาพทางกายภาพของคุณสู่ระดับที่สูงขึ้น ครอบคลุมทั้งความแข็งแรง ความอดทน และความคล่องตัวที่ท้าทายยิ่งขึ้น มีการใช้หลักการ Progressive Overload ชัดเจน ด้วยการเพิ่มระยะทาง ความเข้มข้น จำนวนครั้ง/เซ็ต น้ำหนัก และความซับซ้อนของท่า ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน โปรแกรมยังคงจุดเด่นด้านความหลากหลายและการครอบคลุมกล้ามเนื้อที่สมบูรณ์ ทำให้ทุกส่วนของร่างกายได้รับการกระตุ้นอย่างเต็มที่

 

สัปดาห์ที่ 3: ก้าวข้ามขีดจำกัด

วันรายละเอียดการออกกำลังกาย
(ปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม)
ข้อแนะนำและการพัฒนา
15
  • วิ่งประมาณ 6.4 กิโลเมตร ด้วย ความเร็วคงที่ และเพิ่มความเข้มข้น ให้มากขึ้น
  • Plank : ค้างไว้ 90 วินาที x 5 เซ็ต
  • Hanging Leg Raises : 15-20 ครั้ง x 4 เซ็ต
  • Cable Crunches : 15-20 ครั้ง x 4 เซ็ต
  • V-ups: 15 ครั้ง x 4 เซ็ต
ตั้งเป้าที่จะวิ่งด้วย ความเร็วที่แข็งแกร่งขึ้น หรือ ระยะทางที่ไกลขึ้น
แกนกลางลำตัว ถ้าทำได้ ลองเพิ่มท่า ยกขาห้อยตัว (Hanging Leg Raises) เข้าไปในการฝึก
16
  • Decline Push-ups: ทำให้มากที่สุดในแต่ละเซ็ต x 5 เซ็ต
  • Pull-ups: ทำให้มากที่สุดในแต่ละเซ็ต x 5 เซ็ต
  • DB Bench Press: 8-10 ครั้ง x 5 เซ็ต
  • Military Press: 8-10 ครั้ง x 5 เซ็ต
  • Weighted Dips: ทำให้มากที่สุดในแต่ละเซ็ต x 5 เซ็ต
  • Rowing Machine: ทำ 15 นาที แบบ หนักสลับเบา (HIIT)
ถ้าใช้น้ำหนัก เพิ่มน้ำหนัก ในการยกให้มากขึ้น
ถ้าใช้น้ำหนักตัว ตั้งเป้าที่จะทำจำนวนครั้งให้มากขึ้น โดย ไม่ใช้อุปกรณ์ช่วย
ปิดท้ายการออกกำลังกาย: ทำให้ เข้มข้น ยิ่งขึ้น
17
  • วิ่ง ประมาณ 4.8 กิโลเมตร ด้วยความเร็วที่เร็วกว่าเดิม
  • เดินแบกเป้ หรือเดินไกล ประมาณ 8 กิโลเมตร โดยแบกเป้น้ำหนัก ประมาณ 9-11.3 กิโลกรัม ถ้าเป็นไปได้ ให้เลือกเดินใน พื้นที่ไม่เรียบหรือมีอุปสรรคเพื่อเพิ่มความท้าทาย
เพิ่มความเร็ว ในการวิ่งให้มากขึ้น
การเดินแบกเป้ เพิ่มน้ำหนัก ในเป้ และ เพิ่มระยะทาง
ในการเดิน
18
  • Barbell Back Squats: 8-10 ครั้ง x 5 เซ็ต
  • Reverse Lunges: ข้างละ 10 ครั้ง (ถือน้ำหนักด้วย) x 5 เซ็ต
  • Romanian Deadlifts: 8-10 ครั้ง (ใช้น้ำหนักที่หนักขึ้น) x 5 เซ็ต
  • Pistol Squat progressions: ข้างละ 5-8 ครั้ง หรือจัมพ์สควอท 15 ครั้ง แทนก็ได้ ถ้าพิสทอลสควอทยังยากไป
  • Toes-to-Bar : 10-15 ครั้ง x 5 เซ็ต
  • Dragon Flags : ลองทำ 5-8 ครั้ง x 5 เซ็ต
  • Weighted Russian Twists: บิดตัวข้างละ 20 ครั้ง (ถือน้ำหนักด้วย) x 5 เซ็ต
เพิ่มท่าออกกำลังกายแบบ Compound ที่ใช้น้ำหนักมากขึ้น
ท้าทายแกนกลางลำตัวด้วยท่าที่ยากขึ้น ลองทำท่าบริหารแกนกลางลำตัวที่ต้องใช้ความแข็งแรงและการควบคุมมากขึ้น
19
  • วิ่งสปรินต์ 200 เมตร ให้เร็วที่สุด 12 รอบ
  • พัก 100 เมตร ระหว่างรอบ (โดยการเดินหรือ
    จ็อกเบาๆ เพื่อฟื้นตัว)
  • ฝึกความคล่องตัว 20-25 นาที โดยการ
  • วิ่งซิกแซกผ่านกรวย หรือเปลี่ยนทิศทางบ่อยๆ
  • วางบันไดลิงบนพื้น แล้วก้าวขาไปตามช่องอย่างรวดเร็วและแม่นยำ
  • Burpee Box Jumps : ทำท่าเบอร์พีเสร็จแล้วกระโดดขึ้นกล่องต่อทันที
วิ่งในระยะทางที่ไกลขึ้น และลดเวลาพักระหว่างรอบให้น้อยลง
เรื่องความคล่องตัว เพิ่มรูปแบบการฝึกที่ซับซ้อนและท้าทายมากขึ้น
20
  • ออกกำลังกายทั่วร่างกาย (ทำ 4-5 รอบ, เน้นความเข้มข้นสูง, พักน้อยที่สุด):
  • Burpee Pull-ups: 8-10 ครั้ง (ถ้าทำได้)
    x 5 เซ็ต
  • Clean & Press: 10-12 ครั้ง (ใช้ดัมเบลหรือเคตเทิลเบลล์) x 5 เซ็ต
  • Box Jumps : 12 ครั้ง x 5 เซ็ต
  • Plank Jacks : 20 ครั้ง x 5 เซ็ต
  • Sprawls : 15 ครั้ง x 5 เซ็ต
  • Turkish Get-ups : ข้างละ 3-5 ครั้ง x 5 เซ็ต
  • ภารกิจทดสอบความแกร่ง 
  • ทำ Burpees สลับกับ Mountain Climbers ติดต่อกันแบบไม่หยุด 5 นาที ให้เต็มที่ที่สุดเท่าที่จะทำได้
เพิ่มท่าออกกำลังกายทั่วร่างกายที่ซับซ้อนขึ้น
ทุ่มเทเต็มที่ ไม่ย่อท้อในระหว่างการทำ Grit Challenge
21เดินเบาๆ ยืดเหยียดเบาๆ นวดตัวด้วยโฟมโรลเลอร์ หรือจะพักผ่อนแบบเต็มที่ไปเลยก็ได้สัปดาห์นี้ให้เน้นการฟื้นตัวและโภชนาการ เป็นพิเศษเพราะคุณออกกำลังกายมาอย่างหนักหน่วงแล้ว

 

 

สัปดาห์ที่ 4: ดึงประสิทธิภาพสูงสุดและการทดสอบจิตใจ

     โปรแกรมการฝึกขั้นสูงที่ท้าทายและครบวงจร เพื่อผลักดันสมรรถภาพทางกายภาพของคุณให้ถึงขีดสุดในทุกมิติ ทั้งความแข็งแรงสูงสุด พลัง ความอดทน และความคล่องตัว โปรแกรมนี้ใช้หลัก Progressive Overload ที่เข้มข้นขึ้นอย่างชัดเจน มีการเพิ่มปริมาณการฝึก ความหนัก และความซับซ้อนของท่าอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีการนำ "การทดสอบ" และ "Benchmark Workout" อย่าง Murph มาใช้ ซึ่งเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการวัดความก้าวหน้าและกระตุ้นความแข็งแกร่งทางจิตใจ ข้อควรระวัง: ด้วยความเข้มข้นที่สูงมาก หากไม่ได้ฝึกมาอย่างต่อเนื่องและมีพื้นฐานที่ดี อาจมีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บสูง ควรฟังร่างกายตัวเองอย่างใกล้ชิดและไม่ฝืนหากรู้สึกเจ็บปวด

 

สัปดาห์ที่ 4: ดึงประสิทธิภาพสูงสุดและการทดสอบจิตใจ

วันที่รายละเอียดการออกกำลังกาย
(ปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม)
ข้อแนะนำและการพัฒนา
22
  • วิ่งประมาณ 8 กิโลเมตร โดยเน้นการวิ่งด้วย ความเร็วที่สม่ำเสมอและแข็งแกร่ง
  • Plank : ค้างไว้ 2 นาที x 5 เซ็ต
  • Leg Raises: 30 ครั้ง x 5 เซ็ต
  • Bicycle Crunches: ข้างละ 30 ครั้ง x 5 เซ็ต
  • Hollow Body Hold: ค้างไว้ 60 วินาที x 5 เซ็ต
ความอึดของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว: เน้นการค้างท่านานขึ้น หรือเพิ่มจำนวนครั้งให้มากขึ้น
23
  • Max Push-ups และ Max Pull-ups : เลือกทำ 1-2 เซ็ต เพื่อดูว่าคุณทำได้กี่ครั้งสูงสุด
  • Weighted Push-ups : 8-10 ครั้ง x 3 เซ็ต
  • Weighted Pull-ups : 5-8 ครั้ง x 3 เซ็ต
  • Heavy DB Rows: 8-10 ครั้ง x 3 เซ็ต
  • Heavy Overhead Press: 6-8 ครั้ง x 3 เซ็ต
  • ทำคาร์ดิโอหลายรูปแบบแบบ หนักมาก 15-20 นาที เช่น กระโดดเชือก, พายเรือ (เครื่อง Rowing), หรือ เบอร์พี
ทดสอบดูว่าคุณพัฒนาความแข็งแรงของร่างกายส่วนบนไปได้มากแค่ไหน
ออกแรงให้หนักที่สุดในช่วงท้ายของการออกกำลังกาย
24
  • วิ่งประมาณ 5.6 กิโลเมตร โดยเพิ่มความเร็วให้เร็วกว่าเดิม
  • เดินประมาณ 9.6 กิโลเมตร โดยแบกเป้น้ำหนัก 11.3-13.6 กิโลกรัม หรือจะเลือกเส้นทางที่เป็นเนินเขาที่ท้าทายเพื่อเดินแบกเป้ หรือเดินไกลก็ได้
เร่งความเร็ว ขึ้นอีก และหาเส้นทางที่ท้าทายมากขึ้น เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง
25
  • Max Squat : ทดสอบสควอทว่าคุณทำได้อาจใช้น้ำหนักตัว หรือยกน้ำหนัก ว่าได้สูงสุดเท่าไหร่
  • Heavy Back Squats: 6-8 ครั้ง (ใช้น้ำหนักที่มากที่สุด x 2 เซ็ต) (ลดน้ำหนักลงมา x 3 เซ็ต)
  • Heavy Deadlifts : 5-8 ครั้ง (ใช้น้ำหนักที่มากที่สุด x 2 เซ็ต) (ลดน้ำหนักลงมา x 3 เซ็ต)
  • Weighted Lunges : ข้างละ 10 ครั้ง (ใช้น้ำหนักที่มากที่สุด x 2 เซ็ต) (ลดน้ำหนักลงมา x 3 เซ็ต)
  • Box Jumps for height : กระโดดขึ้นกล่องให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้
  • Plank Saws: 20 วินาที x 5 เซ็ต
  • Side Plank Dips: ข้างละ 15 วินาที x 5 เซ็ต
  • GHD Sit-ups: 15 ครั้ง x 5 เซ็ต
ทดสอบดูว่าคุณพัฒนาความแข็งแรงของร่างกายส่วนล่างไปได้มากแค่ไหน
ทำท่าบริหารแกนกลางลำตัวที่ต้องมีการเคลื่อนไหวร่วมด้วย เพื่อเพิ่มความมั่นคงและความแข็งแรงในการทรงตัว
26
  • วิ่งสปรินต์ 200 เมตร (วิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้) 12-15 รอบ
  • พัก 60-90 วินาที ระหว่างรอบ (อาจจะเดินหรือจ็อกเบาๆ เพื่อพัก)
  • ฝึกความคล่องตัว 25-30 นาทีด้วยการ
  • ผสมผสานการ วิ่งเร็ว, กระโดด, คลาน, และเบอร์พี
เร่งความเร็วให้ถึงขีดสุด ในทุกการวิ่งสปรินต์
ออกแบบท่าฝึกความคล่องตัวที่เชื่อมโยงกันอย่างไม่หยุดพัก เพื่อเพิ่มความเข้มข้นและความท้าทาย
27ทำ Murph ด้วยการ
  • โหนบาร์ 100 ครั้ง
  • วิดพื้น 200 ครั้ง
  • สควอท 300 ครั้ง
  • วิ่ง 1.6 กิโลเมตร
  • คุณสามารถ แบ่งจำนวนครั้ง ของท่าโหนบาร์ วิดพื้น และสควอทได้ตามที่ต้องการ เช่น ทำ 20 รอบ โดยแต่ละรอบประกอบด้วย โหนบาร์ 5 ครั้ง, วิดพื้น 10 ครั้ง, และสควอท 15 ครั้ง
  • หลังจากทำ Murph เสร็จแล้ว ให้ Wall Sit ค้างไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
นี่คือบททดสอบขั้นสุดยอดทั้งทางร่างกายและจิตใจของคุณตลอด 30 วันนี้ ห้ามยอมแพ้เด็ดขาด ใช้ตัวจับเวลาด้วย
28เดินเบาๆ ยืดเหยียดเบาๆ ใช้โฟมโรลเลอร์ช่วยคลายกล้ามเนื้อ หรือจะพักผ่อนเต็มที่ก็ได้สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการฟื้นตัว หลังจากสัปดาห์ที่หนักหน่วง
29พักฟื้นแบบสบายๆ พักผ่อนเต็มที่เดินเบาๆ ยืดเหยียดเบาๆ นวดด้วยโฟมโรลเลอร์ หรือพักผ่อนแบบเต็มที่ ไปเลยให้คุณทำกิจกรรมเบาๆ เพื่อฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง เช่น การเดินเบาๆ ยืดเหยียดกล้ามเนื้อเบาๆ ใช้โฟมโรลเลอร์นวดตัว หรือพักผ่อนเต็มที่
30ลองทดสอบซ้ำ ตัวเลขสำคัญบางอย่าง เช่น วิดพื้นได้สูงสุดกี่ครั้ง แพลงก์ค้างได้นานแค่ไหน เวลาวิ่ง 1.6 กิโลเมตรจับเวลา เพื่อดูว่าพัฒนาขึ้นแค่ไหน
หรือจะเลือกทำ กิจกรรมเบาๆ สบายๆ ที่คุณชอบก็ได้
หลังจาก 30 วันของการฝึกหนัก ถึงเวลาทบทวนและฉลองความสำเร็จ
ใช้พื้นฐานที่แข็งแรงนี้ต่อยอดสู่เป้าหมายใหม่ อาจเพิ่มความท้าทาย รักษาสมดุล หรือเน้นการฟื้นตัว

 

การออกกำลังกายอย่างเดียวอาจไม่พอ ถ้าอยากฟิตเต็มร้อยต้องใส่ใจเรื่องเหล่านี้ด้วย

  • โภชนาการต้องดี : กินอาหารธรรมชาติ เน้นโปรตีนไม่ติดมัน คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ไขมันดี และผักผลไม้เยอะๆ
  • ดื่มน้ำให้พอ: จิบน้ำเรื่อยๆ ตลอดทั้งวัน อย่าให้ขาด
  • เลี่ยงอาหารแปรรูป: ลดอาหาร เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเยอะ และไขมันที่ไม่ดี
  • นอนให้พอ 7-9 ชั่วโมง:การนอนหลับเป็นช่วงเวลาทองที่ร่างกายจะฟื้นตัวและปรับปรุงตัวเอง
  • ผ่อนคลายบ้าง: การฝึกหนักๆ อาจทำให้ร่างกายเครียด ลองหาวิธีผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิ หรือฝึกหายใจลึกๆ
  • ฟังเสียงร่างกายตัวเอง: ถ้ามีอาการเจ็บปวดแปล๊บๆ หรือผิดปกติ ให้หยุดทันที อย่าฝืน เพราะอาจทำให้บาดเจ็บหนักจนต้องพักยาวเป็นสัปดาห์
  • พักผ่อนคือสิ่งสำคัญ: ยอมหยุดพักเพิ่ม 1 วัน ดีกว่าต้องหยุดไปนานๆ เพราะบาดเจ็บ
  • ความแข็งแกร่งทางใจ : การฝึกหน่วยรบพิเศษไม่ได้เน้นแค่ร่างกาย แต่ใจก็สำคัญไม่แพ้กัน
  • ฝึกความอดทน: ลองฝืนตัวเองให้ผ่านความไม่สบายตัวไปให้ได้ ตั้งเป้าหมายเล็กๆ แล้วลองจินตนาการถึงความสำเร็จดูเพื่อสร้างแรงจูงใจ

 

บทความที่คุณอาจสนใจ

ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
สัมผัสโลกไร้ขีดจำกัดกับทรูไอดี