ใครจะได้ไป!! ศึกชิงตั๋ว UCL กับโปรแกรมพรีเมียร์ลีก 2 นัดสุดท้าย

แม้ว่าศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ จะได้บทสรุปทีมแชมป์ ที่ตกเป็นของ สโมสรลิเวอร์พูล และ 3 ทีมตกชั้นไปเป็นที่เรียบร้อย อันประกอบไปด้วย อิปสวิช ทาวน์, เลสเตอร์ ซิตี้ และ เซาธ์แฮมป์ตัน
แต่ในช่วงโปรแกรมนับถอยหลัง 2 เกมสุดท้าย ใจความสำคัญอยู่ที่การไล่ล่าตั๋วลุยศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ถ้วยใบใหญ่ของยุโรป ที่มีเงินรางวัลมหาศาลรออยู่ให้แต่ละสโมสรนำไปต่อยอดเสริมแกร่งยกระดับทีมให้สูงขึ้นจากเดิม
ไม่แปลกใจที่ทำไมแต่ละสโมสรต่างก็มีเป้าหมายกับการคว้าตั๋วไปเล่นฟุตบอลรายการนี้กันทั้งนั้น เพราะด้วยมูลค่าเม็ดเงินที่จะได้รับ มันสามารถยกระดับทีมหรือเรียกให้นักเตะบิ๊กเนมตอบรับที่จะย้ายมาค้าแข้งกับสโมสรได้เลย
ในช่วงโปรแกรมนับถอยหลัง 2 นัดสุดท้าย กับ 6 คะแนนเต็มที่ให้ไล่ล่า จึงเป็นเหมือนเกมนัดชิงชนะเลิศก็ว่าได้ เพราะหากทีมไหนสามารถไปถึงฝัน ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ประสบความสำเร็จ แม้ว่าจะไม่เทียบเท่ากับตำแหน่งแชมป์ก็ตาม
ในฤดูกาลหน้า โควต้ายูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ของอังกฤษ จะได้สิทธิ์ถึง 5 ทีม คืออันดับ 1-5 ในตารางคะแนน(ไม่รวบทางลักยูโรป้า) ถ้าตัดทีมแชมป์ออกไป เท่ากับว่าเหลือที่ว่างอีก 4 ที่ให้แต่ละทีมได้แย่งชิง ซึ่ง ณ เวลานี้มี 6 สโมสรที่พัวพันกับพื้นที่ยุโรป ประกอบไปด้วย อาร์เซน่อล, นิวคาสเซิ่ล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เชลซี, แอสตัน วิลล่า และ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์
6 สโมสรที่กล่าวมาข้างต้น ยังไม่มีทีมใดการันตีคว้าสิทธิ์ แม้แต่รองจ่าฝูงอย่าง อาร์เซน่อล ก็ตาม เพราะแต้มของแต่ละทีมมีโอกาสพลิกกันได้หมดในช่วง 2 นัดสุดท้าย
นี่จะเป็น 2 เกมแห่งการชี้ชะตาว่าใครจะได้ไป UCL เราจะไปไล่เรียงกันดูว่าบรรดา 6 สโมสรที่อยู่ในข่ายนั้น ทีมใดจะมีโอกาสมากกว่ากันกับการได้สิทธิ์นั้นมาครอบครอง
อาร์เซน่อล (โปรแกรม 2 นัดสุดท้าย : เปิดบ้านเจอ นิวคาสเซิ่ล, เยือน เซาธ์แฮมป์ตัน)
รองจ่าฝูง ณ เวลานี้ ถือเป็นทีมที่กุมความได้เปรียบเอาไว้มากที่สุด เพราะพวกเขาต้องการอีกเพียงแค่ 3 คะแนน คือขอแค่ชนะอีกแค่เกมเดียวก็จะการันตีไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลหน้าทันที ซึ่งดูจากสิ่งที่ มิเกล อาร์เตต้า รังสรรค์มาตลอดตั้งแต่ต้นฤดูกาล ทั้งคุณภาพทีม รูปแบบการเล่น ก็ไม่น่าจะเพลียงพล้ำถึงขนาดหลุดวงโคจร
แม้ตำแหน่งรองจ่าฝูงอาจจะมีสั่นคลอน แต่ถ้าเกิดความผิดพลาดถึงขนาดหลุดท็อปไฟว์ก็เป็นอะไรที่ไม่น่าให้อภัย และคงต้องบอกว่าพวกเขาไม่คู่ควรกับมันจริง ๆ ถ้าเหตุการณ์ 2 นัดที่เหลือจะเลวร้ายขนาดนั้น
ยิ่งเมื่อดูจากโปรแกรมของพวกเขาที่แม้ว่าเกมหน้าจะเจองานหนักกับ นิวคาสเซิ่ล ทีมอันดับ3 ที่ทำแต้มมาจ่อเหลือช่องว่างเพียง 2 คะแนน แต่การที่ทัพ "ปืนใหญ่" ได้เล่นในบ้าน ก็ยังมีข้อได้เปรียบ และถึงตอนนั้นนักเตะก็ได้พักมาเต็ม ๆ ถ้าว่ากันตามคุณภาพก็มีโอกาสเก็บชัยชนะได้ ยิ่งหากต้องการรักษาตำแหน่งรองแชมป์ให้อยู่ในมือ ก็ควรจะเช็กบิลด้วย 3 คะแนนไปเลย
หรือถ้ามองในแง่ร้าย หากพลาดท่าให้นิวคาสเซิ่ล พวกเขาก็ยังมีเกมสุดท้ายที่จะเจอบ๊วยอย่าง เซาธ์แฮมป์ตัน ที่แม้จะเป็นเกมเยือน ซึ่งก็มองถึงการเก็บชัยชนะได้ไม่ยาก แต่ก็อาจจะเสียตำแหน่งอันดับ2 ไปแล้ว สรุปคือ อาร์เซน่อล ได้กุมชะตาของตัวเองในช่วง 2 เกมสุดท้าย และพวกเขาจะทำได้สำเร็จตามเป้า ขอฟันธงว่าอาร์เซน่อล จะได้ตั๋ว UCL และจบรองแชมป์
นิวคาสเซิ่ล (โปรแกรม 2 นัดสุดท้าย : เยือน อาร์เซน่อล, เหย้า เอฟเวอร์ตัน)
นับเป็นปีทองของทัพ "สาลิกาดง" ภายใต้การคุมทัพของ เอ็ดดี้ ฮาว หลังพาทีมผงาดคว้าแชมป์แรกในรอบ 70 ปี กับการชูถ้วยคาราบาว คัพ ถือเป็นการปลดล็อกความสำเร็จที่แฟน ๆ "ทูนอาร์มี่" รอคอยมาอย่างยาวนาน ยิ่งถ้าบทสรุปสุดท้ายในพรีเมียร์ลีก พวกเขาสามารถจบด้วยการคว้าโควต้าไปลุยยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ก็ยิ่งนับเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมโดยสมบูรณ์แบบ
สถานการณ์ของ นิวคาสเซิ่ล ถือว่าสดใส หลังจากที่ช่วงหลังสามารถเค้นฟอร์มเก่งออกมา ประจวบเหมาะกับบรรดาคู่แข่งแย่งตั๋วมีผลงานดร็อปลงไป ทำให้เวลานี้พวกเขากุมชะตาเอาไว้ในมือตัวเอง มิหนำซ้ำยังเป็นโอกาสดีที่จะลุ้นเบียดแย่งรองแชมป์กับอาร์เซน่อล ซึ่งในเกมนัดหน้าที่โคจรมาเจอกันเอง ถ้าหากว่า นิวคาสเซิ่ล สร้างเซอร์ไพรส์บุกไปโค่นอาร์เซน่อล ก็ยิ่งตอกย้ำว่าพวกเขาดีพอกับตำแหน่งรองแชมป์โดยปริยาย
หรือแม้แต่สุดท้ายพวกเขาจะบุกพ่ายอาร์เซน่อล ทุกอย่างก็ยังอยู่ในกำมือตัวเองก่อนลงสนามนัดสุดท้ายกับ เอฟเวอร์ตัน แถมเป็นการลงเล่นในบ้านตัวเอง มองดูแล้วโอกาสตีตั๋วกลับไปลุย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อีกครั้งในรอบ 3 ปี เป็นไปได้สูงมาก
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (โปรแกรม 2 นัดสุดท้าย เหย้า พบ บอร์นมัธ, เยือน ฟูแล่ม)
ทัพ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ถือเป็นซีซั่นที่ขึ้น ๆ ลง ๆ หลังจากประสบความสำเร็จครองแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษมาได้ถึง 4 ฤดูกาลติดต่อกัน แต่ภาพรวมก็ยังถือว่ากลับมาอยู่ในเส้นทางที่จะได้ไปยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เต็มตัว แม้ล่าสุดจะพลาดท่าบุกไปทำได้เพียงแค่เสมอกับ เซาธ์แฮมป์ตัน ทีมบ๊วยของตาราง 0-0 ถือว่าเสียหายกับการทำ 2 แต้มหลุดมือ แต่ภาพรวมก็ยังสามารถกำหนดชะตาตัวเองได้อยู่
2 เกมสุดท้ายในพรีเมียร์ลีก ถือว่าไม่หนักหนาเท่าไร กับการเล่นในบ้านเจอ บอร์นมัธ ที่ช่วงหลังเริ่มมีแกว่งให้เห็น มองถึงการเก็บ 3 แต้มเต็มได้ ซึ่งสถานการณ์ของทีมเวลานี้ก็ถือว่าอยู่ในกำมือตัวเอง หากเก็บชัยชนะได้ทั้ง 2 นัดที่เหลือก็ไม่ต้องลุ้นอะไร จะการันตีตั๋วยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก แน่นอน
แม้ว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะมีศึกเอฟเอคัพ ให้พะวงอยู่บ้าง แต่ด้วยประสบการณ์ของทีมไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เชื่อว่าบทสรุปสุดท้ายทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะเป็นอีกหนึ่งทีมที่ได้ตั๋วไปลุยถ้วยใหญ่ของยุโรปในฤดูกาลหน้า
เชลซี (โปรแกรม 2 นัดสุดท้าย เหย้า พบ แมนฯ ยูไนเต็ด, เยือน น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์)
กลายเป็นทีมที่ต้องลุ้นเหนื่อยในช่วง 2 เกมสุดท้าย ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้มีโอกาสเช็กบิลไปนานแล้ว แต่ด้วยภาพรวมที่ลูกทีมของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า ไม่มีความคงเส้นคงวา บทจะดีก็ดีใจหาย บทจะดร็อปลงไปก็เล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานตัวเองไปดื้อ ๆ ยังดีที่ทุกอย่างยังอยู่ในมือตัวเอง กับโปรแกรม 2 นัดสุดท้ายที่จะได้เล่นในบ้านเจอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ไม่สนใจอะไรในลีกแล้ว สมาธิไปจดจ่อกับการลุ้นแชมป์ยูโรป้าเต็มที่ เพราะฉะนั้นถ้าว่ากันตามมาตรฐานก็มีโอกาสเก็บ 3 แต้มเต็มได้
หรือหากหลุดเสมอเกมสุดท้ายก็ยังเป็นโอกาสดีในการเจอกับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ คู่แข่งแย่งตั๋วโดยตรง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าถึงตรงนั้น ฟอเรสต์ จะยังมีลุ้นไปบอลถ้วยใหญ่ของยุโรปอยู่หรือไม่ แต่ถ้าว่ากันด้วยคุณภาพทีม มองยังไงเชลซี ก็ยังอยู่ในเส้นทางที่ดี แต่ปัญหาเดียวที่เพิ่งจะทำตัวเองไปก็คือการขาดหายไปของ นิโคลัส แจ็คสัน กองหน้าคนสำคัญ ที่ดันไปโดนใบแดงตรงไล่ออกจากสนาม ปิดฤดูกาลไปก่อนเพื่อเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าดาวยิงอย่างแจ็คสัน จะเอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่มีเขาในสนามยังไงก็ดีกว่าการที่ไม่มีอยู่แล้ว
แอสตัน วิลล่า (โปรแกรม 2 นัดสุดท้าย เหย้า สเปอร์ , เยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
ลูกทีมของ อูไน เอเมรี่ มีฤดูกาลที่สาหัสกับโปรแกรมที่ลงเล่นแบบถี่ ๆ ทั้งในลีกและบอลถ้วยใหญ่ของยุโรป ทำให้ผลงานมีดร็อปลงไปบ้าง แต่ภาพรวมก็ยังถือว่ามีโอกาสลุ้นไปลุยถ้วยใหญ่ของยุโรปเป็นฤดูกาลที่ 2 ติดต่อกัน หากแต่ว่าเกมที่เหลือจำเป็นจะต้องเก็บชัยชนะให้ได้ทั้งหมด แล้วไปลุ้นให้ทีมอันดับเหนือพวกเขาสะดุดให้บ้าง ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ทั้งหมด
2 เกมสุดท้ายที่จะเล่นในบ้านเจอ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ในนัดหน้า มองถึง 3 แต้มเต็มได้เลย ส่วนนัดสุดท้ายที่เยือน แมนฯยูฯ ก็มองถึงชัยชนะได้เช่นกัน ปัญหาคือชะตาของทีมไม่ได้ถูกกำหนดด้วยตัวเอง แต่ต้องยืมจมูกคนอื่นหายใจ บทสรุปสุดท้ายอาจจะเป็นฤดูกาลที่ผิดหวังได้ไปเล่นแค่ถ้วยรองของยุโรปอย่าง ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก
น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ (โปรแกรม 2 นัดสุดท้าย เยือน เวสต์แฮม, เหย้า เชลซี)
กลายเป็นทีมที่แผ่วปลายแล้วต้องมาลุ้นเหนื่อยหนักกับพื้นที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในช่วงโค้งสุดท้าย ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้พวกเขาครองอันดับ3 และรั้งพื้นที่ในโซนยุโรปมาอย่างยาวนาน แต่ก็ด้วยคุณภาพและประสบการณ์นักเตะ ที่ไม่สามารถยืนระยะได้ดีเท่าที่ควร การที่ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ สามารถพาทีมมาได้ไกลเพียงนี้ก็นับว่าดีเกินพอแล้ว
แม้บทสรุปสุดท้ายจะไม่ได้ไปถ้วยใบใหญ่ แต่ทีมอย่าง ฟอเรสต์ ที่เมื่อซีซั่นที่แล้วจบอันดับ17 ของตาราง จะถีบตัวเองขึ้นมาได้ไปลุยบอลถ้วยยุโรป ก็ถือเป็นผลงานที่เหนือความคาดหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากลองย้อนไปตอนต้นฤดูกาล แล้วมีใครมาบอกว่า ฟอเรสต์ จะได้ไปเล่นบอลยุโรป คงจะไม่มีใครเชื่อ
สุดท้ายมองว่า 5 ทีมที่ได้ไปเล่ย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ซีซั่นหน้า จะไม่มีอะไรพลิกไปจากอันดับในตารางตอนนี้ เหลือแต่อาจจะมีสลับตำแหน่งกันเองด้านบน อยู่ที่ว่าทีมไหนจะช่วงชิงจังหวะได้ดีกว่ากัน เผลอ ๆ อาจจะต้องตัดสินกันยันเกมสุดท้ายของฤดูกาล และดีไม่ดีอาจจะต้องเดือดร้อนไปวัดกันด้วยประตู้ได้เสียก็เป็นได้