อัล อาห์ลี VS บุรีรัมย์ 3-0 : ปราสาทสายฟ้าต้านไม่ไหว จอดรอบ 8 ทีม ACL อีลิท
อัล อาห์ลี VS บุรีรัมย์ : ผลบอล 3-0 | บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พลาดเสียประตูเร็ว 2 ลูกตั้งแต่ช่วง 6 นาทีแรกของเกมจากฝีเท้าของ ริยาด มาห์เรซ กับ กาเลโน่ ก่อนที่ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ จะมาบวกเพิ่มอีกลูกในนาที 30 ช่วยให้ อัล อาห์ลี ต้อนชนะขาดลอย 3-0 ผ่านเข้าสู่รอบตัดเชือก ศึกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก อีลิท ต่อไป ส่วนทีม "ปราสาทสายฟ้า" ต้องยุติเส้นทางไว้ที่รอบ 8 ทีมสุดท้าย
ฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก อีลิท 2024/25
อัล อาห์ลี เอฟซี 3-0 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
ศึกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก อีลิท (AFC CHAMPIONS LEAGUE ELITE 2024/25) รอบไฟนอล สเตจ 8 ทีมสุดท้าย ณ สนามคิง อับดุลลาห์ สปอร์ต ซิตี สเตเดียม เมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันเสาร์ที่ 26 เมษายน 2568 “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยอดทีมไทยลีก หนึ่งเดียวของสโมสรอาเซียน ที่เดินทางมาไกลถึงรอบนี้ ลงสนามพบกับ “สิงโตแห่งป้อมปราการ” อัล อาห์ลี เอฟซี ยอดทีมจากซาอุดีอาระเบีย ที่ยังไม่รู้จักการพ่ายแพ้มาตั้งแต่รอบกรุ๊ปสเตจ
GOAL!! นาทีที่ 4 สิงโตแห่งป้อมปราการ ไล่กดดันตั้งแต่แดนบนก่อนที่จะตัดบอล โรแบร์โต ฟีร์มิโน่ ได้บอลแล้วแทงเร็วเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวา ริยาด มาห์เรซ ได้ยิงด้วยขวาเท้าไม่ถนัดบอลพุ่งเสียบโคนเสาซ้ายมือเข้าประตูไป อัล อาห์ลี (ซาอุดี) เอฟซี ขึ้นนำ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 1-0
GOAL!! นาทีที่ 6 อัล อาห์ลี หลังจากได้ประตูขึ้นนำ ก็เปิดเกมบุกใส่ต่อ ก่อนที่ เวนเดอร์สัน กาเลโน จะได้บอลหลุดไปในกรอบเขตโทษด้านซ้าย แล้วตัดสินใจยิงบอลเรียดลอดหว่างขา นีล เอเธอร์ริดจ์ เข้าประตูไป สิงโตแห่งป้อมปราการ ขยับหนี ปราสาทสายฟ้า เป็น 2-0
นาทีที่ 10 ปราสาทสายฟ้า น่าจะได้ลูกที่จุดโทษ หลังจาก มาร์ติน โบอาเคีย ได้บอลหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งขวา แล้วไปโดน เมริห์ เดมิรัล สกัดล้มลง ผู้ตัดสินไม่รอช้าเป่าให้เป็นจุดโทษ ก่อนที่จะวิ่งไปดูจอ VAR ช่วยตัดสิน แล้วกลับมาเป่ายกเลิกจุดโทษ เพราะมองว่า มาร์ติน โบอาเคีย ไปเหยียบแนวรับก่อน
นาทีที่ 27 ยังคงเป็นเจ้าถิ่นที่ได้ลุ้นอันตรายอย่างต่อเนื่อง โรแบร์โต ฟีร์มิโน่ ได้หลุดไปยิงในกรอบเขตโทษ ทว่า นีล เอเธอร์ริดจ์ ออกจากเส้นไปเซฟบอลไว้ได้ทัน
GOAL!! นาทีที่ 30 เจ้าถิ่นได้เตะมุมทางซ้าย ริยาด มาห์เรซ เปิดบอลโค้งด้วยเท้าซ้ายข้างถนัดเข้าไปในกรอบเขตโทษ เมริห์ เดมิรัล เทกตัวขึ้นไปโหม่งบอลลอยไปที่เสาขวา โรแบร์โต ฟีร์มิโน่ วิ่งเข้าไปจิ้มบอลโล่ง ๆ เข้าประตูไป อัล อาห์ลี (ซาอุดี) เอฟซี 3-0 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
นาทีที่ 41 ปราสาทสายฟ้า ได้ขึ้นเกมทางซ้าย ศศลักษณ์ ไหประโคน จ่ายบอลสั้นให้ ปีเตอร์ ซูลจ์ ได้ตวัดบอลขึ้นไปด้านหน้าให้ เรเน่ เรนเนอร์ กระชากกินแดน แล้วจ่ายบอลเข้าเขตโทษให้ ปีเตอร์ ซูลจ์ ที่วิ่งตามมาจากด้านหลัง ได้ยิงบอลเหินข้ามคานออกหลังไป
นาทีที่ 45+4 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้ขึ้นเกมทางขวาก่อนที่จะมาได้ฟรีคิก ปีเตอร์ ซูลจ์ เปิดบอลโค้งด้วยเท้าซ้ายเข้าไปในกรอบ 6 หลา เสกสรรค์ ราตรี ได้วิ่งเข้าไปโหม่งบอล ทว่าบอลลอยไปเข้ามือ เอดูอาร์ เมนดี้ นายด่านเจ้าถิ่น ที่ยืนอยู่ตรงนั้นรับไว้ได้ทัน
จากนั้นไม่มีจังหวะลุ้นทำประตูแบบอันตราย ทำให้จบครึ่งเวลาแรก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ตามหลัง อัล อาห์ลี (ซาอุดี) เอฟซี อยู่ 0-3
กลับมาเล่นกันในครึ่งเวลาหลัง ทั้ง 2 ทีมยังไม่มีการปรับเปลี่ยนตัวผู้เล่น ยังคงใช้ผู้เล่น 11 คนแรก จากครึ่งแรกลงสนามมาสู้กัน
นาทีที่ 52 ริยาด มาห์เรซ ได้บอลในกรอบเขตโทษ ก่อนจะจ่ายย้อนออกไปให้ เอซกาน อลิโอสกี วิ่งเข้ามายิงจากแถวสอง บอลทะลุช่องตรงกรอบ ทว่า นีล เอเธอร์ริดจ์ ยืนอยู่ถูกที่รับบอลไว้ได้สบาย
นาทีที่ 81 ปราสาทสายฟ้า ได้เล่นสวนกลับ เรเน่ เรนเนอร์ แตะบอลให้ กิลเยร์เม บิสโซลี กระชากบอลจากแดนตัวเองขึ้นไปข้างหน้า ก่อนจะถูกผู้เล่นเจ้าถิ่นสกัดบอล ทว่าบอลเด้งไปเข้าทาง โกรัน เคาซิช เลี้ยงบอลขึ้นหน้าแล้วปาดไปทางขวาถึง ดิออน คูลส์ แต่งบอลเข้าเขตโทษจ่ายมาที่จุดนัดพบ แต่ก็ไปโดนผู้เล่นอัล อาห์ลี เตะสกัดบอลทิ้งบอลลอยผ่านเสาออกหลังไปแบบได้เสียว
นาทีที่ 83 ดิออน คูลส์ ได้บอลทางขวาตั้งป้อมเปิดบอลเข้ามาที่เสาแรกในกรอบ 6 หลา ศุภชัย ใจเด็ด วิ่งเข้าไปยิงติดบล็อกแนวรับเจ้าถิ่น บอลลอยข้ามคานออกหลังไปนิดเดียว
นาทีที่ 89 ปราสาทสายฟ้า เปลี่ยนตัวผู้เล่นคนสุดท้ายส่ง ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน นายด่านมากประสบการณ์ ที่เพิ่งหายเจ็บกลับมา ลงสนามไปแทน นีล เอเธอร์ริดจ์ ทำให้ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน กลายเป็นผู้เล่นที่อายุมากที่สุด 41 ปี 6 วัน ที่ได้ลงสนามในศึกฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก อีลิท 2024/25
จากนั้นไม่มีประตูเพิ่ม จบเกม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พ่าย อัล อาห์ลี 0-3 ส่งผลให้ ปราสาทสายฟ้า ยุติเส้นทางในฟุตบอลถ้วยใหญ่ที่สุดในเอเชีย ไว้เพียงแค่รอบ 8 ทีมสุดท้ายเท่านั้น
รายชื่อผู้เล่นทั้ง 2 ทีม
อัล อาห์ลี (ซาอุดี) เอฟซี : เอดูอาร์ เมนดี้ (GK), อาลี มัจญ์เราะชิ (โมฮัมเหม็ด บากอร์ ซูไลมาน น.83), เมริห์ เดมิรัล, โรเจอร์ อิบันเญซ, เอซกาน อลิโอสกี (มัตเตโอ ดัมส์ น.69), แฟรงก์ เกซิเย่, ซิยาด อัลโจฮานี่ (อเล็กซานเดอร์ ดา คอสต้า น.83), เวนเดอร์สัน กาเลโน, ริยาด มาห์เรซ, โรแบร์โต ฟีร์มิโน่ (C) (กาบรี้ เบย์ก้า น.69), อิวาน โทนีย์ (เฟราซ อัลบริกาน น.77)
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด : นีล เอเธอร์ริดจ์ (GK) (ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน น.89), เคอร์ติส กู๊ด, มาร์เซโล ญาโล, โก มยอง ซอก, เรเน่ เรนเนอร์, ดิออน คูลส์ (C), ศศลักษณ์ ไหประโคน (กิลเยร์เม บิสโซลี น.72), รัตนากร ใหม่คามิ (ลูคัส คริสปิม น.66), ปีเตอร์ ซูลจ์, เสกสรรค์ ราตรี (โกรัน เคาซิช น.66), มาร์ติน โบอาเคีย (ศุภชัย ใจเด็ด น.72)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
