
คู่มือรับมือเพื่อนร่วมงาน Toxic ให้งานเดิน สุขภาพจิตไม่เสีย ฉบับมืออาชีพ
การทำงานนับว่าเป็นการเข้าสังคมในอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งมักจะประกอบไปด้วยบุคคลหลายประเภท และหนึ่งในบุคลิกเพื่อนร่วมงานที่เป็นฝันร้ายของคนหลายๆ คนนั่นก็คือคน Toxic เพราะคนที่มีลักษณะแบบนี้มักส่งผลกับบรรยากาศการทำงาน ส่งผลกับเนื้องาน และส่งผลต่อสุขภาพจิตของคุณ แล้วจะมีวิธีการรับมืออย่างไรให้ทำงานได้อย่างราบรื่นอย่างไม่เกิดดราม่า TrueID Sport มีเคล็ดลับดีๆ มาฝากคุณกัน
คู่มือรับมือเพื่อนร่วมงาน Toxic ให้งานเดิน
สุขภาพจิตไม่เสีย ฉบับมืออาชีพ
1. ทำความรู้จักและเข้าใจ "เพื่อนร่วมงาน Toxic"
Toxic People คือผู้ที่แสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ซึ่งส่งผลลบต่อสุขภาพจิตและบรรยากาศการทำงาน พฤติกรรมเหล่านี้มักเกิดจากปัญหาทางอารมณ์หรือความไม่มั่นคงภายในของพวกเขาเอง ตัวอย่างลักษณะที่พบบ่อย
- นักสร้างดราม่า: ชอบ นินทา ขยายความขัดแย้ง หรือใช้เรื่องส่วนตัวเพื่อดึงดูดความสนใจ ทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจในทีม
- นักโยนความผิด: เมื่อเกิดปัญหาสิ่งแรกที่ทำคือโยนความรับผิดชอบ ให้ผู้อื่นหรือสถานการณ์เพื่อหลีกเลี่ยงการยอมรับความผิดของตัวเอง
- จอมอิจฉาและบั่นทอน: มักขี้อิจฉา และแสดงออกด้วยการพูดจาลดทอนความสำเร็จของคนอื่น เพื่อให้ตัวเองรู้สึกเหนือกว่า
- เหยื่อตลอดกาล: สวมบทบาทเป็นผู้ถูกกระทำอยู่เสมอ เพื่อหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ หรือต้องการให้คนอื่นมาสนใจคอยช่วยเหลือ
2. ผลกระทบของพฤติกรรม Toxic ทำไมต้องให้ความสำคัญ
พฤติกรรมเหล่านี้ส่งผลกระทบลึกซึ้งเกินกว่าความรำคาญ
- ผลเสียต่อสุขภาพจิต: ทำให้เราเกิดความเครียดสะสม วิตกกังวล และ หมดพลังในการทำงาน การถูกลดทอนคุณค่าบ่อย ๆ อาจทำให้เรา โทษตัวเอง และสูญเสียความมั่นใจ
- ผลกระทบต่อประสิทธิภาพงาน: ทำลายความไว้วางใจในทีม การสื่อสารติดขัดพลังงานถูกใช้ไปกับการ "จัดการอารมณ์" แทนการสร้างสรรค์ผลงาน ทำให้การทำงานร่วมกันลดลงอย่างมาก
- ผลกระทบต่อองค์กรโดยรวม: องค์กรจะสูญเสียคนเก่งและมีคุณภาพไป เนื่องจากต้องหนีจากบรรยากาศที่เป็นพิษ ซึ่งนำไปสู่วัฒนธรรมองค์กรที่เป็นลบในระยะยาว
3. สำรวจตัวเองว่าคุณเอง Toxic หรือไม่ ด้วยเช็กลิสต์เพื่อการปรับปรุงตนเอง
การเริ่มต้นที่ตัวเองคือความกล้าหาญ ลองสำรวจตัวเองอย่างเป็นกลางเพื่อดูว่าเรากำลังเผลอแสดงพฤติกรรมเป็นพิษโดยไม่รู้ตัวหรือไม่
ลองถามตัวเองตามความรู้สึกจริง ๆ ดังนี้
- เมื่อมีคนประสบความสำเร็จ: คุณรู้สึกยินดีจากใจจริงได้ทันที หรือคุณมักจะหาข้อบกพร่องของพวกเขามาคิดในใจก่อนเสมอ
- เมื่อมีปัญหา: คุณมักจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการบ่นหรือหาว่าใครผิด มากกว่าการมองหาวิธีแก้ไขหรือไม่
- ในการสนทนา: คุณปล่อยให้คนอื่นเล่าเรื่องของพวกเขาจนจบ หรือคุณมักจะแย่งพูด เพื่อเปลี่ยนเรื่องราวให้เป็นเรื่องของคุณบ่อย ๆ
- เมื่อแสดงความไม่พอใจ: คุณสื่อสารความต้องการอย่างชัดเจน หรือคุณมักจะใช้ การประชดประชัน หรือการเงียบเพื่อลงโทษคนอื่น
- ต่อหน้าเพื่อนร่วมงาน: คุณมักจะวิจารณ์การตัดสินใจของหัวหน้าหรือเพื่อนร่วมงานคนอื่นลับหลัง เป็นประจำหรือไม่
- คุณคิดว่าตัวเอง: เป็นคนที่ต้องควบคุมทุกอย่าง เพื่อให้งานออกมาดีที่สุด และไม่ไว้ใจความสามารถของคนอื่นใช่หรือไม่
ข้อคิดเพื่อเติบโต: หากคุณตอบ "ใช่" หลายข้อ นั่นเป็นโอกาสที่ดีเยี่ยมในการปรับปรุงตนเอง พฤติกรรมเหล่านี้มักไม่ได้เกิดจากความตั้งใจที่จะทำร้ายใคร แต่มาจากความเครียด ความไม่มั่นคง หรือการเรียนรู้รูปแบบการสื่อสารที่ไม่เหมาะสมมา การรับรู้และเริ่มต้น เลือกตอบสนองใหม่ ในครั้งหน้า คือการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่คุณสามารถทำได้ เพื่อสุขภาพจิตที่ดีของตัวเองและคนรอบข้าง
4. กลยุทธ์การตั้งรับและปกป้องตนเองอย่างมืออาชีพ
การรับมืออย่างชาญฉลาดคือการสร้างเกราะป้องกันทางใจและรักษาความเป็นมืออาชีพไว้
- การตั้งขอบเขตที่ชัดเจน
- เรื่องงาน: ตอบกลับอย่างสุภาพแต่หนักแน่นเมื่อมีการโยนงานที่ไม่สมเหตุสมผล โดยอ้างถึง ภาระงานสำคัญที่มีอยู่ก่อน
- เรื่องส่วนตัว: ปฏิเสธอย่างนุ่มนวล และเปลี่ยนเรื่องกลับไปที่เนื้องาน ทันทีเมื่อมีการซักถามหรือนินทาเรื่องส่วนตัว
- รักษาระยะห่างอย่างมืออาชีพ
- หลีกเลี่ยงการปะทะโดยตรง: จำกัดการพบปะแบบตัวต่อตัวเท่าที่จำเป็นต่อเนื้องานเท่านั้น
- สื่อสารผ่านช่องทางที่ควบคุมได้: ใช้ อีเมล หรือ แชททางการสำหรับเรื่องสำคัญ เพื่อให้สามารถกลั่นกรองคำตอบได้ และมีหลักฐานการสื่อสารเก็บไว้เสมอ
- ควบคุมอารมณ์และสติของตนเอง "นิ่งอย่างมีสติ"
- ตั้งสติและหายใจ: เมื่อถูกโจมตีทางอารมณ์ให้เตือนตัวเองว่า "นี่คือปัญหาของเขา ไม่ใช่ของเรา" เพื่อ เลือกตอบสนองด้วยเหตุผล แทนการโต้ด้วยอารมณ์
- ตอบสนองเฉพาะเนื้อหาที่เป็นข้อเท็จจริง: หลีกเลี่ยงการเข้าสู่ดราม่า ให้ตอบกลับด้วยข้อเท็จจริงและหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับงานเท่านั้น
- การเก็บหลักฐานและบันทึกเหตุการณ์: บันทึกเหตุการณ์ (วันที่, เวลา, พฤติกรรมที่เกิดขึ้นจริง) และ เก็บหลักฐานการสื่อสาร ไว้เป็นระบบ เพื่อให้มีข้อมูลที่เป็นกลางและมืออาชีพในการชี้แจงหรือรายงานปัญหาหากจำเป็น
5. วิธีการสื่อสารและจัดการสถานการณ์อย่างมืออาชีพ
ใช้ทักษะการสื่อสารเพื่อจัดการสถานการณ์อย่างมีวุฒิภาวะ
- การสื่อสารเชิงรุก:
- เน้นที่ข้อเท็จจริงและเรื่องงาน: ยึดติดกับหัวข้อของงานเท่านั้น หลีกเลี่ยงความคิดเห็นส่วนตัว
- ใช้ภาษา "ผมรู้สึก...": หากต้องชี้แจงผลกระทบ ให้ใช้ภาษาที่เน้นความรู้สึกของเราเพื่อไม่ให้ดูเป็นการกล่าวโทษ เช่น "ผมรู้สึกว่า... ทำให้ผมขาดสมาธิ"
- เทคนิคการตอบกลับแบบไม่สร้างความขัดแย้ง
- เบี่ยงประเด็นกลับเข้าสู่งาน: หากเริ่มมีการนินทา ให้รีบดึงบทสนทนากลับมาที่เรื่องงานทันที
- ยุติบทสนทนาอย่างสุภาพ: บอกอย่างนุ่มนวลว่าคุณต้องไปทำอย่างอื่น แล้วเดินจากมา
- การให้ Feedback อย่างสร้างสรรค์และเป็นกลาง:
- มุ่งเน้นที่พฤติกรรม ไม่ใช่ตัวบุคคล: พูดถึง "การกระทำ" ที่ส่งผลกระทบต่องานเท่านั้น เช่น "การมาประชุมสาย 3 ครั้ง... ส่งผลกระทบต่อทีม"
- เตรียมข้อเท็จจริงและหลักฐาน: การให้ฟีดแบ็กควรอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงที่บันทึกไว้
- โฟกัสที่ผลงานเป็นหลัก:
- ความเป็นมืออาชีพต้องมาก่อน: จงปฏิบัติต่อเพื่อนร่วมงานทุกคนด้วยความเคารพ แม้จะรู้สึกไม่ถูกชะตาเป็นการส่วนตัว
- คุณค่าของเราอยู่ที่ผลงาน: แยกเรื่องงานออกจากเรื่องส่วนตัว อย่าปล่อยให้ดราม่ามาบั่นทอนเป้าหมายหลักในการทำงาน
6. การดูแลสุขภาพจิตและหาพลังบวก
การปกป้องสุขภาพจิตเป็นสิ่งสำคัญที่สุด:
- สร้างเครือข่ายสนับสนุน: ปรึกษาเพื่อนร่วมงานที่ไว้ใจ เพื่อระบายและรับฟังมุมมองที่เป็นกลาง หรือ หารือกับหัวหน้างาน/HR หากปัญหาส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพงานอย่างชัดเจน โดยเน้นที่ข้อเท็จจริง
- การผ่อนคลายและบำบัดจิตใจหลังเลิกงาน: ทิ้งปัญหาไว้ข้างหลัง เมื่อออกจากที่ทำงาน ให้เวลาตัวเองกับการ ออกกำลังกาย งานอดิเรก หรือการ พักผ่อน อย่างมีคุณภาพเพื่อเติมพลังบวก
- มองสถานการณ์อย่างเป็นกลาง: เตือนตัวเองว่าคุณไม่สามารถควบคุมการกระทำของคนอื่นได้ การฝึก ตั้งคำถาม กับคำพูดบั่นทอน จะช่วยให้คุณ แยกแยะตัวตนของคุณ ออกจากทัศนคติเชิงลบได้
- เมื่อไหร่ที่ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากอาการ วิตกกังวล เครียดจัด การนอนหลับ/การกิน หรือ ประสิทธิภาพการทำงาน ลดลงอย่างมากและต่อเนื่องเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ควรปรึกษานักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์เพื่อรับเครื่องมือในการเยียวยา
7. แนวทางการจัดการในระดับองค์กร (สำหรับผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจ)
การจัดการอย่างยั่งยืนต้องอาศัยผู้มีอำนาจตัดสินใจ
- วิธีการรายงานปัญหา Toxic ที่เหมาะสม: พนักงานควร รวบรวมหลักฐานที่เป็นรูปธรรม และใช้การสื่อสารอย่างเป็นทางการ เน้นที่ผลกระทบต่อทีม หรืองาน เมื่อปรึกษาหัวหน้าหรือ HR
- การปรับตัวหาก Toxic People คือหัวหน้า/ผู้บริหาร: เน้นการสื่อสารผ่านอีเมล เพื่อบันทึกคำสั่งไว้เสมอ หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้น ให้พิจารณาปรึกษา ผู้บริหารระดับสูงกว่า หรือ ฝ่าย HR โดยเน้นถึง ความเสี่ยงต่อองค์กร เช่น การลาออกของคนเก่ง
- การประเมินและปรับปรุงสภาพแวดล้อมในที่ทำงาน: องค์กรควรกำหนดค่านิยมหลักที่เน้นความเคารพ, ดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วและเป็นกลาง และจัดฝึกอบรมทักษะทางอารมณ์ให้กับพนักงานทุกระดับ เพื่อสร้างวัฒนธรรมเชิงบวก
บทความที่คุณอาจสนใจ
