รีเซต
ดาวยิงตราหมี!! ส่องประวัติ ฮูเลียน อัลวาเรซ อนาคตแห่งอาร์เจนติน่า

ดาวยิงตราหมี!! ส่องประวัติ ฮูเลียน อัลวาเรซ อนาคตแห่งอาร์เจนติน่า

ดาวยิงตราหมี!! ส่องประวัติ ฮูเลียน อัลวาเรซ อนาคตแห่งอาร์เจนติน่า
TNN ช่อง16
29 ตุลาคม 2568 ( 17:00 )
23

หากจะพูดถึงกองหน้าสักคนในวงการฟุตบอลเวลานี้ ที่จัดอยู่ในข่ายเนื้อหอม และเป็นเป้าหมายของหลายๆ ทีมในยุโรป ย่อมต้องมีชื่อของกองหน้าทีมชาติอาร์เจนติน่าของ แอตเลติโก มาดริด รวมอยู่ในนั้น

ผลงานของทีมตราหมีเวลานี้อาจจะยังไม่ดีพอที่จะลุ้นแชมป์ ลา ลีกา เพราะพวกเขาออกสตาร์ทฤดูกาลใหม่ได้ไม่ดีนัก แม้ว่าในลีกจะแพ้ไปแค่นัดเดียว แต่จากการที่พวกเขาหลุดเสมอไปหลายครั้ง ก็ทำให้ระยะห่างระหว่างจ่าฝูงอย่าง เรอัล มาดริด นั้น เริ่มห่างออกไปมากขึ้นเรื่อยๆ

แต่กระนั้น ฮูเลียน อัลวาเรซ ยังคงทำผลงานได้โดดเด่นกับทีมตราหมี และเป็นกำลังสำคัญในแดนหน้าของทีมอยู่เหมือนเดิม หลังยิงไปแล้ว 6 ประตูกับ 2 แอสซิสต์ในการลงเล่น 10 นัดใน ลา ลีกา ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว

หลังย้ายออกจาก แมนฯ ซิตี้ มาอยู่กับ แอต. มาดริด เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ก็ระเบิดฟอร์มออกมาได้ในทันที หลังทำไป 29 ประตูกับ 8 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 57 นัดรวมทุกรายการ ต่อเนื่องมาจนถึงฤดูกาลนี้ที่ยังเล่นได้โดดเด่น ทำให้ชื่อของ อัลวาเรซ ยังอยู่ในหน้าสื่ออยู่เสมอ และมีหลายที่อยากได้ตัวเขาไปล่าตาข่าย

วันนี้เราจะมาส่องประวัติของเจ้าตัวกันหน่อยกว่าเส้นทางอาชีพที่ผ่านมาของเขานั้นเป็นอย่างไร และ อัลวาเรซ ยังถือเป็นนักเตะที่อายุน้อยมากๆ ที่ได้สัมผัสแชมป์โลกกับ อาร์เจนติน่า เมื่อปี 2022 ซึ่งตอนนั้นเขามีอายุเพียง 22 ปีเท่านั้น...

ฮูเลียน อัลวาเรซ เกิดเมื่อวันที่ 31 มกราคม ปี 2000 เขาเริ่มต้นเส้นทางการเป็นนักฟุตบอลที่ประเทศอาร์เจนติน่าบ้านเกิด โดยเริ่มต้นกับสโมสรท้องถิ่นอย่าง แอตเลติโก กาลชิน ในตอนที่อายุเพียง 14 ปี ก่อนจะย้ายไปอยู่กับทีมเยาวชนของ ริเวอร์เพลท ในอีก 2 ปีให้หลัง 

ซึ่งก่อนที่จะมาเซ็นสัญญากับ ริเวอร์เพลท นั้น อัลวาเรซ เคยไปทดสอบฝีเท้ากับทั้ง โบคา จูเนียร์ส และ เรอัล มาดริด และสร้างความประทับใจให้กับทีมราชันชุดขาว แต่เนื่องจากติดปัญหาด้านข้อจำกัดทางอายุ จึงทำให้เขาไม่สามารถย้ายไปร่วมทีม เรอัล มาดริด ได้

อัลวาเรซ ถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของ ริเวอร์เพลท ภายใต้การคุมทีมของ มาร์เซโล่ กายาร์โด้ อดีตกองกลางทีมชาติอาร์เจนติน่า ในช่วงฤดูกาล 2018–19 และประเดิมสนามในฐานะนักฟุตบอลอาชีพเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2018 ในเกมลีกสูงสุดที่พบกับ อัลโดซิวี โดยเขาถูกเปลี่ยนตัวลงไปเล่นแทน โรดริโก้ โมรา ขณะเหลือเวลาอีก 26 นาที ในเกมที่ทีมชนะ 1-0

หลังจากนั้น อัลวาเรซ ได้ลงสนามในช่วงท้ายเกมในนัดชิงชนะเลิศเลกที่สองของศึก โคปา ลิเบร์ตาดอเรส ปี 2018 ซึ่ง ริเวอร์เพลท เอาชนะคู่ปรับสำคัญอย่าง โบคา จูเนียร์ส ได้สำเร็จ เขาทำประตูแรกในอาชีพได้ในวันที่ 17 มีนาคม 2019 โดยยิงได้ในเกมลีกที่ชนะ อินเดเปนเดียนเต้ 3-0 และในเดือนธันวาคม เขาก็ทำประตูในนัดชิงชนะเลิศ โคปา อาร์เจนติน่า ปี 2019 ที่พบกับ เซนตราล กอร์โดบา ช่วยให้ ริเวอร์เพลท คว้าถ้วยแชมป์ด้วยสกอร์ 3-0 

จากนั้น ในปี 2020 อัลวาเรซ ยังคงโชว์ฟอร์มร้อนแรงต่อเนื่องด้วยการยิง 5 ประตูจาก 6 นัดในรอบแบ่งกลุ่มของศึก โคปา ลิเบร์ตาดอเรส และในวันที่ 25 พฤษภาคม ปี 2022 อัลวาเรซ ได้สร้างสถิติส่วนตัวที่น่าทึ่ง ด้วยการทำคนเดียว 6 ประตูให้กับ ริเวอร์เพลท ในเกมที่ถล่ม อลิอันซา ลิม่า 8-1 ในศึก โคปา ลิเบร์ตาดอเรส

ก้าวสู่ยุโรปกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ในวันที่ 31 มกราคม 2022 ซึ่งเป็นวันเกิดอายุครบ 22 ปีของเขา ได้มีการยืนยันว่า อัลวาเรซ ตกลงเซ็นสัญญาระยะเวลาห้าปีครึ่งกับแชมป์พรีเมียร์ลีกอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัวประมาณ 14 ล้านปอนด์ โดยมีข้อตกลงว่าเขาจะยังอยู่กับ ริเวอร์เพลท แบบยืมตัวไปจนถึงเดือนกรกฎาคม

2022–23 : ฤดูกาลเปิดตัวและการคว้าทริปเปิ้ลแชมป์

อัลวาเรซ ประเดิมสนามให้กับ แมนฯ ซิตี้ อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 30 กรกฎาคม ในศึก เอฟเอ คอมมูนิตี้ ชิลด์ ปี 2022 ที่ แมนฯ ซิตี้ แพ้ทีมคู่ปรับอย่าง ลิเวอร์พูล ไป 3-1 โดยเขาเป็นผู้ทำประตูเดียวของทีมในเกมนั้น หลังจากนั้นในวันที่ 7 สิงหาคม เขาลงเล่นในพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรก หลังจากถูกเปลี่ยนตัวลงแทน เออร์ลิง ฮาแลนด์ ในเกมเยือนที่ชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 2-0 

วันที่ 31 สิงหาคม อัลวาเรซ ทำ 2 ประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ในเกมที่เปิดบ้านชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 6-0 และในวันที่ 5 ตุลาคม เขาทำประตูแรกในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในเกมที่ชนะ เอฟซี โคเปนเฮเกน 5-0 

ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2023 อัลวาเรซ ทำประตูปิดท้ายได้ในเกมที่ทีมเรือใบสีฟ้าเอาชนะ เรอัล มาดริด 4-0 ในรอบรองชนะเลิศเลกที่สองของศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก พาทีมผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ หลังจากนั้นอีก 4 วันต่อมา เขาทำประตูชัยให้ทีมเอาชนะ เชลซี 1-0 ส่งผลให้ แมนฯ ซิตี้่ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้สำเร็จเป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน และเป็นแชมป์ลีกสมัยแรกของ อัลวาเรซ ด้วย

แม้ว่าในกม แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศ วันที่ 10 มิถุนายน ที่ แมนฯ ซิตี้ สามารถเอาชนะ อินเตอร์ มิลาน ไป 1-0 เขาจะเป็นแค่ตัวสำรองและไม่ได้ลงสนาม แต่ อัลวาเรซ ก็ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มนักเตะที่ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์รายการนี้มาครองได้เป็นครั้งแรก ส่งผลให้เขาคว้า ทริปเปิลแชมป์กับ แมนฯ ซิตี้ ได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรก และยังเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกและแชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ในฤดูกาลเดียวกันอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า อัลวาเรซ จะทำผลงานได้ดี แต่เขาก็ยังมีสถานะเป็นแค่ตัวสำรองของ เออร์ลิง ฮาแลนด์ เท่านั้น แม้ว่าในฤดูกาลที่สองกับ แมนฯ ซิตี้ เขาจะทำได้ 19 ประตูกับ 14 แอสซิสต์ และได้ลงเล่นไปทั้งสิ้น 54 เกมรวมทุกรายการก็ตาม แต่นั่นกลับไม่ทำให้เขารู้สึกพอใจ ทำให้หลังจบฤดูกาลเขาได้ขอย้ายออกจาก แมนฯ ซิตี้ ทีมที่เขาร่วมคว้าแชมป์ถึง 6 โทรฟี่ และเป็น แอตเลติโก มาดริด ที่เข้ามาคว้าตัวเขาไปร่วมทีมด้วยค่าตัวอันมหาศาล 

ความท้าทายครั้งใหม่กับ แอตเลติโก มาดริด

วันที่ 12 สิงหาคม 2024 แอตเลติโก มาดริด ในศึก ลา ลีกา สเปน ยืนยันการเซ็นสัญญาคว้าตัว อัลวาเรซ ด้วยค่าตัวสูงถึง 95 ล้านยูโร และกลายเป็นการขายนักเตะด้วยค่าตัวเป็นสถิติสโมสรของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อีกด้วย โดย อัลวาเรซ เซ็นสัญญากับทีมตราหมียาว 6 ฤดูกาล

วันที่ 19 สิงหาคม เขาประเดิมสนามให้กับสโมสรในฐานะตัวสำรอง ในเกม ลา ลีกา ที่เสมอกับ บียาร์เรอัล 2-2 หลังจากนั้นในวันที่ 26 กันยายน อัลวาเรซ ก็ทำประตูแรกในสีเสื้อของ แอต. มาดริด ได้สำเร็จ ในเกมที่เอาชนะ เซลต้า บีโก้ 1-0 ซึ่งประตูชัยของ อัลวาเรซ มาในช่วงนาทีสุดท้ายของเกม

หลังจากนั้นในวันที่ 12 มีนาคม 2025 อัลวาเรซ เกือบพาทีมเอาชนะ เรอัล มาดริด คู่ปรับตลอดกาลได้ในศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดที่สอง โดยหลังจบ 2 เกมทั้งสองทีมเสมอกัน 2-2 ทำให้ต้องไปดวลจุดโทษตัดสิน ซึ่ง อัลวาเรซ รับหน้าที่ยิงจุดโทษลูกที่ 2 ของทีมตราหมี และยิงเข้าไปได้ แต่ปรากฏว่าวีเออาร์ได้มีการพิจารณาว่าเท้าหลักของ อัลวาเรซ ไปสัมผัสโดนลูกบอลก่อนเพียงเล็กน้อย ก่อนที่เท้าอีกข้างจะยิงโดนบอลเข้าประตูไป ทำให้ประตูนี้ถูกตัดสินให้เป็นโมฆะเนื่องจากมีการสัมผัสลูกบอลสองครั้ง (double-touching) ซึ่งถือว่าผิดกฎ จากจุดเปลี่ยนตรงนี้เองทำให้ เรอัล มาดริด กลับมาเป็นฝ่ายชนะการดวลจุดโทษ 4-2 และผ่านเข้าสู่รอบต่อไป ทำให้ฤดูกาลแรกอของ อัลวาเรซ กับ แอต. มาดริด นั้น จบลงแบบไร้ถ้วยแชมป์ใดๆ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์อะไรมาครองได้ แต่ผลงานส่วนตัวของเขานั้นน่าประทับใจ จากการทำไป 29 ประตูกับ 8 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 57 เกมในทุกรายการ ทำให้ อัลวาเรซ ตกเป็นข่าวว่าได้รับความสนใจจากหลายๆ ทีมในยุโรป แต่กระนั้นด้วยค่าตัวที่มีราคาสูงมาก ทำให้ท้ายที่สุดแล้วก็ยังไม่มีใครที่กล้ายื่นข้อเสนอเข้ามาอย่างจริงจัง ทำให้ อัลวาเรซ ยังคงโลดแล่นอยู่ใน ลา ลีกา เป็นปีที่สองในฤดูกาลนี้

เส้นทางอาชีพในระดับทีมชาติ

2018–2020 : ตัวหลักในทีมชาติระดับเยาวชน

ในปี 2018 อัลวาเรซ ได้รับเลือกให้เข้าร่วมฝึกซ้อมกับทีมชาติอาร์เจนติน่า ชุดอายุไม่เกิน 20 ปี เพื่อช่วยจำลองสถานการณ์การฝึกซ้อมให้กับทีมชุดใหญ่ที่เตรียมลงแข่งฟุตบอลโลก 2018 ต่อมาในเดือนธันวาคม เขาได้รับเลือกให้ติดทีมชาติเข้าร่วมการแข่งขันในรายการชิงแชมป์อเมริกาใต้ รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี

จากนั้นในปี 2019 ในการเตรียมความพร้อมสำหรับ ฟุตบอลโลก U-20 เขาทำประตูที่สองในเกมกระชับมิตรที่ชนะ ซาอุดิอาระเบีย ขาดลอย 5-0 นั่นทำให้เขาถูก เฟร์นานโด บาติสต้า เรียกติดทีมเพื่อลุยศึกฟุตบอลโลก U-20 ทันทีในเดือนพฤษภาคม ซึ่ง อัลวาเรซ ได้ลงเล่นไป 4 นัด ทำไป 1 ประตู หลังจากนั้น อัลวาเรซ ยังถูกเรียกติดทีมโอลิมปิก ก่อนที่เขาจะมีส่วนช่วยพาทีมคว้าแชมป์โซนอเมริกาใต้ได้ ในการเล่นโอลิมปิก 2020 รอบคัดเลือกในเดือนกันยายน

2021–ปัจจุบัน : ประเดิมทีมชุดใหญ่, แชมป์โกปา อเมริกา และ ฟุตบอลโลก

อัลวาเรซประเดิมสนามให้กับทีมชาติอาร์เจนติน่าชุดใหญ่ เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2021 ในเกมรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกกับ ชิลี โดยลงมาเป็นตัวสำรองแทนที่ อังเคล ดิ มาเรีย ในนาทีที่ 62 ก่อนที่ในวันที่ 29 มีนาคม 2022 เขาจะทำประตูแรกในนามทีมชาติได้สำเร็จ ในเกมที่เสมอกับ เอกวาดอร์ 1-1

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2022 อัลวาเรซ มีชื่อติดทีม 26 คนของ ลิโอเนล สกาโลนี่ สำหรับการลุยศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ ซึ่ง อัลวาเรซ ยังได้เป็นหนึ่งในตัวหลักของทีม และในวันที่ 30 พฤศจิกายน เขาก็ทำประตูแรกในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้สำเร็จ ในเกมรอบแบ่งกลุ่มนัดสุดท้ายที่ อาร์เจนติน่า ชนะ โปแลนด์ ไป 2-0 

หลังจากนั้นในวันที่ 3 ธันวาคม เขายิงประตูที่สองในฟุตบอลโลกในเกมที่ อาร์เจนติน่า ชนะ ออสเตรเลีย 2-1 จากนั้นเขายังคงทำประตูได้อย่างต่อเนื่องโดยยิงเพิ่มอีกสองประตูในเกมรอบรองชนะเลิศที่ อาร์เจนติน่า เอาชนะ โครเอเชีย 3-0 นั่นทำให้ อัลวาเรซ กลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดนับตั้งแต่ เปเล่ ในปี 1958 ที่ทำสองประตูในรอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก ด้วยอายุ 22 ปี 316 วัน 

วันที่ 18 ธันวาคม 2022 เขามีส่วนในการช่วยให้ทีมทำประตูที่สองของเกม ในเกมที่ อาร์เจนติน่า เสมอกับ ฝรั่งเศส 3-3 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ทำให้ต้องไปตัดสินในการดวลจุดโทษ และเป็น อาร์เจนติน่า ที่แม่นกว่า เอาชนะไป 4-2 คว้าแชมป์โลกไปครองได้เป็นครั้งแรกในรอบ 36 ปี นับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายในยุคของ ดีเอโก้ มาราโดน่า เมื่อปี 1986

นอกเหนือจากแชมป์ฟุตบอลโลกแล้ว อัลวาเรซ ยังอยู่ทีมชาติอาร์เจนติน่า ชุดคว้าแชมป์ โกปา อเมริกา ในปี 2021 และ 2024 อีกด้วย โดยสถิติการลงเล่นให้กับ อาร์เจนติน่า ของ อัลวาเรซ นั้น เขาติดธงไปแล้วทั้งสิ้น 49 นัด ทำไปแล้ว 13 ประตูด้วยกัน และแน่นอนว่าศึกฟุตบอลโลก 2026 ที่กำลังจะมาถึงในช่วงซัมเมอร์ปีหน้า อัลวาเรซ จะเป็นหนึ่งในทีมที่จะได้ไปเล่นรอบสุดท้ายที่ แคนาดา, เม็กซิโก และ สหรัฐอเมริกา เป็นเจ้าภาพร่วมกันอย่างแน่นอน

ทั้งหมดนี้คือเส้นทางอาชีพของ ฮูเลียน อัลวาเรซ เราต้องติดตามกันว่าหลังจบฤดูกาลนี้ เขาจะยังคงอยู่กับ แอตเลติโก มาดริด ต่อไปหรือไม่ หรือจะย้ายไปเล่นให้กับทีมที่มีโอกาสลุ้นแชมป์มากกว่านี้ หรือบางทีเขาอาจจะได้ย้ายกลับไปเล่นในอังกฤษอีกครั้งก็เป็นได้ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เราจะต้องคอยติดตามกัน...

ดูบอลสดครบทั้งลีก และถ้วยยุโรปชั้นนำ อาทิ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก / ยูฟ่า ยูโรปา ลีก / ยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก / ลาลีกา / บุนเดสลีกา / เซเรีย อา และอีกมากมายกว่า 2,000 แมตช์ ตลอดฤดูกาล 2025/26

สมัครและดูได้แล้ววันนี้ Now Football 199 บาท/เดือน (1 จอ ดูได้ทุกอุปกรณ์) คลิก : https://truevisions-now.onelink.me/RQwi/1rsb84q1

ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
สัมผัสโลกไร้ขีดจำกัดกับทรูไอดี