ยิงเต็มข้อ...!!! by บับเบิ้ล : บทสรุปบอลไทยปี 2019...ครบทุกอารมณ์ !!!
ยิงเต็มข้อ…!!! by บับเบิ้ล : บทสรุปบอลไทยปี 2019…ครบทุกอารมณ์ !!!
ปี 2019 ที่กำลังจะผ่านพ้นไปเป็นอีกปีที่วงการฟุตบอลไทยมีครบทุกอารมณ์และรสชาติ ไม่ว่าจะเป็นสุข เศร้า รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และคราบน้ำตา
หากมองย้อนกลับไปตลอดขวบปีที่ผ่านมาฟุตบอลไทยมีหลายเรื่องราวเกิดขึ้น ทั้งในส่วนของ “สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ” “ทีมชาติไทย” และ “ไทยลีก”
ว่ากันที่สมาคมฯภายใต้การนำนาวาของ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เสียงชื่นชมเรื่องการบริหารงานยังคงเป็นจุดเด่น แต่ผลงานของทีมชาติไทยคือสิ่งที่ถูกด่า !!!
ปีสุดท้ายของวาระการทำงานในยุค “บิ๊กอ๊อด 1” มีผลงานชิ้นโบว์แดงคือการเซ็นสัญญาสร้าง “ศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ” แบบครบวงจรได้สำเร็จ
นี่คือความพยายามของสมาคมฯในยุค “บิ๊กอ๊อด” ที่มองหาทำเลและดำเนินการต่างๆมาหลายปี กระทั่ง “การกีฬาแห่งประเทศไทย” อนุมัติให้สร้างบนที่ดิน 150 ไร่ที่อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี
ที่สำคัญคือการได้พันธมิตรอย่างกลุ่มบริษัท “คิง พาวเวอร์” สนับสนุน ทำให้มีการเซ็นสัญญา “เอ็มโอยู” เดินหน้าก่อสร้างด้วยงบประมาณมหาศาลกว่า 500 ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว
นอกจากนั้น “บิ๊กอ๊อด” ยังสร้างมิติใหม่ในการ “ประมูลลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด” เปิดสัญญายาว 8 ปีให้ประมูลเพื่อได้สิทธิ์ถ่ายทอดสดเหมาทุกรายการของสมาคมฯทั้งทีมชาติไทยและสโมสร
ถึงตรงนี้การประมูลเสร็จสิ้นลงแล้ว แต่ยังไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการว่าใครได้ไป แต่มีรายงานข่าวว่าเป็นบริษัทต่างชาติที่ได้ไปด้วยมูลค่าสูงถึงปีละ “1,800 ล้านบาท” เลยทีเดียว
ภาพรวมการบริหารงานของสมาคมฯยุค “บิ๊กอ๊อด” ในรอบขวบปีที่ผ่านมาต้องถือว่า 2 เรื่องนี้คือประเด็นใหญ่ที่ควรชื่นชม
แต่ที่เป็นประเด็นให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่องคือผลงานของทีมชาติไทยที่ “ล้มเหลว” ทุกชุด !!!
มองภาพใหญ่สมาคมฯต้องรับผิดชอบตรงกระบวนการ “สรรหาโค้ช” ตั้งแต่ความชักช้าเลือก “เฮดโค้ชทีมชาติไทยชุดใหญ่” ที่ปล่อยเวลาล่วงเลยนานหลายเดือนหลังปลด มิโลวาน ราเยวัช
กุนซือคนใหม่ อากีระ นิชิโนะ เข้ามารับงานด้วยเวลาไม่มาก แถมยังมาแบบ “โชว์เดี่ยว” ไม่มีทีมงาน แต่ต้อง “จับปลาสองมือ” ทำภารกิจทั้ง “ฟุตบอลโลก” และ “ยู-23” ควบคู่กันไป
ผลงานของทีมชาติไทยในช่วงเดือนพฤศจิกายนคือคำตอบที่ชัดเจนอยู่แล้วว่ามีผลกระทบตามมาจากการตัดสินใจช้าในการเลือกโค้ชและวางแผนงาน
ขยายความต่อสำหรับผลงานทีมชาติไทยในปีที่ผ่านมา ย้อนไปต้นปีด้วยการปลด “มิโล” แล้วตัั้ง “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย คุมแทน ก่อนพาทีมเข้ารอบ “เอเชียนคัพ 2019” ได้สำเร็จ
แต่ “โค้ชโต่ย” ที่เป็น “เทวดา” ของแฟนบอลหลังทำผลงานดีต่อเนื่องที่ “ไชน่าคัพ” ได้ไม่นานก็ต้องมาปิดฉากตำแหน่ง “กุนซือขัดตาทัพ” เมื่อพลาดแชมป์ “คิงส์คัพ” ที่บุรีรัมย์
การมาของ “นิชิโนะ” คือประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของฟุตบอลไทยที่มี “โค้ชเอเชีย” คุมทีมชาติไทยเป็นคนแรก แต่ผลงานช่วงออกตัวยังวัดอะไรไม่ได้มาก
กุนซือญีปุ่นเปิดตัวใน “ฟุตบอลโลก” นัดแรกเจ๊า เวียดนาม ก่อนชนะ อินโดนีเซีย และ ยูเออี แต่หลังจากนั้นไปแพ้ มาเลเชีย บุกเสมอ เวียดนาม และล่าสุดล้มเหลวตกรอบแรก “ซีเกมส์”
ส่วนผลงานทีมชาติไทยชุดอื่นๆ เริ่มจาก “ฟุตบอลหญิง” แม้ตีตั๋วไป “ฟุตบอลโลกหญิง” ได้ 2 สมัยติดต่อกัน แต่ผลงานไม่ได้ดีขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งเกมระดับ “ซีเกมส์” ยังพลาดเหมือนเดิม
ปัญหาคือไม่มีการวาง “รากฐาน” พัฒนาฟุตบอลหญิงอย่างจริงจังทั้งที่ไปฟุตบอลโลกมาแล้ว 2 หน ลีกยังให้กำเนิดไม่สำเร็จ เตะกันไปแบบ “แค่มี” แต่ไม่มีมาตรฐานและช่วยพัฒนาได้มากนัก
ขณะที่ระดับเยาวชนทีมหลักๆทั้งทีม “ยู-19” และ “ยู-16” ตกรอบคัดเลือกเกมชิงแชมป์เอเชียทั้ง 2 ชุด จนเป็นคำถามว่าระบบการพัฒนาเยาวชนเดินไปถูกทางหรือไม่
ด้านแวดวง “ไทยลีก” ปีที่ผ่านมาที่ลดเหลือ 16 ทีมถือว่าสนุกเข้มข้น มาตรฐานทีมไม่ต่างกันมาก ลุ้นแชมป์กันจนถึงนัดสุดท้าย
ฤดูกาลล่าสุดมี “แชมป์หน้าใหม่” เกิดขึ้นสมใจแฟนบอลจนได้เมื่อ “เชียงราย ยูไนเต็ด” ผงาดคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
ทีมมีตำนานอย่าง “การท่าเรือ” กลับมาคว้าแชมป์อีกครั้งใน “เอฟเอคัพ” ขณะที่ “พีที ประจวบ” ซิวแชมป์ฟุตบอลถ้วย “ลีกคัพ” ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร
แต่เรื่องไม่น่ายินดีคือหลังจบฤดูกาลมีเหตุ “ยุบสโมสร” ทั้ง “พีทีที ระยอง” และ “อาร์มี ยูไนเต็ด” จนหลายคนหวั่นใจว่า “ฟองสบู่แตก” จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่
ปัญหาเรื่อง “ผู้ตัดสิน” ก็ยังแก้ไม่ตกมีเหตุให้เป็นประเด็นเกือบทุกสัปดาห์ อีกทั้ง “VAR” ที่ว่าจะนำมาใช้ก็ยังไม่ได้ใช้เพราะต้องผ่านกระบวนการขั้นตอนต่างๆก่อน
แถม “เปาเบิร์ด” ชัยฤกษ์ งามสม ยังถูกเลือกได้รางวัล “ผู้ตัดสินยอดเยี่ยมแห่งปี” อีกต่างหาก ทั้งที่ถูกวิจารณ์ยับกรณีปล่อยให้เล่นบอลไม่ตรงจุดแล้วได้ประตู นี่คือ “ดาวร้ายตุ๊กตาทอง” ชัดๆ
แต่ที่สมควรได้รางวัล “นักเตะแห่งปี” แบบไม่มีใครคาใจต้องยกให้ “อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน ที่สร้างประวัติศาตร์เป็นนักเตะไทยคนแรกที่คว้าแชมป์ “เจลีก” ประเทศญี่ปุ่น
นี่คือภาพรวมของฟุตบอลไทยปี 2019 ที่กำลังผ่านไป เดี๋ยวกลับมาว่ากันใหม่ในปี 2020 “สวัสดีปีใหม่ครับ”
“บับเบิ้ล”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
>> ยิงเต็มข้อ…!!! by บับเบิ้ล : “ยู-23 เอเชีย 2020” ลุ้นทั้งใน-นอกสนาม !!!
>> ยิงเต็มข้อ…!!! by บับเบิ้ล : 33 ขุนพลลุ้นตั๋วโอลิมปิกของ “นิชิโนะ”
– ดูฟรี! พรีเมียร์ลีก มากกว่า 100 คู่ คลิก ID Station
– ดู พรีเมียร์ลีก online คลิกที่นี่
– สมัครชม พรีเมียร์ลีกทั้งฤดูกาล คลิกที่นี่