Sport Talk : มองมุมกลับ! หากไทยได้ 7 แต้มจาก 3 นัด .. เหตุใดการเจ๊าอินโดฯ จึงดีกว่าเสมอยูเออี

EkkEReport

4 มิถุนายน 2564 ( 20:00 )

57.9K

กลับมาพบกันอีกครั้งนะครับ กับ เอกกี้รีพอร์ต หนุ่มผู้หลงใหลและคลั่งไคล้ในกีฬา วันนี้ผมขอพาทุกท่านไปพบกับข้อมูลที่น่าสนใจ ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่หลายคนอาจคาดไม่ถึงในช่วงเวลาวิกฤติ และดูเหมือนจะหมดสิ้นความหวังแบบนี้ แต่ความจริงที่ซ่อนอยู่คือ หากสุดท้ายแล้ว ทีมชาติไทย สามารถพลิกสถานการณ์กลับมาเก็บ 7 แต้ม จาก 3 นัดสุดท้ายได้ การเสมอกับ อินโดนีเซีย จะดีกว่าการเสมอกับ ยูเออี เสียอีก เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น เราไปดูพร้อมกันเลย!

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หลังจากที่ทัพ "ช้างศึก" ทำได้เพียงเสมอ อินโดนีเซีย 2-2 ในศึกคัดบอลโลกนั้น ส่งผลให้แฟนบอลไทยต่างรู้สึกผิดหวังกันเป็นอย่างมาก เนื่องจากผลดังกล่าวทำให้โอกาสที่จะผ่านเข้าสู่รอบต่อไปของ ทีมชาติไทย กลายเป็นเรื่องที่ยากลำบากเหลือเกิน แต่หากมองในอีกมุมหนึ่ง คุณรู้หรือไม่ว่า หาก ทีมชาติไทย เก็บได้ 7 แต้ม จาก 3 นัดสุดท้าย แต่มาจากการเสมอ อินโดนีเซีย และชนะ ยูเออี กับ มาเลเซีย จะทำให้ไทยมีโอกาสเข้ารอบได้มากกว่า การชนะ อินโดนีเซีย กับ มาเลเซีย และเสมอกับ ยูเออี เสียอีก เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น เราไปหาคำตอบกันได้เลย

Sport Talk : ต้อง 7 หรือ 9 แต้ม ? .. วิเคราะห์ชัดทุกกลุ่ม เผยโอกาสเข้ารอบของ ทีมชาติไทย

แน่นอนว่า การเดินทางไปแข่งขันศึก ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง ใน 3 นัดสุดท้าย ที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์นั้น .. "9 แต้ม" คือ เป้าหมายที่แฟนบอลชาวไทย ต่างตั้งความหวังไว้แต่แรก เนื่องจากสื่อกีฬาต่างๆ (รวมถึงผมเองด้วย) ได้ทำการวิเคราะห์กันเอาไว้แล้วว่า หากเก็บได้เพียง "7 แต้ม" นั่นจะส่งผลให้โอกาสในการลุ้นเข้ารอบ เป็นเรื่องที่ยากมากๆ (หลายคนบอกว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยด้วย)

อย่างไรก็ตาม เพียงแค่การแข่งขันในนัดแรก ผลที่ออกมาก็กลับไม่เป็นไปตามเป้าเสียแล้ว เมื่อ ทีมชาติไทย ทำได้เพียงเสมอ ทีมชาติอินโดนีเซีย 2-2 ทั้งที่มันเป็นเกมที่ทุกคนต่างคาดว่า ทัพช้างศึกจะต้องเก็บชัยชนะได้ ซึ่งนั่นทำให้ตอนนี้ใครหลายคนอาจจะคิดว่า ทุกอย่างมันจบสิ้นลงแล้ว โอกาสของเราได้หลุดลอยไปแล้ว เพราะถึงเวลานี้เราจะเก็บได้มากที่สุดแค่ 7 แต้มเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง มันยังไม่ได้เป็นเช่นนั้นซะทีเดียว!

ซึ่งเหตุผลนั่นก็คือ ก่อนหน้านี้ หากพูดถึงการได้ 7 แต้มของ ทีมชาติไทย แทบทุกสื่อจะคาดการณ์จากกรณีที่ ช้างศึก เสมอกับ ยูเออี แต่ชนะอินโดนีเซียและมาเลเซีย ทำให้ ไทย จะจบด้วยการมี 15 แต้ม และหากจบในอันดับ 2 ของกลุ่มได้ ไทย จะถูกหักผลการพบกับทีมอันดับสุดท้ายของกลุ่ม (อินโดนีเซีย) ออกทั้ง 2 นัด ซึ่งเท่ากับ 6 แต้ม ทำให้เหลือเพียง 9 แต้ม ในการไปวัดกับอันดับ 2 ของกลุ่มอื่น ซึ่งถือว่าค่อนข้างสุ่มเสี่ยง และมีโอกาสน้อยมาก ที่จะติดเป็น 5 อันดับที่ดีที่สุด จาก 8 กลุ่ม

แต่จากสถานการณ์ในตอนนี้ หาก ช้างศึก ชนะ ยูเออี และ มาเลเซีย ได้จะมี 15 แต้ม และถ้าจบด้วยการเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มได้ ทีมชาติไทย จะถูกตัดคะแนนออกเพียง 4 แต้ม จากการชนะและเสมอ อินโดนีเซีย ซึ่งจะทำให้ ไทย มี 11 คะแนน ในการไปเทียบกับทีมอันดับ 2 ของกลุ่มอื่น ซึ่งมีโอกาสสูงมากที่จะติด 1 ใน 5 อันดับแรก มันไม่ต่างอะไรจากการเก็บ 9 แต้มเต็ม เพื่อจบที่ 17 แต้ม แล้วถูกหักออก 6 แต้มเลย เพราะนั่นก็จะทำให้ไทยมี 11 แต้มเท่ากัน! แต่ทว่าสิ่งที่แตกต่าง และอาจจะเป็นปัญหาใหญ่ในเวลานี้ นั่นก็คือ 15 แต้มของไทย จะเพียงพอต่อการจบเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มของตัวเองหรือไม่เท่านั้นเอง?

ซึ่งถึงตอนนี้ ไทย ไม่มีโอกาสหยุด เวียดนาม ได้แล้ว (คงต้องฝาก อินโดนีเซีย หรือ มาเลเซีย) แต่ถ้าไทยสามารถเอาชนะยูเออีได้ จะเป็นการตัดแต้ม ทำให้ ยูเออี มีโอกาสได้แต้มมากที่สุดที่ 15 แต้มเช่นกัน ส่งผลให้มีความเป็นไปได้ที่ ไทย กับ ยูเออี จะจบด้วยการมี 15 แต้มเท่ากัน แล้วไปวัดกันที่ประตูได้เสีย เพื่อแย่งอันดับ 2 ของกลุ่ม (ในกรณีที่ เวียดนาม เป็นแชมป์กลุ่ม) โดย ยูเออี จะต้องชนะทั้ง อินโดนีเซีย และ เวียดนาม ให้ได้เท่านั้น แต่ถ้าหากว่า ยูเออี ไม่สามารถชนะ อินโดนีเซีย หรือ เวียดนาม ก็จะมีแต้มน้อยกว่าไทยทันที

สรุปแล้วทั้งหมดทั้งมวล คือ ทีมชาติไทย จะต้องจบในอันดับ 2 ของกลุ่มให้ได้เท่านั้น มิเช่นนั้นแล้ว ทุกอย่างก็จะไม่มีความหมายเลย ซึ่งถ้าได้อันดับ 2 จริง แล้วไปเทียบกับกลุ่มอื่น โอกาสที่ ไทย จะได้เข้ารอบจากการเป็นอันดับ 2 ที่ดีที่สุดจะมีสูงมากเลยทีเดียว!

โปรแกรมการแข่งขันที่เหลือ

7 มิ.ย. 64 : ยูเออี พบ ไทย
7 มิ.ย. 64 : เวียดนาม พบ อินโดนีเซีย
11 มิ.ย. 64 : อินโดนีเซีย พบ ยูเออี
11 มิ.ย. 64 : มาเลเซีย พบ เวียดนาม
15 มิ.ย. 64 : ยูเออี พบ เวียดนาม
15 มิ.ย. 64 : ไทย พบ มาเลเซีย

สรุปเงื่อนไขในการเข้ารอบของ ทีมชาติไทย

1. ต้องชนะ ทั้ง ยูเออี และ มาเลเซีย เท่านั้น

2. ลุ้นให้ ยูเออี ไม่ชนะ อินโดนีเซีย หรือ เวียดนาม เกมใดเกมหนึ่ง

3. แต่ถ้า ยูเออี ชนะทั้ง 2 เกม จะทำให้ ไทย กับ ยูเออี มี 15 แต้มเท่ากัน ต้องไปวัดกันที่ประตูได้เสีย

ซึ่งตอนนี้ไทยเป็นรองยูเออี อยู่ 5 ประตู (ไทย +3 / ยูเออี +8) แต่เกมที่ไทยพบยูเออี ถ้าไทยชนะห่างเท่าไหร่ ผลประตูได้เสีย ก็จะได้แบบไปกลับ นั่นคือ ถ้าไทยชนะห่าง 2 ประตู ไทยจะ +2 ส่วนยูเออีก็จะ -2 ด้วย ทว่าหลังจากเกมนั้น ยูเออี จะต้องพบกับ อินโดนีเซีย และ เวียดนาม ทำให้สามารถทำประตูเพิ่มได้อีก ในขณะที่ ไทย จะเหลือเกมกับ มาเลเซีย เพียงนัดเดียว ทำให้ดูแล้ว ยูเออี จะค่อนข้างได้เปรียบในเรื่องของประตูได้เสียอยู่พอสมควร

และทั้งหมดนี้ ก็คือเหตุผล ปัจจัย เงื่อนไข และโอกาสที่ยังคงมีอยู่ของ ทีมชาติไทย อย่างไรก็ตาม ผมทราบดีว่าคงจะมีแฟนบอลหลายท่านที่รู้สึกว่า ทีมชาติไทย หมดความหวังแล้ว เพราะคิดว่า "แค่ อินโดนีเซีย เรายังชนะไม่ได้เลย แล้วจะไปชนะ ยูเออี กับ มาเลเซีย ได้ยังไง" ซึ่งผมเข้าใจในจุดนี้ดี เพียงแต่อยากจะนำเสนอข้อมูลในอีกมุมว่า เรายังมีความเป็นไปได้ที่จะได้ไปต่อ แม้ว่ามันอาจจะมีโอกาส และความหวังไม่มากแล้วก็ตาม

อาจจะมองว่า ผมมองโลกในแง่ดีเกินไปก็ได้ แต่ขึ้นชื่อว่า ลูกกลมๆ ที่มีลมอยู่ข้างในแล้ว อะไรก็เกิดขึ้นได้ จริงไหมครับ และในเมื่อเราเกิดมาเป็นคนไทยแล้ว มันก็คงหนีไม่พ้นที่จะต้องส่งใจเชียร์ "ทีมชาติไทย" กันต่อไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ใครจะไปรู้ ในสถานการณ์ที่ "หลังพิงฝา" แบบนี้ ทีมชาติไทย อาจจะรวมพลังกันสร้างปาฎิหาริย์ขึ้นที่ยูเออีอีกครั้งก็เป็นได้ หลังจากที่เคยทำได้มาแล้วในศึก เอเชียนคัพ 2019 เพราะฉะนั้น อย่าเพิ่งสูญเสีย ศรัทธา กันไปก่อนนะครับ ร่วมส่งใจเชียร์ทัพช้างศึกกันต่อไป

แม้จะผิดหวัง แต่เรายังไม่ตกรอบ .. อย่าเพิ่งยอมแพ้ ตราบใดที่ยังมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

"ช้างศึก" อาจจะคึกที่สุด ยามต้องออกรบ แบบ "ทุบหม้อข้าว" ก็เป็นได้!