รีเซต
Sports Profile : ประวัติ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดาวยิงผู้ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ลีกในรอบ 30 ปี

Sports Profile : ประวัติ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดาวยิงผู้ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ลีกในรอบ 30 ปี

Sports Profile : ประวัติ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดาวยิงผู้ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ลีกในรอบ 30 ปี
BALLYSLAM
1 กุมภาพันธ์ 2564 ( 21:00 )
24.9K

ข้อมูล และประวัติล่าสุดของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยอดกองหน้าชาวอียิปต์ ผู้เข้ามาช่วยให้ความฝันของเหล่า "เดอะ ค็อป" สามารถเป็นจริงได้อีกครั้ง กับการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี

ข้อมูลนักเตะ

ชื่อเต็ม : โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ฆอลี

เกิด : 15 มิถุนายน 1992 ที่แนกริก ประเทศอียิปต์

อายุ : 28 ปี

สัญชาติ : อียิปต์

ตำแหน่ง : กองหน้า, ปีก

ส่วนสูง : 175 เซนติเมตร

เส้นทางลูกหนัง

เด็กชายซาลาห์ เริ่มต้นการเล่นฟุตบอล ด้วยการหัดเตะบอลจากทีมท้องถิ่นในบ้านเกิด ก่อนที่ในปี 2010 จะได้ย้ายไปเป็นนักเตะระดับเยาวชนของ เอล โมคารุน สโมสรลูกหนังที่อยู่ห่างไกลจากเมืองที่เขาพักอาศัยอย่างมาก ทว่านั่นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของไอ้หนูที่มีใจรักในกีฬาลูกหนังคนนี้

ซึ่งจากที่นี่เองที่ช่วยให้เขาพัฒนาฝีเท้า และโชว์ฟอร์มการเล่นได้ดีขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถขึ้นมาเล่นในระดับเยาวชน ทีมสำรอง จนามารถขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่ได้สำเร็จ โดยใน 2 ฤดูกาล ที่เจ้าตัวเล่นให้กับที่นี่ เขายิงไปได้ 11 ประตู จากการลงสนาม 38 นัด จนฝีเท้าไปเข้าตาแมวมองของ บาเซิล ทีมลูกหนังชื่อดังของลีกสวิตเซอร์แลนด์

จากฝีเท้าอันยอดเยี่ยมนี้เอง ทำให้ในปี 2012 บาเซิ่ล จัดการดึงตัว ซาลาห์ เข้ามาร่วมทีม ซึ่งการย้ายข้ามน้ำข้ามทะลจากทวีปแอฟริกา มาค้าแข้งในทวีปยุโรปกับต้นสังกัดใหม่ ต้องมาเจอสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ การฝึกซ้อมในแบบที่ไม่คุ้นเคย รวมทั้งเพื่อนร่วมทีมคนใหม่ๆ ทำให้ ซาลาห์ ค่อนข้างปรับตัวได้ลำบาก

ในช่วงแรกที่เจ้าตัวย้ายมา บาเซิ่ล ยังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับรูปแบบการเล่นของทีมได้ จนต้องไปเริ่มต้นเล่นที่ทีมสำรอง จากนั้นด้วยความมุ่งมั่น และความพยายามของดาวเตะอียิปต์ เจ้าตัวก็พยายามฝึกซ้อม และยกระดับการเล่นของตัวเองจนสามารถขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่สำเร็จ แต่ก็ยังเป็นแค่ตัวสำรองอยู่

กว่าที่ ซาลาห์ จะได้ลงสนามก็ใช้เวลานานพอสมควร ซึ่งเจ้าตัวได้ลงสนามเป็นแมตช์แรก ในเกมที่ บาเซิ่ล เอาชนะ ธูน ไป 3-1 ในวันที่ 12 สิงหาคม ปี 2012 และหลังจากนั้น เจ้าตัวก็ได้ลงเล่นเป็นตัวจริง สลับกับตัวสำรองอย่างต่อเนื่อง และทำผลงานได้ค่อนข้างยอดเยี่ยม ทั้งเกมลีกในประเทศ และในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งการโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นในถ้วยุโรปนี้เอง ทำให้ผลงานไปเข้าตาของ "สิงห์บลูส์ื" เชลซี ทีมยักษ์ใหญ่พรีเมียร์ลีก

หลังจากที่ซุ่มดูฟอร์มมาอยู่นาน และแล้ว ในปี 2014 เชลซี ก็ได้ยื่นข้อเสนอขอซื้อตัว ซาลาห์ มาร่วมทีม ด้วยค่าตัว 11 ล้านปอนด์ ซึ่งเจ้าตัวก็ได้กลายมาเป็นนักตะอียิปต์คนแรกในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ อีกด้วย ซึ่งเขาได้เซ็นสัญญา 5 ปีครึ่ง และสวมหมายเลข 15 ให้กับทีม

 

การได้ย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีก ถือเป็นการก้าวกระโดดอย่างมากของ ซาลาห์ และเขาก็หวังจะสร้างชื่อกับ เชลซี ให้ได้ ทว่าทุกอย่างมันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เมื่อแผงกองกลางของทัพ "สิงห์บลูส์" ในชุดนั้น แข็งแกร่งและยอดเยี่ยมอย่างมาก เพราะมีทั้ง เชส ฟาเบรกาส, ออสการ์, เอเดน อาซาร์, เนมานย่า มาติช รวมทั้ง จอห์น โอบี มิเกล ทำให้เขาไม่สามารถเบียดลงเล่นเป็นตัวจริงของทีมได้

ซึ่งจากการค้าแข้งที่นี่ในซีซั่นแรก เจ้าตัวได้ลงสนามเพียง 13 นัดเท่านั้น ทำให้ ซาลาห์ เลือกที่จะขอย้ายออกจากทีม เพื่อที่จะหาโอกาสในการลงสนาม ซึ่ง เชลซี ก็ไม่ขัดขวางแต่อย่างใด เมื่อได้ทำการปล่อยตัวเขาให้ย้ายไปร่วมทีม ฟิออเรนติน่า ทีมลูกหนังชื่อดังในศึกกัลโช่ เซเรีย อา

การย้ายมาเล่นกับ ฟิออเรนติน่า เจ้าตัวก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมอย่างมาก แต่เขาก็ค้าแข้งที่นี่ได้เพียงครึ่งซีซั่นเท่านั้น เขาก็ต้องย้ายทีมอีกครั้ง เมื่อเจ้าตัวต้องการที่จะย้ายไปร่วมทัพ โรม่า ทีมคู่แข่งร่วมลีก แมัว่าทัพ "ม่วงมหากาฬ" ต้องการจะซื้อขาด ทว่า ซาลาห์ ก็ไม่ต้องการอยู่นี่ถาวร จนในที่สุดก็ได้ย้ายไปเป็นสมาชิกใหม่ของทัพ "หมาป่ากรุงโรม" สมดังตั้งใจ

การย้ายมาเล่นในรูปแบบการยืมตัว ซาลาห์ ก็ระเบิดฟอร์มการเล่นได้อย่างร้อนแรง ยิงไปถึง 15 ประตู กับอีก 7 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 42 เกมในทุกรายการ กลายเป็นตัวหลักที่ทีมจะขาดไม่ได้เลย ซึ่งทำให้ โรม่า ไม่ลังเลใจเลยที่จะซื้อขาดเขามาร่วมทีมด้วยค่าตัว 15 ล้านปอนด์

และในซีซั่นที่สองกับ โรม่า นี้เอง ที่ ซาลาห์ ระเบิดฟอร์มการเล่นได้อย่างสุดยอดอย่างมาก เขายิงประตูไปถึง 19 ลูก กับอีก 15 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 41 นัดในทุกรายการ จนได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของสโมสรไปครองอีกด้วย

และแล้วฝีเท้าอันยอดเยี่ยมของ ซาลาห์ นี้เอง ที่กำลังจะนำพาให้เจ้าตัวกลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง เมื่อ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมันของ ลิเวอร์พูล ต้องการที่จะสร้างทีมขึ้นมาใหม่ เพื่อการนำทัพ "หงส์แดง" กลับมาสู่ความยิ่งใหญ่ในลีกอังกฤษให้ได้ และกำลังมองหาขุมกำลังในแนวรุกเข้ามาสู่ทีม และก็ไปต้องตาต้องใจกับฟอร์มอันร้อนแรงของดาวยิงทีมชาติอียิปต์ และหวังที่จะสอยตัวมาร่วมทีม

และในวันที่ 1 กรกฎาคม 2017 ซาลาห์ ก็ได้ย้ายมาร่วมทีม ลิเวอร์พูล อย่างเป็นทางการ ด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติสโมสรถึง 42 ล้านปอนด์ ซึ่งอีกเหตุผลหลักที่เจ้าตัวเลือกย้ายมาเล่นให้กับ "หงส์แดง" ก็เพื่อกลับมาพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง หลังจากเคยล้มเหลวกับการเล่นให้กับ เชลซี ว่าเขามีดีมากพอที่จะเล่นในศึกพรีเมียร์ลีกได้

และเพียงฤดูกาลแรกกับ "หงส์แดง" ซาลาห์ ก็แสดงให้เห็นทันทีว่าของจริงนั้นเป็นยังไง เมื่อลงเล่นไป 52 เกมในทุกรายการ ยิงไปถึง 44 ลูก และแอสซิสต์ไป 16 ครั้ง คว้าอันดับดาวซัลโวของพรีเมียร์ลีก และพาทีมจบอันดับ 4 ของตาราง แถมยังพาทีมเข้าชิงชนะเลิศศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อีกด้วย ทว่าก็อกหักไปพ่ายให้กับ เรอัล มาดริด 1-3 ได้แค่รองแชมป์เท่านั้น

 

ฤดูกาลถัดมา 2018/2019 เป็นปีที่ ลิเวอร์พูล เสริมตัวผู้เล่นได้ตรงจุด และเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม แข็งแกร่งอย่างมาก รวมทั้งฟอร์มการถล่มประตูของ ซาลาห์ ก็ยังร้อนแรงต่อเนื่อง เขาลงเล่นไป 52 เกมจากทุกรายการ ยิงไปได้ 27 ประตู กับอีก 12 แอสซิสต์ พา "หงส์แดง" เบียดแย่งแชมป์กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แบบสุดสูสี แต่สุดท้ายก็มาพลาดในช่วงท้ายฤดูกาล กลายเป็น "เรือใบสีฟ้า" ที่ได้แชมป์ไปครอง โดยมีแต้มชนะทีมของ ซาลาห์ เพียงแค่แต้มเดียวเท่านั้น

แต่ยังไงฤดูกาลนี้ ก็ยังเป็นฤดูกาลที่สุดยอดอย่างมากของ ลิเวอร์พูล เนื่องจากทีมสามารถเข้าชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกได้อีกครั้ง และคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ จากนั้นในช่วงต้นปี 2019 ทีมก็เดินหน้ากวาดอีกหลายแชมป์ทั้งยูฟ่า ซูเปอร์คัพ รวมทั้ง แชมป์สโมสรโลก อีกด้วย

ในฤดูกาล 2019/2020 ลิเวอร์พูล ที่พกความแค้นมาเต็มกระเป๋า กับการแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีก ก็เร่งเครื่องตั้งแต่นัดแรก เดินหน้ากวาดชัยชนะแบบไที่ไม่มีใครหยุดอยู่ได้ แม้ว่าฟอร์มการเล่นของ ซาลาห์ จะดร็อปลงเล็กน้อย ไม่ได้ยิงเป็นเข้าเหมือนที่ผ่านๆ มา แต่ทีมก็ยังมีผลการแข่งขันที่ยอดเยี่ยม ทำแต้มทิ้งห่างทีมอื่นๆ แบบไม่เห็นฝุ่น และแทบจะเข้าป้ายรับแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี ตั้งแต่จบครึ่งฤดูกาลแรกแล้ว

แต่แล้วเหตุการณ์ที่แฟนบอลทั้งโลกไม่ได้คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้การฟาดแข้งพรีเมียร์ลีกต้องหยุดการแข่งขันในช่วงต้นเดือนมีนาคม แต่ทีมจะเป็นแชมป์เสียอย่าง ไม่ว่าสิ่งไหนก็ไม่สามารถมาหยุดยั้งความยิ่งใหญ่ครั้งนี้ได้

กลางเดือนมิถุนายน 2020 ศึกพรีเมียร์ลีก ก็กลับมาฟาดแข้งอีกครั้ง หลังจากหยุดแข่งไปนานเกือบ 3 เดือน และเพียงไม่กี่นัดหลังจากกลับมาเตะใหม่ ซาลาห์ และ พลพรรค "หงส์แดง" ก็สามารถผงาดคว้าแชมป์ได้สำเร็จ หลังจากที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกไปพ่ายให้กับ เชลซี 1-2 ทำให้แต้มของ "เรือใบสีฟ้า" ตามไม่ทันแล้ว เป็นการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี อีกด้วย

ซึ่งจบฤดูกาลนี้ ซาลาห์ ก็ลงเล่นไปทั้งหมด 48 นัดในทุกรายการ ยิงไปได้ 23 ประตู และทำไปอีก 13 แอสซิสต์ ซึ่งก็ยังถือว่ายอดเยี่ยมอย่างมากแม้สถิติจะตกลงจากซีซั่นก่อนๆ ก็ตาม

จากความสำเร็จอันมากมาย ที่ ซาลาห์ ได้รับกับ ลิเวอร์พูล ทำให้มีข่าวออกมาว่า เจ้าตัวอาจจะตัดสินใจย้ายออจากถิ่นแอนฟิลด์ เพื่อไปค้าแข้งกับ 2 ยักษ์ใหญ่ลีกสเปน อย่าง เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า ทว่าเมื่อเปิดฤดูกาล 2020/2021 ดาวยิงทีมชาติอียิปต์ ก็ยังค้าแข้งให้กับทีม และยังคงเป็นกำลังสำคัญที่ทีมจะขาดไม่ได้ เช่นเคย

ผลงานทีมชาติ

กับทีมชาติอียิปต์ นั้น ซาลาห์ ลงเล่นมาแล้วในหลายๆ ชุด ไล่มาตั้งแต่ ชุดอายุไม่เกิน 20 ปี / ชุดอายุไม่เกิน 23 ปี / ชุด ทีมโอลิมปิก รวมทั้งทีมชาติชุดใหญ่ ซึ่งก็ติดทีมชาติของ ซาลาห์ มีเรื่องที่น่าประหลาดใจอย่างมาก เมื่อเขาลงเล่นในทีมชาติชุดใหญ่ของอียิปต์ ก่อนการไปเล่นในชุดทีมโอลิมปิก เสียอีก

โดย ซาลาห์ ลงเล่นในทีมชาติชุดใหญ่เป็นแมตช์แรก ในวันที่ 3 กันยายน 2011 ซึ่งเวลานั้นเขามีอายุเพียง 19 ปี เท่านั้น ส่วนการติดทีมชุดโอลิมปิกนั้น เขามาติดทีมในวันที่ 26 กรกฎาคม 2012 ซึ่งในเวลานั้นเขามีอายุ 20 ปี นั่นเอง

ถึงเวลานี้ ซาลาห์ ลงเล่นให้ทีมชาติชุดใหญ่ไปแล้ว 64 นัด ยิงไปถึง 41 ประตู แล้ว ผลงานที่ถือว่าเป็นไฮไลท์สำคัญกับการเล่นทีมชาติ คือการพาทีมเข้าไปชิงชนะเลิศ ศึกแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ ปี 2017 ทว่าก็ไปพ่ายแพ้ให้กับ แคเมอรูน แบบน่าเสียดาย 1-2 เป็นเพียงรองแชมป์ ในการลงเล่นทัวร์นาเมนต์ในบ้านตัวเอง เท่านั้น

เกียรติประวัติ

บาเซิล :

  • แชมป์ สวิสซูเปอร์ลีก : 2012-13 , 2013-14

เชลซี :

  • แชมป์ พรีเมียร์ลีก : 2014-15
  • แชมป์ อีเอฟแอลคัพ : 2014-15

ลิเวอร์พูล :

  • แชมป์ พรีเมียร์ลีก : 2019-20
  • แชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก : 2018-19
  • แชมป์ ยูฟ่าซูเปอร์คัพ : 2019
  • แชมป์ ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก : 2019

รางวัลส่วนตัว :

  • CAF Most Promising Talent of the Year : 2012
  • UAFA Golden Boy : 2012
  • Swiss Super League Player of the Year : 2013
  • SAFP Golden Player : 2013
  • El Heddaf Arab Footballer of the Year : 2013, 2017, 2018
  • A.S. Roma Player of the Season : 2015-16
  • Globe Soccer Awards Best Arab Player of the Year : 2016
  • CAF Team of the Year : 2016, 2017, 2018
  • CAF Africa Cup of Nations Team of the Tournament : 2017
  • Premier League Player of the Month : พฤศจิกายน 2017, กุมภาพันธ์ 2018, มีนาคม 2018
  • PFA Player of the Month : พฤศจิกายน 2017, ธันวาคม 2017, กุมภาพันธ์ 2018, มีนาคม 2018, ธันวาคม
  • 2018, มกราคม 2019, เมษายน 2019
  • BBC African Footballer of the Year : 2017 , 2018
  • African Footballer of the Year : 2017, 2018
  • BBC Goal of the Month : ธันวาคม 2017, กุมภาพันธ์ 2018, เมษายน 2019, กันยายน 2019
  • Goal’s Arab Player of the Year : 2017 , 2018
  • PFA Players’ Player of the Year : 2017-18
  • FWA Footballer of the Year : 2017-18
  • Premier League Golden Boot : 2017-18 , 2018-19
  • Premier League Player of the Season : 2017-18
  • PFA Team of the Year : 2017-18
  • Liverpool Player of the Season : 2017-18
  • Liverpool Players’ Player of the Season : 2017-18
  • PFA Fans’ Player of the Year : 2017-18
  • UEFA Champions League Squad of the Season : 2017-18
  • Onze d’Argent : 2017-18
  • Honorary Citizen of the Chechen Republic : 2018
  • UEFA Champions League Forward of the Season : 2017-18 (2nd place), 2018-19 (4th place)
  • FIFA Puskás Award : 2018
  • Football Supporters’ Federation Player of the Year : 2018
  • FIFA FIFPro World11 2nd team : 2018
  • FIFA Club World Cup Golden Ball : 2019
  • Football Supporters’ Federation Player of the Year : 2018
  • ESM Team of the Year: 2017–18
  • IFFHS Men’s World Team : 2018, 2019
  • GQ Middle East Man of The Year Award : 2019
  • FIFA World Cup qualification (CAF) top scorer : 2014
  • Standard Chartered Liverpool Player of the Month: สิงหาคม 2017, กันยายน 2017, พฤศจิกายน 2017, ธันวาคม 2017, กุมภาพันธ์ 2018, มีนาคม 2018, เมษายน 2018, ตุลาคม 2018, ธันวาคม 2018, เมษายน 2019, สิงหาคม 2019, มกราคม 2020

-------------------------------------------------

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

>> Sports Profile : ประวัติ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ กองหลังที่เก่งที่สุดของวงการฟุตบอล ยุคนี้

>> ดิโอโก้ โชต้า ตัวเทพคนใหม่ของ ลิเวอร์พูล

-------------------------------------------------

ดูสดฟรี!! ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ทุกสัปดาห์ พร้อมกีฬาชั้นนำระดับโลกแบบจัดเต็ม ต้อง App TrueID เท่านั้น

รวมข้อมูลแก้ไขปัญหาการใช้งาน รับชม หรือโปรโมชันกิจกรรมต่างๆ >> คลิกที่นี่

เก็งไม่มีพลาด! ฟันธงคู่ไหนเด็ด! เจาะลึกก่อนเกมพรีเมียร์ลีก สมัครทาง SMS พิมพ์ R1 ส่งมาที่ 4238066 หรือคลิกที่แบนเนอร์ด้านล่างนี้

 

ยอดนิยมในตอนนี้