[Exclusive] อาหารไทยในริโอเกมส์ เติมพลังกายและใจ นักกีฬาไทยสู้ศึกโอลิมปิก 2016

กีฬาโอลิมปิก มหกรรมกีฬายิ่งใหญ่ของมนุษยชาติที่มีการจัดขึ้นมาอย่างยาวนาน โดยประเทศต่างๆ จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพทุกๆ 4 ปี ถือเป็นรายการแข่งขันสำคัญที่นักกีฬาจากทั่วโลกมุ่งหวังที่ได้เข้าร่วมชิงชัยเหรียญรางวัลในกีฬาโอลิมปิกให้ได้สักครั้งหนึ่ง ซึ่งก็รวมถึงกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนครั้งที่ 31 ปี 2016 ที่กำลังจะมีขึ้น ณ กรุงริโอ เดอจาเนโร ประเทศบราซิล ระหว่างวันที่ 5–21 สิงหาคมนี้เช่นกัน

       ในส่วนของประเทศไทยมีการส่งนักกีฬาเข้าร่วมกีฬาโอลิมปิกเป็นครั้งแรกคือครั้งที่ 15 (พ.ศ.2495) ที่มีประเทศฟินแลนด์เป็นเจ้าภาพ โดยนับจนถึงปัจจุบันไทยได้เหรียญรางวัลรวมแล้วทั้งสิ้น 25 เหรียญ แบ่งเป็น 7 เหรียญทอง 6 เหรียญเงิน และ 12 เหรียญทองแดง

       สำหรับโอลิมปิกครั้งนี้ มีนักกีฬาไทยที่ได้โควต้าเข้าร่วมแล้วประมาณ 50 คน ใน 10 ชนิดกีฬาจากทั้งหมด 28 ชนิดกีฬาที่มีการจัดการแข่งขัน และด้วยเวลาที่เหลืออีกเพียงเดือนเศษๆ ก่อนจะถึงวันที่กองทัพนักกีฬาไทยจะได้แสดงศักยภาพในชนิดกีฬาที่ตนเองเข้าร่วม นี่จึงนับเป็นช่วงเวลาสำคัญที่นักกีฬาทุกคนต้องเร่งฝึกซ้อมและเตรียมความพร้อมทุกๆ ด้าน สำหรับการก้าวไปสู้ศึกเพื่อคว้าชัยใน “ริโอเกมส์ 2016”

อาหารไทยพลังสำคัญเตรียมความพร้อมทัพนักกีฬาไทย

นายแพทย์วารินทร์ ตัณฑ์ศุภศิริ รองเลขาธิการ คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมของนักกีฬาว่า ในด้านของสภาพร่างกายจะมีการดูแลอย่างใกล้ชิดทั้งก่อนและหลังการฝึกซ้อมรวมถึงระหว่างการแข่งขัน แต่ที่สำคัญไม่น้อยกว่ากันก็คือเรื่องอาหารการกิน เนื่องจากนักโภชนาการอาจไม่สามารถอยู่ให้คำปรึกษากับนักกีฬาได้ตลอดเวลา และอาหารถือเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยสร้างพลังงานให้กับนักกีฬา ซึ่งก้อาจแตกต่างกันกันไปในกีฬาแต่ละประเภท

       ทั้งนี้อาหารไทยถือว่ามีคุณค่ากับนักกีฬาอย่างยิ่ง ด้วยเอกลักษณ์ของหลายเมนูจะมีส่วนผสมของสมุนไพรที่เป็นประโยชน์ นักกีฬาสามารถรับประทานได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะต้องใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรืออาหารเสริมอื่นมากๆ ซึ่งเสี่ยงต่อการได้รับสารกระตุ้น (Doping) ต้องห้ามตามที่คณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือ IOC (International Olympic Committee) เตือนไว้ นอกจากนี้อาหารไทยยังมีความสำคัญสำหรับนักกีฬาไทยที่ต้องจากบ้านไปแข่งขันไกลๆ เช่น รายการกีฬาโอลิมปิกที่กำลังจะมาถึง “นักกีฬาก็ไม่ต่างกับคนไทยทั่วไป เมื่อไปอยู่ต่างประเทศเป็นเวลานานๆ แล้ว ถ้าได้รับประทานอาหารไทยก็เหมือนได้รับการเติมพลังใจจากคนไทย ไม่รู้สึกอยู่ไกลบ้าน เมื่อจิตใจดีก็ย่อมส่งผลดีต่อการแข่งขัน” หลายเสียงนักกีฬาไทย แข่งรายการไหน มีอาหารไทยติดไป กำลังใจมาเต็ม

       “เอ็ม” วุฒิชัย มาสุข นักมวยสากลสมัครเล่น ทีมชาติไทย หนุ่มบุรีรัมย์ผู้เคยคว้าเหรียญทองรุ่นไลท์เวลเตอร์เวทในการชกซีเกมส์ปี 2013 และปี 2015 รวมถึงเอเชียนเกมส์ปี 2014 มาแล้ว สำหรับโอลิมปิกครั้งนี้ “เอ็ม” คือหนึ่งความหวังสำคัญว่าจะคว้าเหรียญรางวัลมาให้คนไทยได้ชื่นชมเช่นเดียวกับนักมวยรุ่นพี่ในอดีต

       “มวยชกกัน 3 ยก แต่เราชกมาตั้งแต่ก่อนยกแรกแล้ว การแข่งโอลิมปิกครั้งนี้แม้จะเป็นครั้งแรก แต่ไม่ได้รู้สึกกดดัน การได้รับใช้ชาติ มีธงชาติไทยติดอกเสื้อ เต็มร้อยอยู่แล้ว ขึ้นไปบนเวทีแพ้-ชนะเป็นแค่เกมกีฬา ผมเชื่อว่านักกีฬาทุกคนก็ต้องอยากได้ชัยชนะกลับบ้าน ตอนนี้พวกเราก็เตรียมตัวฝึกซ้อมกันเต็มที่”

       สำหรับสิ่งที่คิดถึงมากที่สุดเวลาไปแข่งขันที่ต่างประเทศ “เอ็ม” ตอบว่า “คิดถึงประเทศไทย คิดถึงในหลวงเพื่อปลุกเร้าให้เราตั้งใจทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อนำชัยชนะกลับมาประเทศให้คนไทยภาคภูมิใจ”

       นอกจากนี้เขายังบอกว่า กำลังใจชั้นดีก็คือครอบครัว และแรงเชียร์จากคนไทย รวมถึงอาหารไทยอร่อยๆ ระหว่างไกลบ้าน “การเป็นนักมวยต้องกินอาหารที่ให้พลังงาน ผมชอบอาหารพวกข้าว ไก่ย่างน้ำจิ้มแจ่ว แต่ก่อนเวลาไปแข่งในต่างประเทศ ถ้าอยากกินอาหารไทยก็จะได้คนไทยในประเทศนั้นๆ ช่วยเหลือ แต่โอลิมปิกครั้งนี้มีผู้สนับสนุนอาหารไทย รู้สึกเหมือนมีกำลังใจจากคนไทยคอยเชียร์ คอยสู้อยู่ใกล้ๆ เลยครับ”

        “แสบ” เปี่ยมวิลัย เล่าเปี่ยม นักชกมวยสากลสมัครเล่นหญิง หนึ่งเดียวและคนแรกของไทยในโอลิมปิกเกมส์ ที่เพิ่งได้รับการโหวตจากสมาชิกสมาพันธ์มวยสากลสมัครเล่นแห่งอาเซียนให้เป็น “นักกีฬายอดเยี่ยมประจำเดือนพฤษภาคม 2559” อีกหนึ่งความหวังเหรียญรางวัล ซึ่งโอลิมปิกครั้งนี้คือบทพิสูจน์อย่างดีว่า “แสบ” มีศักยภาพพียงพอที่จะไปคว้าเหรียญในรายการสำคัญที่สุดนี้ได้หรือไม่

       “กว่าจะมาถึงวันนี้ก็มีท้อบ้าง แต่ไม่ยอมแพ้ ตราบใดที่ยังทำความฝันไม่สำเร็จก็จะอดทน และไม่หยุดยั้ง การซ้อมทำให้เรามุ่งมั่น สำหรับโอลิมปิกครั้งนี้ก็จะเตรียมร่างกายให้พร้อมและแข็งแกร่งที่สุด เพื่อปิดข้อบกพร่องของตัวเอง และทางสตาฟโค้ชให้ศึกษาข้อมูลคู่ชกแต่ละประเทศไว้บ้างแล้ว”

       นอกจากนี้ “แสบ” บอกว่าการเป็นนักมวยที่ต้องมีการควบคุมน้ำหนักจึงต้องใส่ใจเรื่องอาหารให้พอดีทั้งการได้รับพลังงานที่เพียงพอและควบคุมน้ำหนักไปพร้อมกัน ส่วนตัวชอบอาหารที่ทำจากเนื้อไก่ โดยเฉพาะส่วนอกซึ่งมีโปรตีนสูงแต่ไขมันน้อย ชอบรับประทานต้มยำไก่บ้านมากเป็นพิเศษ แต่ที่ผ่านมาความยากลำบากคือ การไปแข่งขันในต่างประเทศจะหาอาหารไทยที่รสชาติคุ้นเคยยาก ทุกครั้งที่เดินทางไปแข่งขันในต่างประเทศจะต้องหอบหิ้วอุปกรณ์ทำครัวไปทำกับข้าวรับประทานกันเอง วัตถุดิบก็หาเท่าที่ได้ แต่โอลิมปิกครั้งนี้แสบมั่นใจว่าจะทำผลงานได้ดีแน่นอน เพราะมีหนึ่งในเมนูอาหารไทยที่ชื่นชอบคือ อกไก่นุ่ม ไปช่วยเสริมพลังให้ถึงริโอเกมส์

       “พีท” คุณาธิป เยี่ยอ้น นักยูโดชายทีมชาติไทย รุ่นน้ำหนักมากกว่า 100 กิโลกรัม ทีมีส่วนสูงถึง 193 ซ.ม. และหนักถึง 140 ก.ก. แถมคว้าเหรียญทองซีเกมส์ ที่สิงคโปร์ มาแล้ว พีทหัดเล่นยูโดมาตั้งแต่อายุ 11 ปีจากการสนับสนุนของคุณพ่อคุณแม่ซึ่งเป็นนักกีฬายูโดเช่นกัน และปัจจุบันอายุก็เพียง 21 ปี พีทบอกว่าเสน่ห์ของกีฬาชนิดนี้มิใช่แค่การใช้พละกำลัง แต่รวมถึงการวางแผนเพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเช่นกันให้ได้

       แม้จะทราบว่าได้สิทธิ์เข้าร่วมโอลิมปิกเมื่อไม่นานมานี้ แต่ก็พยายามเรียกความฟิตมาได้ที่ประมาณ 80% แล้ว และที่เหลือจากนี้ก็จะซ้อมอย่างต่อเนื่องเพื่อทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด ทั้งนี้การเล่นยูโดต้องใช้แรงมาก การเตรียมพร้อมเรื่องอาหารเพื่อเสริมสมรรถภาพของร่างกายจึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยจะเน้นกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และเน้นเมนูคาร์โบไฮเดรตเป็นพิเศษหลังการแข่งขันเพื่อเรียกพลังกลับคืนมา

        “เวลาไปแข่งกีฬาในต่างประเทศก็มักจะคิดถึงอาหารไทยที่คุ้นปาก และมีเสน่ห์ที่ประเทศอื่นไม่มี หรือทำได้ไม่เหมือนคืออาหารรสจัด การที่กีฬาโอลิมปิกครั้งนี้มีอาหารไทยโดยเฉพาะเมนูรสจัดหลายอย่างที่ผมชอบไปสนับสนุน ถือว่าช่วยทั้งเรื่องสภาพร่างกาย และเป็นกำลังใจให้นักกีฬาได้มากๆ เลยครับ”

       อีกหนึ่งความหวังเหรียญในกีฬา โอลิมปิก 2016 บุญศักดิ์ พลสนะ “แมน” เจ้าของฉายาซุปเปอร์แมน นักแบดมินตันชายมือ 1 ทีมชาติไทย และอดีตมือ 4 ของโลก ที่เคยคว้าอันดับ 4 จากการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน 2004 ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ มาแล้ว กล่าวถึงการเตรียมตัวสู่โอลิมปิก 2016 ว่า ช่วงนี้อาจยังไม่มีความกดดันอะไรมาก แต่เมื่อถึงการแข่งขันจริงๆ ความกดดันอาจเพิ่มขึ้น ชัยชนะขึ้นอยู่กับว่านักกีฬาจะสามารถรับมือได้มากน้อยเพียงใด แม้โอลิมปิกครั้งนี้จะค่อนข้างไกลจากประเทศไทย แต่การถ่ายทอดกีฬาก็จะทำให้คนไทยได้รับรู้ และช่วยส่งแรงเชียร์ให้นักกีฬามีกำลังใจได้อีกทางหนึ่ง

       “ผมได้ไปแข่งกีฬาในต่างประเทศบ่อยครั้ง ทำให้รู้ว่าปัจจัยสำคัญหนึ่งที่ช่วยให้เราทำผลงานได้ดีก็คือเรื่องอาหารระหว่างแข่งขัน โดยเฉพาะผมเป็นคนติดข้าว และกินค่อนข้างยาก ดังนั้นการได้ความพร้อมจากการเตรียมนำอาหารไทยไปให้นักกีฬาโอลิมปิกในครั้งนี้จึงมีประโยชน์ต่อนักกีฬาไทยทุกคนแน่นอน”

ซีพี “ร่วมภูมิใจ ร่วมเชียร์ไทย ด้วยหัวใจเดียวกัน”

ด้านเครือเจริญโภคภัณฑ์ นายวิทวัส ตันติเวสส รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ด้านการตลาด บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าด้วยแนวคิด “เติมพลังชีวิตนักกีฬาไทย เติมพลังใจคนไทยทั้งชาติ” เครือเจริญโภคภัณฑ์ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมสร้างประโยชน์ให้กับประเทศไทยในการแข่งขันกีฬา โอลิมปิก 2016 โดยได้รับเกียรติจากคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย และการกีฬาแห่งประเทศไทย ให้เป็นผู้สนับสนุนด้านอาหารแก่คณะนักกีฬาโอลิมปิกไทยอย่างเป็นทางการ ตลอดระยะเวลาการแข่งขันกีฬา โอลิมปิก 2016 ที่ประเทศบราซิล เครือเจริญโภคภัณฑ์ ในฐานะผู้ผลิตอาหารปลอดภัยด้วยมาตรฐานโลก ได้คัดเลือกผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทานกว่า 11 เมนู อาทิ ข้าวกล้องแกงส้มปลาดอร์รี่, ข้าวกล้องปลาแพนกาเซียสดอร์รี่ผัดพริกทรงเครื่อง, ข้าวกะเพราไก่, อกไก่นุ่ม, อกไก่นุ่มพริกสด, บะหมี่เป็ดย่างโฟร์ซีซั่นส์, พาสต้าผัดขี้เมาสเต๊กหมูดำคุโรบูตะ, เกี๊ยวกุ้ง, เกี๊ยวกุ้งต้มยำ, มินิสแน็กไก่กระเทียมพริกไทย, ไก่ย่างน้ำจิ้มแจ่ว พร้อมข้าวกล้องและข้าวสวยหอมมะลิพร้อมรับประทาน ซึ่งเป็นเมนูที่คัดสรรแล้วว่ามีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายและให้พลังงานครบถ้วน ส่งตรงให้ทัพนักกีฬาไทยได้รับประทาน เพื่อเป็นกำลังใจให้คณะนักกีฬาไทยได้อิ่มอร่อยกับอาหารไทยที่สะอาด ปลอดภัยและคุณภาพดี ในรสชาติที่ถูกปากคนไทย

       “การที่ผมเคยเป็นนักกีฬารักบี้มาก่อน ทำให้ตระหนักว่าโภชนาการที่ดี และมีคุณภาพมีความสำคัญต่อการเสริมสร้างสมรรถภาพร่างกาย และยังเป็นขวัญกำลังใจให้กับนักกีฬาได้อย่างมาก โดยเฉพาะการเดินทางไปแข่งขันในต่างประเทศที่การจัดหาอาหารไทยรสชาติที่นักกีฬาคุ้นเคยคืออุปสรรคอย่างมาก ดังนั้นการที่เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้ทำหน้าที่สนับสนุนด้านอาหารแก่คณะนักกีฬาโอลิมปิกไทยครั้งนี้ จึงเป็นความภูมิใจที่เราได้มีส่วนร่วมเชียร์ไทยด้วยการเติมพลังกายและพลังใจให้กับนักกีฬาทีมชาติไทยมีความพร้อมในการไปคว้าชัยชนะ และนำชื่อเสียงกลับมาสู่ประเทศไทยอีกทางหนึ่ง” นายวิทวัส กล่าว