รีเซต
บอตเกิดเกมเปลี่ยน : เมื่อ Nike เปิดช่องให้ New Balance กลายเป็นสนีกเกอร์ร้อนแรงที่สุดในปี 2021 | Main Stand

บอตเกิดเกมเปลี่ยน : เมื่อ Nike เปิดช่องให้ New Balance กลายเป็นสนีกเกอร์ร้อนแรงที่สุดในปี 2021 | Main Stand

บอตเกิดเกมเปลี่ยน : เมื่อ Nike เปิดช่องให้ New Balance กลายเป็นสนีกเกอร์ร้อนแรงที่สุดในปี 2021 | Main Stand
เมนสแตนด์
21 มกราคม 2565 ( 11:00 )
380

"เรากำลังเสี่ยงที่จะสูญเสียกลุ่มลูกค้าที่คลั่งไคล้รองเท้าสนีกเกอร์ … เพราะความต้องการที่มากจนเกินไป ความไฮป์กำลังจะทำลายวัฒนธรรม และพวกเขากำลังจะย้ายไปอยู่กับแบรนด์อย่าง New Balance"

 


ข้อความนี้เกิดขึ้นในห้องประชุมผู้บริหาร Nike ฝั่งรองเท้าสนีกเกอร์ กับความกังวลที่แบรนด์เบอร์ 1 ของโลก กำลังหวาดกลัวที่จะเสียฐานตลาด ให้กับ New Balance แบรนด์ที่เคยถูกมองข้ามมานานหลายปี แต่บัดนี้คือหนึ่งในแบรนด์ที่พุ่งแรงที่สุดของวงการสนีกเกอร์ 

จากรองเท้าของคุณลุง New Balance เปลี่ยนแปลงการตลาดของตัวเองให้กลับไปได้รับความสนใจจากเหล่าสนีกเกอร์เฮดอีกครั้ง และช่องว่างทางธุรกิจของ Nike ก็เปิดโอกาสให้พวกเขาพบกับคู่แข่งรายใหม่ที่แบรนด์ดังเจ้าของโลโก้ Swoosh จะมองข้ามไม่ได้ เพราะ New Balance กลายมาเป็นแบรนด์สนีกเกอร์ที่ร้อนแรงและน่าจับตาที่สุดในปีที่ผ่านมา

ติดตามเรื่องราวไปกับ Main Stand ได้ที่นี่

 

เบอร์ 1 วงการสนีกเกอร์

Nike ไม่ใช่แค่บริษัทรองเท้าที่หาวิธีดึงดูดลูกค้าได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ยังเป็นสุดยอดด้านการตลาดที่หลายบริษัทต้องมาลอกเลียนแนวทางของแบรนด์ดังไปใช้ในการขายสินค้าของตัวเอง 

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Nike ประสบความสำเร็จอย่างมากกับการหาวิธีให้คนมาซื้อรองเท้าสนีกเกอร์ หนึ่งในวิธีการสำคัญคือการหาสตอรี่ให้กับรองเท้า นำหน้ามาก่อนการชูจุดเด่นไปที่นวัตกรรมใหม่ ๆ หรือศักยภาพในการใช้จริงของรองเท้า 

วิธีการสร้างสตอรี่ของ Nike คือการจับมือกับเซเลบริตี้ชื่อดัง เพื่อนำชื่อเสียงและไอเดียที่แตกต่างของกลุ่มคนเหล่านั้นมาใช้ในการเพิ่มเรื่องราวจากรองเท้าธรรมดาคู่หนึ่งให้กลายเป็นรองเท้าอันมีที่มาที่ไปและมีสตอรี่ที่น่าสนใจซึ่งถูกถ่ายทอดลงไปในตัวสินค้า 

ยกตัวอย่างเช่น การร่วมมือกับ เวอร์จิล อาโบลห์ (Virgil Abloh) ดีไซน์เนอร์และผู้ก่อตั้งแบรนด์ชื่อดังอย่าง Off-White ผู้ล่วงลับ ซึ่งเวอร์จิลคือบุคคลสำคัญที่ทำให้รองเท้าหลายต่อหลายรุ่นของ Nike ได้รับความนิยมถึงขีดสุด 

ไม่ว่าจะเป็นรุ่น Dunk, Air Jordan 1, Nike Air Presto และอีกมากมายนับไม่ถ้วน เพราะทุกคู่ที่เวอร์จิลเข้าไปมีส่วนร่วมในการออกแบบ เขาจะหาเรื่องราวมาใส่ในรองเท้าเสมอ 

รวมถึง จี ดราก้อน (G-Dragon) แรปเปอร์หนุ่มชื่อดังชาวเกาหลีใต้ ที่ใช้ตัวตนของตัวเองใส่ลงไปในรองเท้า Air Force 1 Low x Peaceminusone Para-noise ทั้งสองรุ่น จนกลายเป็นของฮิตติดตลาด โดยไม่ใช่แค่ในหมู่คนรักรองเท้า 

รวมถึงการออกแบบรองเท้า Kwondo 1 ซึ่งแรปเปอร์ชาวเกาหลีใต้ใช้ไอเดียจากรองเท้าเทควันโด ผสมกับรองเท้ากอล์ฟ และสตั๊ดฟุตบอลจากรุ่น Nike Tiempo มาผสมกันให้กลายเป็นรองเท้าคู่ใหม่ ซึ่งออกแบบมาในลักษณะของ Dress Shoes หรือรองเท้าที่ใส่ออกงานหรู ซึ่งปกติจะยืนอยู่ตรงข้ามกับสนีกเกอร์ แต่รองเท้าคู่นี้กลับกลายเป็นสนีกเกอร์ที่มีรูปร่างเหมือน Dress Shoes ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและกลายเป็นที่สนใจของผู้คน

นี่เป็นตัวอย่างเพียงส่วนน้อยมาก ๆ เท่านั้นกับการพยายามสร้างสตอรี่ให้กับรองเท้าของ Nike ถึงจะมีบางรุ่นที่ไม่ได้รับความนิยมอย่างที่แบรนด์คาดหวัง แต่ส่วนใหญ่ก็ฮิตติดตลาดขายดีเทน้ำเทท่า และทำให้ราคารีเซลล์หรือราคาขายต่อของรองเท้าพุ่งขึ้นเป็นเท่าตัว บางรุ่นพุ่งในระดับ 3-4 เท่า หรือมากกว่านั้นก็มีเช่นกัน

สรุปหลักการง่าย ๆ ของ Nike คือพวกเขาไม่ได้ขายรองเท้าที่รองเท้าแต่ขายรองเท้าที่เรื่องราวของรองเท้า มีคนมากมายที่อยากได้สนีกเกอร์ของ Nike เพราะสตอรี่ของรองเท้าไม่ใช่ที่รูปลักษณ์ของมัน และสตอรี่เหล่านี้ยังเป็นสิ่งที่ดึงดูดคนที่ไม่ได้เป็นคนรักสนีกเกอร์ให้เข้ามาสนใจอยากจับจองเป็นเจ้าของรองเท้าสักคู่

ด้วยเหตุนี้ Nike จึงมีสาวกของแบรนด์จำนวนมากที่ชื่นชอบในรองเท้าและต้องการเป็นเจ้าของสนีกเกอร์ในดวงใจ นี่เป็นเหตุผลให้แบรนด์จากรัฐโอเรกอน สหรัฐอเมริกา ยึดตำแหน่งเบอร์ 1 ของวงการสนีกเกอร์มายาวนานหลายปี รองเท้าส่วนใหญ่ที่ปล่อยออกมาจะขายหมดไม่มีเหลือจนเป็นเรื่องปกติ

Nike มีการตลาดมากมายที่ส่งผลให้แบรนด์ได้รับความนิยมจนถึงทุกวันนี้ แต่ทุกอย่างมีสองด้านเสมอ Nike ได้ประโยชน์มากมายจากแผนการตลาดของตัวเองก็จริง แต่มันได้นำมาซึ่งผลเสียของแบรนด์ด้วยเช่นกัน

 

ดังเกินไปก็ไม่ดี 

คนมากมายต้องการมีรองเท้าสนีกเกอร์รุ่นเด็ดของ Nike แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้มาไว้ในครอบครอง ท่ามกลางความต้องการที่สูงมาก ๆ แบรนด์ดังเจ้าของโลโก้ Swoosh กลับผลิตรองเท้าออกมาในจำนวนที่จำกัด บางรุ่นน้อยมากอยู่ในระดับแค่พันคู่ 

เหตุผลเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่ายในหลักการตลาด เพราะถ้ารองเท้าผลิตออกมาเป็นจำนวนมากจนทุกคนที่ต้องการสามารถหาซื้อมาใส่ได้ รองเท้าคู่นั้นก็ไม่มีความพิเศษอะไรและกลายเป็นรองเท้าดาด ๆ ธรรมดาทั่วไป พอเป็นแบบนั้นความน่าสนใจของรองเท้าก็จะลดลงไปและความต้องการในการบริโภคสินค้านั้น ๆ ก็จะลดลงตามไปด้วย

Nike จึงปล่อยรองเท้าออกมาในจำนวนจำกัด เพื่อให้มีคนจำนวนน้อยได้ครอบครอง ขณะที่คนจำนวนมากอดเป็นเจ้าของ เพื่อรักษา "ความอยากได้" ของเหล่าสนีกเกอร์เฮดเอาไว้ 

เมื่อครั้งหน้าที่รองเท้ารุ่นที่พวกเขาเคยพลาดในอดีตถูกนำกลับมาขายใหม่ เหล่าคนรักรองเท้าที่เคยอยากได้เมื่อหลายปีก่อนก็จะแห่กันมารอซื้อรองเท้าคู่ที่ตัวเองเคยพลาดในอดีต บ่มเพาะความอยากได้จนเติบโตมาเป็นเวลานับปีหรือหลายปี (บางคู่ก็หลายสิบปี) จนรองเท้าของ Nike ขายหมดไม่มีเหลือ 

วิธีการนี้ของ Nike เคยได้ผลดีมาตลอดหลายปี จนกระทั่งในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา Nike เจอปัญหาหนักโจมตีนั่นคือคนที่อยากได้รองเท้าของ Nike ไม่มีโอกาสได้ซื้อรองเท้าของ Nike เพราะรองเท้าไปอยู่กับกลุ่มคนที่ขายรองเท้าต่อ หรือที่เรียกว่า "รีเซลเลอร์" กันหมด

ปัญหาสำคัญที่ทำให้เหล่ารีเซลเลอร์กวาดซื้อรองเท้าไปจนเกลี้ยง ส่วนสนีกเกอร์เฮดธรรมดาได้แต่นั่งมองตาปริบ ๆ คือการที่เหล่าคนขายต่อใช้ "บอต" หรือโปรแกรมอัตโนมัติในการกวาดซื้อรองเท้าได้รวดเร็วฉับไว ทันทีที่มีการเปิดจำหน่ายในเว็บไซต์ของ Nike 

ขณะที่คนธรรมดามัวแต่นั่งกรอกข้อมูลเพื่อซื้อรองเท้า บอตของเหล่ารีเซลเลอร์ก็ได้กวาดสนีกเกอร์ที่ผู้คนอยากได้ไปจนหมดเกลี้ยงแล้ว ผลลัพธ์ที่ตามมาคือรองเท้าพวกนี้ถูกนำมาจำหน่ายอีกครั้ง แต่ไม่ใช่ในราคาป้ายตามที่ Nike ตั้งไว้ตอนแรก แต่ราคาจะแพงขึ้นเป็นเท่าตัว เพื่อสร้างกำไรให้เหล่ารีเซลเลอร์

เบื้องหลังจริง ๆ ที่นำมาสู่ปัญหานี้คือความนิยมที่พุ่งทะลุฟ้าของ Nike เป็นเรื่องปกติของโลกทุนนิยม ที่ต้องมีคนคิดหากำไรในสิ่งที่ผู้คนนิยม และกลุ่มคนรีเซลเลอร์เองก็ใช้ช่องวางจากการตลาดของ Nike มาสร้างรายได้เข้าสู่กระเป๋าของตัวเอง

การเป็นรีเซลเลอร์ไม่ใช่ปัญหาเพราะมันอยู่คู่กับวงการสนีกเกอร์มานาน แต่ที่เป็นปัญหาคือการใช้บอต เพราะยิ่งนับวันผ่านไปคนที่อยากได้รองเท้าจริง ๆ คนที่หลงรักสนีกเกอร์ด้วยหัวใจกลับไม่เคยได้เป็นเจ้าของรองเท้าในราคาป้าย เพราะรองเท้าไปอยู่ที่รีเซลเลอร์กันหมด ทำให้คนที่อยากได้จริง ๆ ต้องยอมกัดฟันจ่ายเงินราคาแพงเป็นเท่าตัว เพื่อซื้อมันมาไว้ในครอบครอง ส่วนคนที่งบไม่ถึงก็ได้แต่ฝันที่จะเป็นเจ้าของ

Nike ไม่เคยแก้ปัญหาเรื่องการป้องกันบอตมาซื้อรองเท้าในเว็บไซต์ของตัวเองได้เลย หรือพวกเขาไม่คิดจะแก้ปัญหาก็ไม่อาจทราบได้ เพราะสุดท้ายจะขายให้สนีกเกอร์เฮดหรือขายให้รีเซลเลอร์ Nike ก็ได้เงินจากการขายรองเท้าอยู่ดี

ปัญหาที่คาราคาซังมาหลายปีนี้ ทำให้คนจำนวนหนึ่งโดยเฉพาะที่สหรัฐอเมริกาเบื่อที่จะเล่นเกมกับ Nike และเริ่มไม่อยากได้รองเท้าของแบรนด์ Swoosh อีกต่อไป ซึ่งเปิดโอกาสให้อีกหนึ่งแบรนด์จากสหรัฐอเมริกาได้ออกโรงมาประกาศศักดาในเวทีสนีกเกอร์

 

Rise of New Balance 

New Balance คือแบรนด์ที่เราพูดถึง นับตั้งแต่เข้าสู่ศตวรรษที่ 21 เป็นต้นมา NB เป็นแบรนด์ที่ถูกมองข้ามจากสนีกเกอร์เฮดมาโดยตลอด ด้วยภาพลักษณ์ของการเป็น "รองเท้าคุณลุง" ของสนีกเกอร์จากแบรนด์นี้

เหตุผลที่รองเท้าของ NB กลายเป็นรองเท้าคุณลุงก็มาจากการตลาดของแบรนด์เอง ที่เลือกจะสร้างคอนเซ็ปต์ให้สนีกเกอร์ New Balance เป็นรองเท้าที่ใครก็ใส่ได้ ไม่มีการจ้างแบรนด์แอมบาสเดอร์ชื่อดังหรือจับมือกับคนดังมาสร้างรองเท้าที่น่าตื่นตาตื่นใจออกมา และเลือกวางจำหน่ายรองเท้าแบบธรรมดาที่หาซื้อได้ตามช็อปทั่วไป โดยชูจุดเด่นในเรื่องของความใส่สบาย

New Balance สามารถสร้างแฟนรองเท้าของตัวเองขึ้นมาได้จากความสบายของรองเท้าที่สวมใส่เดินได้ทั้งวัน และใส่ใช้งานในชีวิตจริงได้ทุกวัน อีกทั้งยังมีความทนทาน มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน 

อย่างไรก็ตามถึง NB จะมีแฟนคลับเป็นของตัวเอง แต่มันก็เป็นจำนวนน้อยมากหากเทียบกับแบรนด์ระดับแถวหน้า ทั้งที่คุณภาพของรองเท้า New Balance ไม่ได้เป็นรอง Nike แม้แต่น้อย แต่การตลาดของการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้เป็นรองเท้าติดดิน เป็นรองเท้าที่ไม่ต้องการปั่นกระแสใด ๆ ทั้งสิ้น ส่งผลเสียกลับมาให้กับทาง NB ทำให้ไม่มีทางขึ้นไปตีตลาดกับ Nike หรือ adidas ได้เลย

ฝ่ายการตลาดของ New Balance เชื่อว่าถึงเวลาของแบรนด์ที่จะต้องลุกขึ้นสู้แล้วไปลองตีตลาดสนีกเกอร์อย่างจริงจังเสียที ทำให้ในปี 2020 พวกเขาลองปล่อยรองเท้ารุ่น 992 หรือรองเท้ารุ่นคู่ใจของ สตีฟ จอบส์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Apple ผู้ล่วงลับ ที่นำกลับมาดีไซน์ใหม่ ร่วมกับ โจ เฟรชกูดส์ (Joe Freshgoods) ดีไซน์เนอร์ชื่อดังจากเมืองชิคาโก เปลี่ยนรองเท้าหนังกลับสีเทาจืด ๆ ในภาพติดตาของผู้คนให้กลายเป็นรองเท้าสีแดงสุดร้อนแรง ที่มาพร้อมกับเรื่องราวอันน่าสนใจของรองเท้า นั่นคือ "ความร้อนแรงบนความเรียบง่าย" กับรุ่น The Joe Freshgoods x New Balance "No Emotions Are Emotions"

รองเท้ารุ่นนี้กลายเป็นระเบิดลงกลางวงการสนีกเกอร์ เพราะไม่มีใครคาดคิดว่า New Balance จะเริ่มทำรองเท้ามาแข่งกับ Nike และ adidas ที่สำคัญคือรองเท้าที่ออกมามีความสวยงามและคุณภาพดีเป็นอย่างมาก จนปัจจุบันรองเท้ารุ่น The Joe Freshgoods x New Balance "No Emotions Are Emotions" มีราคาขายรีเซลล์ในปัจจุบันอยู่ที่ 2,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 66,346 บาทไทย

ภายในระยะเวลาอันสั้น New Balance 992 กลายเป็นรองเท้าที่ได้รับความนิยมในทันที จากกระแสต่อยอดของรุ่น The Joe Freshgoods x New Balance "No Emotions Are Emotions" และเมื่อเริ่มต้นก้าวแรกแล้วก็ต้องมีก้าวต่อไป แฟนของ New Balance และเหล่าสนีกเกอร์เฮดต่างเรียกร้องให้ New Balance ออกรองเท้ามีการคอลแล็บและมีสตอรี่พิเศษออกมาวางขายให้เร็วที่สุด

New Balance จึงปล่อยรองเท้ารุ่นที่น่าสนใจออกมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการคอลแล็บกับแบรนด์หรือบุคคลที่มีชื่อเสียง ไม่ว่าจะเป็น New Balance x Joe Freshgoods 990v3, Aimé Leon Dore x New Balance 550, Salehe Bembury 2002R "Water Be The Guide" เป็นต้น 

New Balance ส่งรองเท้าที่น่าสนใจออกมาตลอดทั้งปี 2021 และเป็นเรื่องปกติที่ NB มีรองเท้าที่มีรูปลักษณ์แตกต่างไม่เหมือนใครอยู่แล้ว ทำให้รองเท้ารุ่นไฮไลท์ของ New Balance มีความน่าสนใจและสร้างแรงดึงดูดสำคัญให้สนีกเกอร์เฮดที่เริ่มเบื่อโลโก้ Swoosh ของ Nike หรือ แถบ 3 ขีดของ adidas เข้ามาลองใส่สนีกเกอร์โลโก้ N ของ New Balance กันดูบ้าง

การหันกลับมาให้ความสำคัญกับการสร้างสตอรี่ให้กับรองเท้า รวมถึงมีการคอลแล็บต่าง ๆ เกิดขึ้น คือการเปิดประตูของ New Balance ที่เชื้อเชิญให้เหล่าสนีกเกอร์เฮดที่ไม่เคยเดินเข้ามาสู่โลกของแบรนด์มาก่อนลองเปิดใจและเข้ามาสัมผัส 

ซึ่งมันได้ผลมากจริง ๆ เพราะไม่ใช่แค่สนีกเกอร์เฮดจะหันมาสนใจรองเท้าของ NB แต่รวมไปถึงเซเลบริตี้ชื่อดัง อย่าง ทอม ฮอลแลนด์, ริฮานนา, ลีโอนาร์โด ดิ คาปริโอ หรือ ราฮีม สเตอร์ลิง ก็หันมาใส่รองเท้า New Balance ต่อหน้าสาธารณชน โดยไม่ได้เป็นพรีเซนเตอร์ของแบรนด์เลยด้วยซ้ำ

แถมรองเท้าบางรุ่นที่คนดังเหล่านี้ใส่ก็ไม่ใช่รุ่นที่ New Balance คิดจะผลักดันด้วย เช่น ทอม ฮอลแลนด์ กับรุ่น 237 ซึ่งเป็นภาพสะท้อนที่ดีว่า รองเท้าของ NB มีเสน่ห์ในตัวของมันอยู่แล้ว มันแค่รอวันที่ทุกคนจะเปิดใจไปลองสวมใส่เท่านั้น

ซึ่งวงการสนีกเกอร์กับอิทธิพลของคนดังเป็นของคู่กันอยู่แล้ว ทันทีที่เซเลปหันมาสนใจสนีกเกอร์ของ New Balance มันก็เป็นเรื่องปกติที่ผู้คนจะหันมาสนใจรองเท้าของ New Balance เพิ่มขึ้นมากเช่นกัน จนทุกวันนี้คอนเทนต์เกี่ยวกับสนีกเกอร์ของ New Balance เป็นที่พบเห็นได้จนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว 

 

ศัตรูอันตรายของ Nike 

New Balance ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างมาก ตั้งแต่ปี 2020 และพุ่งสุดขีดในปี 2021 จนทำให้ Nike ต้องประกาศจับตา NB เป็นคู่แข่งเบอร์ใหญ่ ในที่ประชุมของผู้บริหารแบรนด์ Swoosh 

ในความจริงแล้ว New Balance ไม่ได้หวังทำการตลาดมาเล่นงานแบรนด์เพื่อนร่วมชาติแต่อย่างใด แต่เป็นทาง Nike เองที่เริ่มมองว่า NB กลายเป็นภัยคุกคามของพวกเขา

เหตุผลแรกคือรองเท้าของ New Balance หาซื้อได้ง่ายกว่า Nike มาก ด้วยความที่สนีกเกอร์ของ NB ยังไม่เป็นที่ต้องการของคนหมู่มากเหมือนกับ Nike ทำให้เหล่าสนีกเกอร์เฮดที่เบื่อการเล่น "สนีกเกอร์เกม" ต้องมาแย่งชิงรองเท้าเลือดตาแทบกระเด็นในแบบที่ Nike ต้องการ จึงหันไปซื้อรองเท้า New Balance ที่สามารถหาซื้อได้ง่ายกว่า หรือถ้าจะซื้อในราคารีเซลล์มูลค่าก็เพิ่มขึ้นมาแบบพอประมาณและไม่น่าเกลียดจนเกินไป

การเข้าถึงได้ง่ายกว่ารองเท้า Nike โดยเฉพาะในรุ่นที่มีการคอลแล็ปที่มีความไฮป์ในระดับเดียวกัน คือแต้มต่อแรกของ New Balance แต้มต่อถัดมาของ NB คือเรื่องของคุณภาพที่เป็นจุดแข็งอันเก่าแก่ยาวนาน 

เมื่อหลายคนได้ลองสวมใส่รองเท้าของ New Balance ก็จะรับรู้ถึงคุณภาพของรองเท้า ทั้งเรื่องของวัตถุดิบการตัดเย็บที่ยอดเยี่ยม ไปจนถึงความสบายในการสวมใส่ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เหล่าสนีกเกอร์เฮดเริ่มลองซื้อรองเท้ารุ่นใหม่ ๆ ที่แม้ทาง New Balance จะไม่ได้ผลักดัน แต่ความสบายของรองเท้าก็เป็นอีกหนึ่งอาวุธที่ชนะใจผู้คน

ตรงกันข้ามกับ Nike ที่ปัจจุบันแบรนด์ Swoosh มีปัญหาอย่างหนักในการควบคุมคุณภาพการผลิตรองเท้า โดยเฉพาะในปี 2021 ที่คุณภาพการผลิตของรองเท้า Nike ต่ำกว่ามาตรฐานลงไปอย่างมาก การพบคราบกาวบนรองเท้ากลายเป็นเรื่องปกติ หรือด้ายเย็บที่รันแบบบิดเบี้ยวไม่สวยงามก็เช่นกัน จนสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่ววงการสนีกเกอร์ในโลกอินเทอร์เน็ต

สิ่งนี้จึงกลายเป็นตัวกระตุ้นให้คนหันไปหา New Balance มากขึ้น เพราะเมื่อซื้อรองเท้าของ New Balance มา คุณก็จะได้รับของดีคุ้มราคาในเรื่องคุณภาพของรองเท้า ขณะที่กับรองเท้าของ Nike คุณต้องมานั่งลุ้นเสี่ยงดวงกันว่า รองเท้าคู่นี้ของเราจะมีปัญหาหรือไม่ ทั้งที่หลายคนต้องจ่ายเงินซื้อในราคารีเซลล์ที่แพงกว่าเป็นเท่าตัว 

ขณะที่ Nike กำลังเผชิญปัญหาของตัวเอง ทั้งเรื่องการปราบปรามบอตซื้อรองเท้าและการพัฒนาคุณภาพของรองเท้า New Balance ก็เดินหน้าสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของแบรนด์ ในฐานะรองเท้าที่มีตัวตนแตกต่างเป็นของตัวเองแต่ยังคงความเรียบง่าย ใส่สบาย ใส่ได้ทุกโอกาส เพื่อขยายฐานแฟนคลับของตัวเองเอาไว้ได้

ปี 2022 เพิ่งจะเริ่มต้น และมีรองเท้าอีกจำนวนมากจาก New Balance ที่จะออกมาในปีนี้ ซึ่งเราต้องมาดูกันว่าพวกเขาจะต่อยอดจากชื่อเสียงที่มีและยกระดับตัวเองขึ้นไปอีกขั้นได้หรือไม่ และ Nike จะสามารถแก้ไขปัญหาจนซื้อใจสนีกเกอร์เฮดกลับมาได้หรือไม่ 

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.complex.com/sneakers/virgil-abloh-off-white-air-jordan-sneakers-resale-increase
https://sneakerbardetroit.com/peaceminusone-nike-kwondo-1-release-date/
https://www.newsdirectory3.com/peaceminusone-x-nike-kwondo-1-latest-joint-shoes-release-information-official-pictures-officially-released/
https://www.mageplaza.com/blog/nike-marketing-strategy.html?fbclid=IwAR2_hHDJIo2SZrFBwi92jVL6-FS9y0h09PdqmyucBVh2Vv7gi2tBC_IbDPE
https://coschedule.com/blog/nike-marketing-strategy?fbclid=IwAR3xeouDbD0lwiyUJfqM6u6jwjLskFwHkzMnt7MMNRPyjOLpSkvuskt1AdY
https://www.marketwatch.com/story/nike-fears-movement-toward-new-balance-and-smaller-independent-brands-report-11634156107
https://www.complex.com/sneakers/why-new-balance-is-having-its-most-exciting-year-ever
https://www.complex.com/sneakers/2020/02/joe-freshgoods-new-balance-992-omn1s-interview
https://www.gq-magazine.co.uk/fashion/article/tom-holland-new-balance-237-trainers
https://www.esquireme.com/style/fashion/the-10-best-new-balance-sneakers-of-2021
https://footwearnews.com/2021/focus/collaborations/best-new-balance-collaborations-2021-1203223546/
https://urbjournal.com/how-new-balance-became-cool-again/
https://www.reddit.com/r/stockx/comments/m1pqyi/either_fake_or_huge_qc_issues_with_nike_cant/
https://www.reddit.com/r/Sneakers/comments/m6na78/what_happened_to_nike_quality_control/

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

-------------------------------------------------

ดูสด ดูฟรี ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ... พร้อมกีฬาชั้นนำระดับโลกแบบจัดเต็ม
ต้อง App TrueID เท่านั้น โหลดเลย!!

รวมข้อมูลแก้ไขปัญหาการใช้งาน รับชม หรือโปรโมชันกิจกรรมต่างๆ << คลิกที่นี่

อัพเดทข่าว ผลบอล พรีเมียร์ลีก แบบทันใจ พร้อมวิเคราะห์คู่เด่นในรอบสัปดาห์ ส่งถึงมือคุณ
คลิกเลย!! หรือ กด *301*32# โทรออก

หรือ อัพเดทข่าวบอลไทยลีก กด *301*36# โทรออก

มาร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนทรรศนะ ตามประสาคนรักกีฬากันได้ที่ TrueID Community คลิกเลย!

ยอดนิยมในตอนนี้

ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
สัมผัสโลกไร้ขีดจำกัดกับทรูไอดี