Final Countdown! เราจะดูอะไรใน NBA Finals 2020 : เลเกอร์ส vs ฮีต
บาสเกตบอล NBA เดินทางมาถึงซีรีส์ ชิงชนะเลิศกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะเป็นการเจอกันระหว่างตัวเต็งจากสายตะวันตก อย่าง แอลเอ เลเกอร์ส ทีมมือ 1 ของสาย กับ ไมอามี ฮีต ม้ามืดจากฝั่งตะวันออก ทีมอันดับ 5 ที่มีดีในการปราบทีมมือ 1 อย่าง มิลวอกกี้ บัคส์ และ ทีมมือ 3 อย่าง บอสตัน เซลติกส์ เข้ารอบมาชิงฯ
โดยซีรีส์รอบชิงฯ จะประเดิมสนามเกมแรกในวันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม 2020 เวลา 8:00 น. และจะแข่งขันกันแบบวันเว้นวันไปอย่างน้อยจนถึงเกมที่ 4 และในปีนี้ บรรยากาศการแข่งขันอาจจะต่างไปจากเดิม เพราะ NBA ต้องมาแข่งขันใน ‘บับเบิ้ล’ ที่ อีเอสพีเอ็น ไวลด์ เวิลด์ ออฟ สปอร์ตส์ คอมเพล็ก ที่ ดิสนีย์ เวิลด์ ใน ออร์แลนโด เนื่องจากผลกระทบของ โควิด-19
อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ได้ทำให้ความน่าสนใจของการชิงแชมป์ NBA ปีนี้ลดลงสักเท่าไหร่นัก และก่อนที่ซีรีส์ดังกล่าวจะเริ่มขึ้น เรามีเรื่องราวน่าสนใจ ที่อาจจะทำให้ดูเกมในรอบชิงชนะเลิศกันสนุกขึ้นมาฝากสักเล็กน้อย!
การเข้าชิงฯ NBA ครั้งที่ 10 ของ เลอบรอน เจมส์
สปอร์ตไลท์ส่วนใหญ่น่าจะจับจ้องส่องไฟไปยัง เลอบรอน เจมส์ อีกครั้งหลังเขามีส่วนสำคัญในการพา เลเกอร์ส มาสู่รอบชิงชนะเลิศได้ในปีนี้ นั่นทำให้ภายใน 13 ปีหลังสุดนับตั้งแต่เขาชิงชนะเลิศครั้งแรกในปี 2007 “เดอะ คิง” เข้าชิงมาแล้วทั้งหมด 10 ครั้ง
ตัวเลขดังกล่าว เป็นตัวเลขที่น่าเหลือเชื่อ เพราะมีแค่ผู้เล่นระดับตำนานเพียง 3 คนเท่านั้น ที่เคยเข้าชิงชนะเลิศถึง 2 หลัก ได้แค่ 2 ตำนานจาก บอสตัน เซลติกส์ อย่าง บิลล์ รัสเซลล์ และ แซม โจนส์ กับ คารีม อับดุล จับบาร์ ตำนานของ มิลวอกกี้ บัคส์ และ เลเกอร์ส อีกคนเท่านั้น ที่ทำได้
อย่างไรก็ตาม เลอบรอน อาจจะดูเป็นรองคนทั้ง 3 สักเล็กน้อย ตรงที่เขาได้แชมป์น้อยกว่าทั้ง 3 ตำนานด้านบนพอสมควร เพราะเขามีสถิติ แพ้มากกว่าชนะใน NBA Finals โดย 9 ครั้งก่อนหน้านี้ เขามีแหวนแชมป์ 3 วงเท่านั้น ซึ่ง 2 แชมป์ได้มาสมัยอยู่กับ ไมอามี ฮีต และอีกแชมป์เพิ่งได้เมื่อปี 2016 กับ คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส
แต่เชื่อเถอะว่า สถิติ ก็เป็นเพียงแค่ตัวเลข และ เจมส์ ต้องตั้งเป้าหมายไว้ที่แหวงวงที่ 4 ของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนเขาจะได้หรือไม่นั้น ต้องไปรอดูกันในเกมแล้ว!
10 ปี เลเกอร์ส จาก ‘แบล็ก แมมบ้า’ สู่ ‘เดอะ คิง’
ครั้งสุดท้ายที่ ลอสแองเจลิส เลเกอร์ส เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ศึก NBA ได้ เกิดขึ้นในปี 2010 และเป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเขาคว้าแชมป์ NBA ได้เช่นกัน หลัง โคบี ไบรอันท์ ตำนานผู้ล่วงลับพาทีมเอาชนะ บอสตัน เซลติกส์ ไปได้ 4-3 เกมส์ และนับจากนั้นมา ชื่อของ เลเกอร์ส ก็ไม่ปรากฏในรอบชิงฯ อีกเลย
การไม่สามารถเข้าสู่รอบชิงฯ ได้ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นความตกต่ำของทีม และความต้องการของแฟน ๆ ก็ยังไม่ถูกเติมเต็ม เพราะในปัจจุบัน เซลติกส์ ยังคงเป็นแชมป์ NBA มากที่สุด 17 สมัย โดย เลเกอร์ส ตามมาติด ๆ ที่ 16 สมัย แฟน ๆ ของทีมยอมไม่พอใจที่เห็นคู่ปรับตลอดกาลของพวกเขาได้ดีกว่า และรอวันที่จะขึ้นไปทาบสถิตินั้นให้ได้
การมาที่ เลเกอร์ส ในปี 2018 ของ เลบรอน สร้างความหวังให้แฟน ๆ ในลอสแองเจลิส อย่างมาก แต่ในปีแรก จากปัญหานานัปการ ทั้งเรื่องของการบาดเจ็บ และทีมที่ยังไม่ลงตัวทำให้เราไม่เห็นพวกเขาในเพลย์ออฟ แต่มาปีนี้ เมื่อ ‘แอลบีเจ’ สมบูรณ์ และมีเพื่อนร่วมทีมระดับแนวหน้า ภารกิจที่ โคบี ทิ้งไว้เมื่อ 10 ปีก่อน ก็กำลังจะถูกสานต่อ และพวกเขาต้องการชัยชนะอีกเพียง 4 เกมส์เท่านั้น ในการทำมันให้สำเร็จ
‘สโปเอลสตรา’ กับคำพูดที่ว่า “ได้ดีเพราะสตาร์”
ย้อนกลับไปในยุค 80’s แพท ไรลีย์ คือโค้ชที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งในวงการบาสเกตบอล เขาพา แอลเอ เลเกอร์ส เป็นแชมป์ NBA ได้ถึง 4 สมัย ในปี 1982, 1985, 1987 และ 1988 ต่อมาเขาย้ายมาคุม ไมอามี ฮีต และพาทีมได้แชมป์ครั้งแรกในปี 2006 ก่อนส่งไม้ต่อให้ เอริก สโปเอลสตรา คุมทีมต่อแล้วตัวเองก็ไปนั่งแท่นฝ่ายบริหาร
สโปเอลสตรา พาฮีต ได้แชมป์สมัยที่ 2 และ 3 ในปี 2012 และ 2013 ในยุคของ เลอบรอน เจมส์ โดยทีมยังมี คริส บอส กับ ดเวย์น เวด เป็นสามประสาน หลังจากที่ เจมส์ ออกจากทีมไป ฮีต ก็ไม่เคยได้แชมป์อีกเลย ทำให้มีหลายคนเชื่อว่าที่ผ่านมา ฮีต ได้ดีเพราะ “สตาร์” หาใช่ฝีมือแต่อย่างใด
มาในปีนี้ แม้จะมี จิมมี่ บัตเลอร์ นำทัพ แต่สมอลล์ ฟอร์เวิร์ด จอมป้องกันวัย 31 ปี ก็ไม่ได้โดดเด่นมากมายในการเพลย์ออฟ บทบาทในการพาทีมเข้าชิงฯ ถูกแจกจ่ายไปยังแต่ละคนอย่างเท่าเทียม ทั้ง แบม อเดบาโย, โกรัน ดรากิช, ดันแคน โรบินสัน, เจ คราวเดอร์ หรือ ไทเลอร์ ฮีร์โร ทำให้พูดได้เต็มปากว่า ทีมนี้ไม่ได้ดีเพราะ สตาร์อีกต่อไป และคำสบประมาทที่ว่านั้น จะถูกพิสูจน์ว่าไม่จริงทันที ถ้าทีมชุดนี้ ล้ม เลเกอร์ส และคว้าแชมป์ได้ในบั้นปลาย
‘แบม’ ดวล ‘เอดี’ ศึกวงในที่จะตัดสิน ซีรีส์
มีแมตช์อัพหลายคู่ที่น่าสนใจในรอบชิงฯ แต่คู่หนึ่งที่เป็นที่พูดถึงมากที่สุด คือการดวลกันของ แบม อเดบาโย ของ ไมอามี ฮีต กับ แอนโธนี เดวิส ของ แอลเอ เลเกอร์ส เพราะผลการดวลกันของคู่นี้ อาจจะตัดสินชัยชนะของทีมได้เลย เนื่องจากทั้งคู่มีบาบาทกับทีมทั้งในการทำสกอร์ รีบาวน์ และ ยังแอสซิสต์ได้ทั้งคู่ด้วย
แน่นอนว่า ‘เอดี’ ย่อมเหนือกว่าทั้งชื่อเสียง และ รางวัลที่การันตีฝีมือ อย่าง ออลสตาร์ส 7 สมัย หรือ ออล-เอ็นบีเอ อีก 4 สมัย แต่ แบม คือผู้เล่นที่ทำผลงานได้ดีที่สุดคนหนึ่งของ ฮีต และถ้าเกมไหนเขาเล่นดี ทีมจากฝั่งตะวันออกก็มีโอกาสสูงที่จะชนะ ซึ่งนั่นพิสูจน์มาแล้วโดยเฉพาะในซีรีส์ที่พวกเขาเอาชนะ มิลวอกกี้ บัคส์ โดยเจ้าของหมายเลข 13 คนนี้ เล่นงานตัวระดับ MVP อย่าง ยานนิส อันเทโทคูมโป เสียอยู่หมัด
ดังนั้นนี่คือ ตัวแปรสำคัญ ที่จะกลายเป็นปัจจัยเอ็กซ์ ในการตัดสินเกมนี้ และเหนือสิ่งอื่นใด นอกจากผลแพ้ชนะแล้ว การดวลกันของทั้งคู่ ในการผลัดกัน รุก-รับ, แย่งกันรีบาวน์ หรือแม้แต่การบ็อกซิ่งเอาต์ ล้วนแต่เป็นการดวลกันที่น่าจะดูสนุกในทุกจังหวะ และอย่างที่เรียนไปแล้วว่า ผู้ชนะระหว่างสองคนนี้ มีโอกาสสูงมากที่จะช่วยให้ทีมเอาชนะได้ตามไปด้วย
ใครจะเป็น MVP รอบชิงฯ
หนึ่งในคำถามที่ไม่มีคำตอบ (ก่อนซีรีส์จบ) แต่เชื่อเถอะว่า การลุ้นรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าหรือ MVP มันส์พอ ๆ กับการลุ้นแชมป์ ซึ่งตอนนี้ บริษัทรับพนันถูกกฎหมายที่สหรัฐอเมริกา ได้ออกอัตราต่อรองของผู้ที่มีโอกาสเป็น MVP มาแล้ว ซึ่ง 4 คนแรกประกอบด้วยผู้เล่นจากทั้ง 2 ฝั่ง ฝั่งละ 2 คน
เลอบรอน เจมส์ มาเป็นอันดับ 1 ด้วยอัตรา -155 (แทง 100 จ่าย 164.5 รวมทุน) ซึ่งเป็นอัตราที่เรียกว่า “นอนมา” มาก ๆ โดยอันอับ 2 ยังมาจากค่าย เลเกอร์ส คือ แอนโธนี เดวิส อัตรา +250 (แทง 100 จ่าย 350 รวมทุน) ซึ่งดูเป็นรอง 'แอลบีเจ' พอสมควร
ขณะที่ฝั่งฮีต มาในอันดับ 3 และ 4 คือ จิมมี บัตเลอร์ อัตรา +900 (แทง 100 จ่าย 1000 รวมทุน) และ แบม อเดบาโย ที่อัตราเท่ากันกับ 'เจบี' คือ +900 นั่นหมายความว่า ฝั่ง ฮีต ถูกมองว่าเป็นรองพอสมควร
อย่างไรก็ดีอย่าลืมว่า โดยปกติแล้ว รางวัล MVP รอบชิงฯ นั้นจะถูกมอบให้กับผู้เล่นจากทีมที่เป็นฝ่ายชนะ ดังนั้นในกรณีที่ ฮีต ชนะซีรีส์ ได้ก็มีโอกาสสูงที่คดีจะพลิกเหมือนกัน และถ้าเป็นฝั่งฮีตได้แชมป์จริง ผู้เล่นอย่าง โกรัน ดรากิช, ไทเลอร์ ฮีร์โร่ หรือ ดันแคน โรบันสัน ลามไปถึง เจ คราวเดอร์ และ อังเดร อิกัวดาลา ก็ได้ลุ้นทั้งนั้น
จึงถือว่า การลุ้นรางวัล MVP ในรอบชิงฯ นั้น มีเสน่ห์ อย่างแท้จริง เพราะอย่าลืมว่า ในปี 2015 อังเดร อิกัวดาลา คือผู้เล่น MVP ในรอบชิงฯ ทั้งที่เขาเป็นสำรอง และในทีม วอริเออร์ส ชุดนั้น มีทั้ง สเต็ป เคอร์รี และ เคลย์ ธอมป์สัน อยู่ในทีมด้วย ดังนั้น อะไรก็เกิดขึ้นได้กับรางวัลนี้จริง ๆ
Mr. BOSTON
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
>> ตารางบาส NBA โปรแกรมบาสเกตบอล เอ็นบีเอ รอบชิงชนะเลิศ พร้อมลิ้งก์ดูสด
>> ได้คู่ชิง! ฮีต บด เซลติกส์ ท้ายเกม 125-113 เข้าชิงแชมป์ NBA ฤดูกาลนี้
>> ไม่ตกม้าตาย! เลเกอร์ส ทุบ นักเก็ตส์ 117-107 เข้าชิงฯ NBA เป็นทีมแรก
--------------------------