
วิธีแก้กลิ่นรักแร้เหม็นเขียวแบบผู้ชายเหงื่อเยอะ พร้อมเคล็ดลับทำให้ตัวหอม

ปัญหากลิ่นรักแร้เหม็นกวนใจผู้ชายเป็นเรื่องที่พบบ่อย โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนชื้น ปัจจัยหลายอย่างสามารถส่งผลต่อกลิ่นกายได้ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลสุขอนามัยส่วนตัว การไว้ขนรักแร้ การซักผ้าที่ไม่ถูกวิธี หรือแม้แต่อาหารการกิน หากปล่อยทิ้งไว้นาน ปัญหากลิ่นรักแร้อาจทวีความรุนแรงจนถึงขั้น กลิ่นรักแร้เหม็นเขียวขมคอ ได้เลยทีเดียว แต่ไม่ต้องกังวล ปัญหากลิ่นรักแร้ สามารถแก้ไขและบรรเทาให้เบาบางลงได้ TrueID Sport เข้าใจถึงความท้าทายนี้ จึงได้รวบรวม เคล็ดลับดับกลิ่นรักแร้ ที่จะช่วยให้ กลิ่นรักแร้เหม็น ของคุณจางหายไป และคืนความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน
วิธีแก้กลิ่นรักแร้เหม็นเขียวแบบผู้ชายเหงื่อเยอะ
พร้อมเคล็ดลับทำให้ตัวหอม
ปรับสุขอนามัย พิชิตกลิ่นรักแร้เหม็น ลดกลิ่นตัวถาวร
การมีสุขอนามัยที่ดีเป็นพื้นฐานสำคัญในการ ลดปัญหากลิ่นกายใต้วงแขน และ บอกลากลิ่นรักแร้เหม็น ได้อย่างยั่งยืน หากคุณกำลังเผชิญกับ ปัญหากลิ่นรักแร้ ไม่ต้องกังวล! เรามีเคล็ดลับง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่นและมั่นใจตลอดวัน
- อาบน้ำให้สะอาด ลดกลิ่นเหงื่อสะสม: เริ่มต้นด้วยการ อาบน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เพื่อชะล้างเหงื่อและแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของกลิ่นตัว ควรอาบน้ำทันทีหลังจากการออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมากเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันการสะสมของแบคทีเรีย และลดกลิ่นกาย ที่อาจเกิดขึ้น
- เลือกใช้สบู่ต้านแบคทีเรีย (Antibacterial Soap) พิชิตต้นตอของกลิ่น: การใช้ สบู่ต้านแบคทีเรีย หรือสบู่ที่มีคุณสมบัติ ฆ่าเชื้อรา เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดแบคทีเรียบนผิวหนัง ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดกลิ่นเมื่อผสมกับเหงื่อ สบู่ที่มีส่วนผสมของเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) ก็เป็นอีกทางเลือกที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยม ช่วย ระงับกลิ่นกาย ได้อย่างตรงจุด
- รักแร้แห้งสนิท ป้องกันแบคทีเรียเติบโต: แบคทีเรียที่ก่อให้เกิดกลิ่นจะเจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่อับชื้น ดังนั้น หลังอาบน้ำเสร็จแล้วควรเช็ดรักแร้ให้แห้งสนิท ก่อนที่จะทาผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย หรือสวมเสื้อผ้า การทำให้ใต้วงแขนแห้งอยู่เสมอจะช่วยลดการสะสมของแบคทีเรีย และป้องกันปัญหากลิ่นรักแร้เหม็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- โกนหรือเล็มขนรักแร้ ลดการกักเก็บกลิ่น: ขนใต้วงแขนสามารถกักเก็บความชื้นและเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของแบคทีเรีย ทำให้กลิ่นกายรุนแรงขึ้น การโกนขนรักแร้ หรือเล็มขนใต้วงแขนเป็นประจำสามารถช่วยลดกลิ่นรักแร้ได้อย่างมาก เพราะช่วยให้ผิวสะอาดแห้งเร็วขึ้น และป้องกันกลิ่นอับใต้วงแขนได้ดียิ่งขึ้น
เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายที่เหมาะสม
การเลือกผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการจัดการปัญหากลิ่นใต้วงแขน ซึ่งมีวิธีการเลือกดังนี้
- ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย (Deodorant) ทำหน้าที่กลบกลิ่นด้วยน้ำหอม และมักมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เพื่อปรับสภาพผิวให้เป็นกรดมากขึ้น ซึ่งจะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่ได้ช่วยระงับเหงื่อ
- ผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อ (Antiperspirant) มีสารประกอบอะลูมิเนียมที่ช่วยอุดรูกขุมขนเหงื่อชั่วคราว ลดปริมาณเหงื่อที่ออกมาบนผิวหนัง เมื่อมีเหงื่อน้อยลง กลิ่นกายก็ลดลงตามไปด้วย
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตสามารถช่วยลดปัญหากลิ่นกายได้อย่างยั่งยืน
เพื่อให้กลิ่นกายหอมสดชื่นอยู่เสมอ การเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ ควรเน้นผ้าที่ระบายอากาศได้ดี เช่น ผ้าฝ้าย หรือผ้าลินิน รวมถึงผ้าใยสังเคราะห์ชนิดพิเศษที่สามารถซับเหงื่อและระบายความชื้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะชุดออกกำลังกาย เพราะเนื้อผ้าเหล่านี้จะช่วยให้อากาศหมุนเวียนได้ดี เหงื่อแห้งเร็วขึ้น ลดการสะสมของความอับชื้นและแบคทีเรียซึ่งเป็นสาเหตุของกลิ่นกาย ควรหลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่รัดรูป และผ้าใยสังเคราะห์ที่ระบายอากาศได้ไม่ดีอย่างผ้าโพลีเอสเตอร์
นอกจากการเลือกผ้าแล้ว การเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นประจำก็เป็นเคล็ดลับง่ายๆ เพื่อสุขอนามัยที่ดีและปราศจากกลิ่นกาย เสื้อผ้าที่เราสวมใส่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังทำกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก ถือเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียและกลิ่นไม่พึงประสงค์ชั้นดี ปัญหานี้จะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นในวันที่อากาศร้อน หรือเมื่อต้องทำกิจกรรมที่ใช้แรงกาย ดังนั้น หากคุณมีเหงื่อออกมาก ไม่ว่าจะเป็นหลังออกกำลังกาย ทำงานหนัก หรืออยู่ในสภาพอากาศที่ร้อนชื้น ควรเปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีเพื่อสุขอนามัยที่ดี
สุดท้าย การดูแลเรื่องอาหารและเครื่องดื่มก็มีส่วนช่วยจัดการกลิ่นกายได้เช่นกัน ควรจำกัดการบริโภคอาหารบางชนิดที่อาจส่งผลต่อกลิ่นกาย เช่น กระเทียม หัวหอม อาหารรสจัด เนื้อแดง และผักตระกูลกะหล่ำ เช่น บรอกโคลี กะหล่ำปลี และกะหล่ำดอก นอกจากนี้ การดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอจะช่วยขับสารพิษออกจากร่างกายและช่วยให้ร่างกายเย็นลง ซึ่งอาจส่งผลดีในการลดเหงื่อได้อีกด้วย
วิธีธรรมชาติบอกลากลิ่นรักแร้เหม็น
สำหรับผู้ที่กำลังมองหาวิธีจัดการปัญหากลิ่นรักแร้ไม่พึงประสงค์ เรามีหลากหลายทางเลือกจากธรรมชาติที่ช่วยลดกลิ่นตัว และขจัดแบคทีเรียต้นเหตุได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1. น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล (Apple Cider Vinegar) ลดกลิ่นกาย
น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิลเป็นตัวช่วยชั้นยอดในการ กำจัดแบคทีเรียใต้วงแขน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของกลิ่นไม่พึงประสงค์ เพียงผสมน้ำส้มสายชูแอปเปิลกับน้ำเปล่าในอัตราส่วน 1:1 ใช้สำลีชุบแล้วทาบริเวณรักแร้หลังอาบน้ำ ปล่อยให้แห้งโดยไม่ต้องล้างออก ความเป็นกรดของ ACV จะช่วยปรับสมดุลและลดการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย สามารถทำได้วันละ 1-2 ครั้ง เพื่อ ลดกลิ่นรักแร้เหม็น ให้จางหายไป
2. เบกกิ้งโซดา (Baking Soda) ดูดซับกลิ่นและเหงื่อ
เบกกิ้งโซดาไม่เพียงเป็นผงอเนกประสงค์ในครัว แต่ยังเป็น ตัวช่วยระงับกลิ่นกาย ที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย ผสมเบกกิ้งโซดาเล็กน้อยกับน้ำเปล่าให้เป็นเนื้อข้น นำมาทาใต้วงแขนที่แห้งสะอาดหลังอาบน้ำ ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาทีเพื่อให้เบกกิ้งโซดาดูดซับความชื้นและกลิ่น ก่อนล้างออกด้วยน้ำสะอาด การใช้เบกกิ้งโซดาเป็นประจำวันละครั้งจะช่วยให้ รักแร้แห้ง ลดเหงื่อ และป้องกันกลิ่นได้ดี
3. น้ำมะนาว (Lemon Juice) ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
น้ำมะนาวมีกรดซิตริกธรรมชาติที่มีคุณสมบัติ ต้านเชื้อแบคทีเรีย คล้ายคลึงกับน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล ช่วย แก้ปัญหากลิ่นรักแร้ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผสมน้ำมะนาวคั้นสดกับน้ำเปล่าในอัตราส่วน 1:1 ใช้สำลีแตะทาใต้วงแขนหลังอาบน้ำ ควรทำในเวลากลางคืนวันละ 1 ครั้ง และปล่อยให้แห้ง การใช้น้ำมะนาวเป็นวิธีธรรมชาติในการ ลดกลิ่นตัว และคืนความสดชื่นให้กับผิวใต้วงแขน
4. น้ำมันทีทรี (Tea Tree Oil) ต้านแบคทีเรียธรรมชาติ
น้ำมันทีทรีขึ้นชื่อเรื่องคุณสมบัติ ต้านแบคทีเรีย และเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับ การดูแลกลิ่นใต้วงแขน ผสมน้ำมันทีทรีบริสุทธิ์ 2-3 หยดกับน้ำเปล่า 10-20 มิลลิลิตร (ประมาณ 2-4 ช้อนชา) บรรจุในขวดสเปรย์ หลังอาบน้ำและเช็ดรักแร้ให้แห้ง ฉีดพ่นหรือใช้สำลีชุบทาเบาๆ ให้ทั่ว ปล่อยให้น้ำมันซึมซาบและแห้งไปเอง น้ำมันทีทรีจะช่วย ยับยั้งการเกิดกลิ่น และทำให้รู้สึกสดชื่น สามารถใช้ได้วันละ 1-2 ครั้ง
5. ถุงชาเขียว (Green Tea Bags) ลดเหงื่อและระงับกลิ่น
สารแทนนินในชาเขียวมีคุณสมบัติเป็นสารฝาดสมาน ช่วย ลดขนาดรูขุมขน และ ลดเหงื่อใต้วงแขน นอกจากนี้ สารต้านอนุมูลอิสระและสารต้านแบคทีเรียในชาเขียวยังช่วย ระงับกลิ่นกาย ได้อีกด้วย เพียงนำถุงชาเขียวไปแช่น้ำร้อนให้เย็นลง จากนั้นนำมาประคบใต้วงแขนแต่ละข้างประมาณ 5-10 นาที โดยไม่ต้องล้างออก ทำได้วันละ 1-2 ครั้ง โดยเฉพาะช่วงเช้าหลังอาบน้ำ เพื่อ บอกลากลิ่นรักแร้ และสัมผัสความสดชื่นตลอดวัน
อาการแบบไหนควรไปพบแพทย์
หากได้ลองปรับสุขอนามัย และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตแล้ว แต่กลิ่นเหม็นเขียวใต้วงแขนยังคงไม่หายไป หรือคุณมีปัญหาเหงื่อออกมากผิดปกติ ที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก คุณควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ ซึ่งจะสามารถตรวจหาสาเหตุเหล่านี้ได้
เทคนิคตัวหอม
ซักผ้าไม่ให้เหม็นอับ
การทำให้เสื้อผ้าของคุณหอมสดชื่นอยู่เสมอและปราศจากกลิ่นอับ อยู่เสมอก็เป็นหนึ่งในเคล็ดลับที่ทำให้คุณตัวหอมได้ เทคนิคการซักผ้าให้ไม่เหม็นอับแบบง่ายๆ ทำได้โดยการรีบซักทันทีอย่าปล่อยให้เสื้อผ้าที่เปื้อนเหงื่อหรืออับชื้นทิ้งไว้นาน เพราะจะทำให้แบคทีเรียและเชื้อราเจริญเติบโตจนเกิดกลิ่นเหม็นอับได้ อย่าใส่ผ้ามากเกินไปในเครื่องซักผ้า เพื่อให้น้ำยาซักผ้าและน้ำสามารถหมุนเวียนได้ทั่วถึงและซักทำความสะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทันทีที่ซักเสร็จ ให้นำเสื้อผ้าออกจากเครื่องซักผ้าและตากให้แห้งสนิททันที การทิ้งผ้าเปียกไว้ในเครื่องซักผ้าเป็นสาเหตุหลักของกลิ่นอับ การตากผ้ากลางแดดจะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ดีเยี่ยม
ทำความสะอาดเครื่องซักผ้าเป็นประจำเพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อราและราดำ กลับเสื้อผ้าด้านในออ สำหรับเสื้อผ้าที่เปื้อนเหงื่อมาก เช่น ชุดออกกำลังกาย การกลับด้านในออกก่อนซักจะช่วยให้น้ำยาซักผ้าเข้าถึงบริเวณที่เกิดกลิ่นอับได้ดีขึ้น
ใช้น้ำหอม
เลือกน้ำหอมที่ช่วยเสริมบุคลิกภาพของคุณ โดยพื้นฐานเบื้องต้นของกลิ่นน้ำหอมมีดังนี้
- Fresh (แนวสดชื่น): กลิ่นซิตรัส, กลิ่นแนวอะควาติก, กลิ่นพืชพรรณสีเขียว เหมาะสำหรับผู้ชายที่กระตือรือร้น มีพลัง มักจะเข้ากับฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน
- Woody (แนวไม้): กลิ่นอบอุ่น, ดิน, ให้ความรู้สึกสบาย เช่น ไม้ซีดาร์, หญ้าแฝก, สน เหมาะสำหรับผู้ชายที่มีสไตล์ สง่างาม มักจะเข้ากับฤดูใบไม้ร่วง ฤดูหนาว
- Oriental (แนวตะวันออก): กลิ่นแซับซ้อน มีกลิ่นเครื่องเทศอบอุ่น วานิลลา อำพัน และบางครั้งก็มีกลิ่นไม้ที่หนักแน่นอย่างไม้จันทน์หรือพิมเสน เหมาะสำหรับผู้ชายที่ดูลึกลับ มีเสน่ห์ มักจะเหมาะกับช่วงเดือนที่อากาศเย็น
- Floral (แนวกลิ่นดอกไม้): กลิ่นดอกไม้สำหรับผู้ชาย เช่น ลาเวนเดอร์ กุหลาบ หรือดอกส้ม ซึ่งให้ความสง่างามที่ละเอียดอ่อน
เทคนิคการฉีดน้ำหอมให้ติดทน
การฉีดน้ำหอมอย่างถูกวิธีเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้กลิ่นหอมติดทนนานและกระจายตัวได้ดี โดยไม่ฉุนจนเกินไป
ฉีดลงบนผิวที่สะอาดและชุ่มชื้น
- หลังอาบน้ำ: รูขุมขนจะเปิดหลังอาบน้ำอุ่น ทำให้กลิ่นน้ำหอมซึมซับได้ดีขึ้นและติดทนนานขึ้น แต่ต้องแน่ใจว่าผิวแห้งสนิทก่อนฉีด
- ทามอยส์เจอไรเซอร์ก่อน: การทาโลชั่นหรือครีมที่ไม่มีกลิ่นก่อนฉีดน้ำหอมจะช่วยให้กลิ่นเกาะติดได้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มความติดทนของน้ำหอม กลิ่นน้ำหอมจะติดทนนานขึ้นบนผิวที่มีความมัน เนื่องจากน้ำมันจะช่วยกักเก็บโมเลกุลของน้ำหอมไว้
เน้นจุดชีพจร
จุดชีพจรคือบริเวณที่เส้นเลือดอยู่ใกล้ผิวหนัง ทำให้เกิดความร้อนที่ช่วยให้น้ำหอมกระจายตัวได้ดีตลอดวัน โดยสามารถฉีดได้จากจุดดังนี้ ข้อมือ ลำคอ ข้อพับด้านใน หน้าอก หลังใบหู
เทคนิคการฉีด
ถือขวดห่างจากผิวประมาณ 3-6 นิ้ว เพื่อให้ได้ละอองที่ละเอียด และครอบคลุมทั่วถึง การฉีดใกล้เกินไปอาจทำให้กลิ่นเข้มข้นเกินไป ส่วนการฉีดไกลเกินไปจะสิ้นเปลืองน้ำหอม หลังจากฉีดน้ำหอมแล้ว ห้ามถูข้อมือหรือบริเวณที่ฉีดเด็ดขาด การถูจะสร้างแรงเสียดทานและความร้อน ซึ่งจะทำให้โมเลกุลน้ำหอมแตกตัว กลิ่นจึงจางเร็วขึ้นและเปลี่ยนกลิ่นไปจากที่ควรจะเป็น ควรปล่อยให้แห้งเองตามธรรมชาติ
บทความที่คุณอาจสนใจ
- วิธี Hack ร่างกายผู้ชายสายสร้างกล้าม ดูแลตัวเองอย่างไรสร้างกล้ามได้ไว
- เวลาน้อยก็หุ่นดีได้ วิธีออกกำลังกายสำหรับผู้ชายเวลาน้อย
- รวมท่าปั้นหัวไหล่ผู้ชายเวลาน้อย ภายใน 15 นาที ไหล่สวยได้แม้ไม่มีเวลา
- วิธีกินตาม TDEE สำหรับผู้ชายอยากปั้นกล้าม กินอย่างไรให้ได้ผล
- Warm up กับ Cool down ต่างกันอย่างไรทำไมสำคัญต่อการสร้างกล้าม
- วิธีเลือกดัมเบลสำหรับผู้ชายให้เหมาะกับการออกกำลังกาย
- รวมท่าออกกำลังกาย Dumbbell Complex เวลาน้อยได้ผลมาก
- รวมท่าฝึกแกนกลางลำตัว แบบไม่หนัก ได้กล้ามสวยแก้ปวดหลัง ทำตามง่าย
- สาเหตุที่ออกกำลังกายหนักแต่ไม่มีกล้าม เปลี่ยนวิธีนี้กล้ามขึ้นแน่
แท็ก
ยอดนิยมในตอนนี้
สิทธิประโยชน์แนะนำ

ยอดนิยมในตอนนี้
สิทธิประโยชน์แนะนำ
