รีเซต
อยู่ไปก็ไร้อนาคต! 5 แข้งได้ดิบได้ดี หลังย้ายออกจากหลุมผีแดง

อยู่ไปก็ไร้อนาคต! 5 แข้งได้ดิบได้ดี หลังย้ายออกจากหลุมผีแดง

อยู่ไปก็ไร้อนาคต! 5 แข้งได้ดิบได้ดี หลังย้ายออกจากหลุมผีแดง
Kittisak
8 มิถุนายน 2563 ( 18:30 )
773
6

แม้ผลงานช่วงหลังจะชวนให้แฟนบอลส่ายหน้าอยู่บ่อยครั้ง แต่ต้องยอมรับว่า “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงเป็นสโมสรระดับบิ๊กเนม ซึ่งเป็นความฝันที่นักเตะจำนวนไม่น้อยอยากจะย้ายมาค้าแข้งสักครั้งในชีวิต

 

อย่างไรก็ดี การจะได้มีตรา “ปีศาจถือสามง่าม” ติดอยู่บนหน้าอกเสื้อถือว่ายากแล้ว แต่การจะเข้ามายึดตำแหน่งเป็นตัวหลักของทีม ถือเป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญยิ่งกว่า จนทำให้พ่อค้าแข้งหลายคนถอดใจเก็บกระเป๋าออกจากถิ่นโอลด์แทรฟฟอร์ด ก่อนจะไประเบิดฟอร์มสร้างชื่อดังเปรี้ยงปร้างกับสโมสรอื่นในเวลาต่อมา อย่างเช่น 5 แข้งดังต่อไปนี้ 

เคราร์ด ปิเก้ 

แมนฯ ยูไนเต็ด ดึง ปิเก้ ในวัย 17 ปีมาจากบาร์เซโลน่า เมื่อปี 2004 แต่นาทีนั้น คงยากที่เจ้าหนูปิเก้จะแหกด่านรุ่นพี่ ไม่ว่าจะเป็น ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมันย่า วิดิช รวมถึงเทพอย่าง เวส บราวน์ และ จอห์น โอเชีย สอดแทรกไปเบียดแย่งตัวจริงได้ ทำให้ ปิเก้ ได้ลงเล่นพรีเมียร์ลีกเพียง 12 นัดเท่านั้น ก่อนจะโบกมือลากลับบ้านไปอยู่กับบาร์เซโลน่าตามเดิมในปี 2008

และเมื่อคัมแบ็กสู่ถิ่นคัมป์นู ปิเก้ได้ลงสนามอย่างต่อเนื่อง ทำให้ฝีเท้าพัฒนาขึ้นตามลำดับจนก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักทั้งในสโมสรและทีมชาติสเปน พร้อมกับกวาดแชมป์ได้มากมายนับไม่ถ้วน จำกันไม่หวาดไม่ไหว ทั้งแชมป์ลีก แชมป์ยูซีแอล แชมป์ยูโร แชมป์โลก และกลายเป็นตำนานลูกหนังแดนกระทิงดุไปแล้ว

ดิเอโก้ ฟอร์ลัน

ฟอร์ลันย้ายจาก อินเดเพนเดียนเต้ ในลีกอาร์เจนตินา มาสู่รังโอลด์แทรฟฟอร์ด ด้วยค่าตัว 6.9 ล้านปอนด์ เมื่อเดือนมกราคม 2002 ก่อนจะโดนวิญญาณสากกะเบือเข้าสิงทันที เมื่อยิงประตูชาวบ้านชาวช่องไม่ได้เลยในช่วงครึ่งฤดูกาลหลังของซีซั่น 2001-2002 โดยลงเล่น 18 นัด ยิงไป 0 ประตู จนแฟนบอลทีมอื่นเปลี่ยนชื่อให้เป็น “ฟอร์รัน (Forrun)” ประหนึ่งว่า ซื้อมาวิ่ง ไม่ได้ซื้อมายิงนะจ๊ะ 

แม้ฤดูกาลต่อๆมา ฟอร์ลัน จะเริ่มผลิตสกอร์ได้บ้าง แต่ก็ไม่เปรี้ยงปร้างอย่างที่ควรจะเป็น และถูกปล่อยตัวออกจากแมนฯ ยูไนเต็ด ในปี 2004 พร้อมกับผลงานยิง 17 ลูกจาก 98 นัดในทุกรายการ เฉลี่ยแล้วเกือบๆ 6 นัด จึงจะได้ฉลองประตูสักครั้งนึง 

หลังจากนั้น ฟอร์ลันหิ้วสตั๊ดไปลุยศึกลาลีกา กับบียาร์เรอัล และเหมือนการ “กลับชาติมาเกิด” ยังไงยังงั้น เพราะ ฟอร์ลัน ซึ่งเคยเป็นตัวตลกในลีกเมืองผู้ดี อัพเกรดตัวเองขึ้นมาเป็นเพชฌฆาตกระหายประตูแห่งลีกกระทิง โดยเจาะตาข่ายคู่แข่งไปทั้งสิ้น 25 ประตู ครองดาวซัลโวลาลีกา ซีซั่น 2004-2005 ได้อย่างเหลือเชื่อ

ต่อมา หัวหอกทีมชาติอุรุกวัยรายนี้ย้ายไปยัง “ตราหมี” แอต.มาดริด ก็สามารถครองดาวซัลโวลาลีกาได้อีกครั้งในฤดูกาล 2008-2009 ด้วยผลงานกระหน่ำไปถึง 32 ลูก ยิงเยอะกว่าบรรดาหัวหอกพระกาฬอย่าง ซามูเอล เอโต้, ดาบิด บีย่า, ลิโอเนล เมสซี่, กอนซาโล อิกวาอิน, เธียร์รี อองรี เสียอีก คิดดูก็แล้วกัน!!

จูเซ็ปเป้ รอสซี่

กองหน้าอิตาเลียนรายนี้ย้ายจาก ปาร์ม่า มายัง แมนฯ ยูไนเต็ด ในปี 2004 แต่ก็แทบไม่ได้รับโอกาสลงสนาม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะชั้นเชิงลูกหนังที่ยังไม่แกร่งกล้าพอ เมื่อเทียบกับบรรดาดาวยิงรุ่นพี่คนอื่นๆ รอสซี่จึงได้สวมยูนิฟอร์มปีศาจแดงอยู่ 3 ฤดูกาล ยิงในลีกได้แค่ลูกเดียวจากการลงเล่น 5 นัดเท่านั้น

ต่อมา รอสซี่ ย้ายไปยัง บียาร์เรอัล ในปี 2007 ซึ่งภายใต้เสื้อสีเหลืองของทีม "เยลโล่ ซับมารีน" รอสซี่ยิงประตูได้อย่างต่อเนื่อง จนถูกเรียกตัวติดทีมชาติอิตาลี และมาพีกสุดในฤดูกาล 2010-2011 ซึ่งตะบันให้บียาร์เรอัลไปถึง 32 ลูก

น่าเสียดายที่หลังจากนั้น รอสซี่ได้รับบาดเจ็บเอ็นเข่าขวาฉีก จนกลายเป็นอาการเจ็บเรื้อรัง ทำให้ฟอร์มค่อยๆดร็อปลงไป และย้ายไปเล่นให้กับหลายทีม จนปัจจุบัน รอสซี่ ในวัย 33 ปี เล่นอยู่กับ รีล ซอลต์ เลค ในศึกเมเจอร์ลีก ของสหรัฐอเมริกา

ทอม ฮีตัน

ฮีตัน มือกาวดาวรุ่งวัย 16 ปี ดีใจจนแทบจะปิดซอยเลี้ยงฉลอง หลังจากได้เซ็นสัญญาเข้าสู่ทีมเยาวชนของแมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อปี 2002 ก่อนจะถูกดันขึ้นมามีชื่อในทีมชุดใหญ่ในอีก 3 ปีต่อมา

แต่อนิจจา ความฝันที่จะได้ลงเฝ้าเสาท่ามกลางแฟนบอลกว่า 70,000 คนต้องกลายเป็นหมัน เพราะนาทีนั้น “น้าซาร์” เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ จองตำแหน่งปราการด่านสุดท้ายของแมนฯ ยูไนเต็ดอย่างเหนียวแน่น แม้กระทั่งโกลสำรองอย่าง โทมัส คุสแซ็ก หรือ เบน ฟอสเตอร์ ยังทำได้แค่นั่งดูจนตูดแทบด้าน 

ฉะนั้นดาวรุ่งอย่าง ฮีตัน จึงต้องระหกระเหินย้ายไปเล่นให้กับหลายสโมสรแบบยืมตัว จนกระทั่งหมดสัญญาในปี 2010 ฮีตันก็รีบเผ่นออกมาทันที แม้ว่าทีมปีศาจแดงจะยื่นข้อเสนอให้เขาอยู่ต่อก็ตาม เพราะตั้งแต่ปี 2005-2010 ฮีตันไม่ได้ลงเล่นให้แมนฯ ยูไนเต็ดชุดใหญ่เลยแม้แต่นัดเดียว แล้วจะอยู่ต่อทำมะเขืออะไรล่ะ

จากนั้น ฮีตัน ย้ายมาเฝ้าเสาเป็นกำลังสำคัญให้กับ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้, บริสตอล ซิตี้ จนมาพีกสุดๆ ตอนอยู่กับ เบิร์นลี่ย์ ถึงขั้นมีชื่อติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ ก่อนมาอยู่กับ แอสตัน วิลล่า ในฤดูกาลนี้

แดนนี่ ดริ๊งค์วอเตอร์

ดริ๊งค์วอเตอร์ เป็นลูกหม้อแมนเชสเตอร์ขนาดแท้ โดยเกิดที่เมืองนี้ และเข้าสู่ทีมเยาวชนปีศาจแดงตั้งแต่ 9 ขวบ ก่อนจะขยับรุ่นขึ้นมาตามลำดับ จนได้มีชื่อในทีมชุดใหญ่ตอนอายุ 18 ปี ในซีซั่น 2008-2009

อย่างไรก็ตาม แผงมิดฟิลด์ของทีมผีแดงในตอนนั้นมีทั้ง ไมเคิล คาร์ริก, พอล สโคลส์, ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์, ปาร์คจีซอง, ไรอัน กิ๊กส์, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดริ๊งค์วอเตอร์จึงทำได้เพียงนั่งดูรุ่นพี่ตาปริบๆ ก่อนที่ถูกปล่อยยืมไปกับหลายทีม ได้แก่ ฮัดเดอร์สฟิลด์, คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้, วัตฟอร์ด และบาร์นสลีย์ จนกระทั่งปี 2012 เจ้าหนู “ดื่มน้ำ” ก็ยังไม่ได้ลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่แมนฯ ยูไนเต็ดเลยแม้แต่นัดเดียว

จากนั้น ดริ๊งค์วอเตอร์เปลี่ยนสีเสื้อ ย้ายไปอยู่กับ เลสเตอร์ ซิตี้ ในลีกแชมเปี้ยนชิพ ก่อนจะกลายเป็นคีย์แมนพาทีมเลื่อนชั้นขึ้นสู่พรีเมียร์ลีก และมาพีกสุดๆในปี 2015-2016 เมื่อดริ๊งค์วอเตอร์เป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่พาทีม “จิ้งจอกสยาม” ผงาดครองแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อย่างช็อคโลก

แม้หลังจากนั้น กราฟชีวิตของมิดฟิลด์วัย 30 รายนี้จะถดถอยลงเรื่อยๆ โดยย้ายไปอยู่กับเชลซี และประสบปัญหาบาดเจ็บจนฟอร์มตกแทบไม่ได้ลงสนาม แต่อย่างน้อย เขาก็สามารถโม้ให้ลูกหลานฟังได้ว่า ครั้งหนึ่งพ่อเคยได้แชมป์พรีเมียร์ลีกมาแล้วนะ ขนาด "ตำนาน" บางคนยังไม่เคยได้เลย อิอิ (หยอกๆๆ)

"111"

"คอบอลจะกลับมามันส์กันอีกครั้งที่ทรูไอดี พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2019/20 กลับมาแล้ว เริ่มแข่งขันคู่แรก วันที่ 17 มิ.ย. 63 นี้"

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

>> เรื่องนี้มีมูล!! ฟาน เดอร์ ซาร์ ชี้ ผีแดง-มาดริด สนซิว "เดอ บีค" จริง

>> ใครดี!! โซลชา รับงานยาก หากต้องเลือกเพื่อนผี 1 คน มาเล่นทีมปัจจุบัน

– ดูฟรี! พรีเมียร์ลีก มากกว่า 100 คู่ คลิก ID Station
– ดู พรีเมียร์ลีก online คลิกที่นี่
– สมัครชม พรีเมียร์ลีกทั้งฤดูกาล คลิกที่นี่

 

ยอดนิยมในตอนนี้