
ต้องรู้.! Rider of the Race ไม่จำเป็นต้องเป็นแชมป์ แต่ต้องชนะใจผู้ชม

ในศึกจักรยานยนตร์ทางเรียบชิงแชมป์โลกหรือ โมโตจีพี นั้นมีรางวัลที่เหล่านักบิดได้รับแล้วมีความภาคภูมิในนั่นคือ Rider of the Race ซึ่งรางวัลนี้ อาจไม่มีเงิน ไม่มีถ้วยเป็นสิ่งตอบแทน แต่อย่างน้อยการประกาศชื่อนักบิดที่แฟนๆ ร่วมลงคะแนนโหวตให้ ก็เป็นกำลังใจชั้นยอดเพื่อยกย่องนักแข่งที่แสดงผลงานได้อย่างโดดเด่นในแต่ละสนามแข่งขัน โดยที่ใครคนนั้นอาจไม่ได้เป็นแชมป์สนาม
อย่างไรก็ดีรางวัลนักบิดยอดเยี่ยมในแต่ละสนามไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้ที่ชนะการแข่งขันหรือผู้ที่ขึ้นโพเดียมเท่านั้น แต่ยังเปิดกว้างให้กับนักแข่งที่แสดงความสามารถในการขับขี่ที่โดดเด่น การไต่อันดับจากกริดสตาร์ทที่ล่างสุดก้าวกระโดดขึ้นมาจนมีคะแนนติดมือหรือขึ้นโพเดียมท่ามกลางการต่อสู้ที่ดุเดือด หรือแสดงจิตวิญญาณของนักแข่งที่แข็งแกร่ง
ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการให้คุณค่าต่อผลงานเชิงคุณภาพมากกว่าตัวเลขผลลัพธ์การแข่งขันเพียงอย่างเดียว เกณฑ์การตัดสินมาจากการลงคะแนนเสียงของแฟนกีฬาทั่วโลกผ่านช่องทางดิจิทัลอย่างเป็นทางการของ MotoGP โดยการโหวตจะเปิดในช่วงเวลาของการแข่งขัน และจะประกาศผลทันทีหลังสิ้นสุดการแข่งขันแต่ละรายการ
อย่างไรก็ตามทาง โมโตจีพี เปิดให้ผู้ชมมีส่วนร่วมกับการแข่งขันผ่านการโหวต Rider of the Race อย่างเป็นทางการในฤดูกาล 2019 เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ของ Dorna Sports ในการเพิ่มการมีส่วนร่วมของแฟนกีฬา และเชื่อมโยงการถ่ายทอดสดกับปฏิสัมพันธ์ของผู้ชมผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลเป็นครั้งแรก
ทั้งนี้เมื่อจักรยานยนตร์ทางเรียบชิงแชมป์โลกอยู่คู่กับแฟนๆ ที่ชื่นชอบกีฬาสองล้อมาเป็นเวลากว่า 70 ปี แม้มีการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคโมโตจีพีตั้งแต่ปี 2002 รางวัลลักษณะนี้ก็ไม่เคยปรากฏมาก่อน ทำให้การประกาศผลครั้งแรกในปี 2019 ถือเป็นแนวทางใหม่ในการยกระดับประสบการณ์ของผู้ชม
ซึ่งแน่นอนว่าแม้รางวัลนี้ทำให้ผู้ชมสนใจการแข่งขันมากขึ้น แต่ก็มีข้อถกเถียงเช่นกันว่า นักบิดคนดังที่มีแฟนคลับจำนวนมาก หรือผู้ที่มักจะได้แชมป์จนแฟนๆ คุ้นหน้าคุ้นตา น่าจะมีโอกาสมากกว่า เช่น มาร์ค มาร์เกซ ที่เคยได้รับรางวัลนี้หลายครั้งและเป็นที่นิยมจากแฟนกีฬา หรือ วาเลนติโน่ รอสซี่ และยังมีการพูดคุยกันเป็นวงกว้างว่ารางวัลนี้ไม่ได้รับประกันอะไรเลย
เหมือนอย่างที่ แดเนี่ยล ริคคาร์โด้ นักขับคนดังในศึก ฟอร์มูล่า วัน ได้รางวัล Rider of the Day ที่ ฟอร์มูล่า วัน สิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์ 2024 เมื่อแฟนๆ ล่วงรู้ว่า เขาอาจได้ขับให้ทีมรองของ เร้ดบูลล์ เป็นสนามสุดท้าย แม้อยู่ในกริดที่ 16 และจบด้วยอันดับ 18 แต่แฟนๆ ก็ร่วมโหวตเพื่อให้กำลังใจ ก่อนที่ไม่กี่วันต่อมา เร้ดบูลล์ จะประกาศแยกทางกับ ริคคาร์โด้
เมื่อเปรียบเทียบ Rider of the Race ใน โมโตจีพี และ ฟอร์มูล่า วัน Driver of the Day จะพบว่าทั้งสองรางวัลมีลักษณะคล้ายกันในด้านแนวคิดการมีส่วนร่วมของแฟนกีฬา รางวัลทั้งสองมาจากการโหวตของผู้ชมทั่วโลกโดยไม่มีผลต่อคะแนนสะสม และมุ่งเน้นการยกย่องนักแข่งที่มีผลงานโดดเด่นนอกเหนือจากผลแพ้ชนะในสนาม อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างอันน้อยนิดก็คือ ฟอร์มูล่า วัน เปิดรับคะแนนโหวตมาตั้งแต่ปี 2016 ขณะที่ โมโตจีพี เริ่มต้นการมอบตำแหน่งนี้ในปี 2019
อีกจุดที่แตกต่างกันคือความโปร่งใสในการตัดสิน โดย F1 มักได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจมีอคติจากฐานแฟนคลับของนักขับ ในขณะที่โมโตจีพียังไม่มีประเด็นลักษณะเดียวกันปรากฏชัดเจน ซึ่งอาจเนื่องมาจากลักษณะของการแข่งที่เน้นการต่อสู้ระหว่างนักขี่อย่างชัดเจน
ขณะที่ศึก ฟอร์มูล่า วัน มักจะตัดเสียงวิทยุของทีมงานเข้ามา มีเรื่องของทีมออร์เดอร์ หรือการวางกลยุทธ และวิทยุสื่อสารยังทำให้รู้ถือการตอบสนองของนักขับต่อสถานการณ์ต่างๆ โดยทันที จนเป็นเรื่องวิจารณญาณของผู้ชม ทำให้การตัดสินใจของแฟนกีฬาอิงจากภาพรวมในสนามที่สังเกตได้ง่ายกว่า
รางวัลประเภทเดียวกันนี้ยังมีอยู่ในรายการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตอื่น เช่น Formula E, WEC, WRC และ NASCAR โดยมีรูปแบบการให้รางวัลหรือเกณฑ์ที่แตกต่างกันไปในแต่ละซีรีส์ ใน Formula E มีทั้งรางวัล Driver of the Race และ Fanboost ซึ่งแฟนกีฬาโหวตให้กับนักขับก่อนการแข่งขันเพื่อมอบพลังงานเสริมในช่วงสำคัญของการแข่งขัน ส่วนใน WEC และ Le Mans 24 ชั่วโมง มีการมอบรางวัลยอดเยี่ยมแต่ละเรซหรือแต่ละปีตามการประเมินของผู้จัดและผู้เชี่ยวชาญ
ในการแข่งขันประเภทแรลลี่อย่าง WRC มีรางวัล Driver of the Rally และผู้ชนะ Power Stage ซึ่งเป็นสเตจสุดท้ายของการแข่งขัน ในขณะที่ NASCAR มีรางวัล Driver of the Race และ Hard Charger Award สำหรับนักแข่งที่ไต่อันดับได้มากที่สุดในเรซนั้น
แม้ว่าเกณฑ์การตัดสินในบางรายการอาจมาจากคณะกรรมการหรือผู้เชี่ยวชาญมากกว่าการโหวตโดยตรงจากแฟนกีฬา แต่แนวโน้มโดยรวมของวงการมอเตอร์สปอร์ตสะท้อนถึงการให้ความสำคัญกับการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างนักแข่งกับผู้ชม โดยเน้นการยอมรับในความสามารถ ความพยายาม และเรื่องราวของนักแข่งในแต่ละการแข่งขัน ไม่ว่าจะประสบชัยชนะหรือไม่ก็ตาม
ดังนั้น รางวัล Rider of the Race จึงไม่เพียงแต่เป็นกลไกในการส่งเสริมภาพลักษณ์ของนักแข่งเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือทางนวัตกรรมที่เชื่อมโยงแฟนกีฬาเข้ากับการแข่งขันในเชิงประสบการณ์อย่างมีความหมาย ทั้งยังช่วยยกระดับคุณค่าของการรับชมมอเตอร์สปอร์ตในยุคดิจิทัลให้กลายเป็นกิจกรรมที่ผู้ชมมีส่วนร่วม และเป็นส่วนหนึ่งของกีฬานั้นๆ อย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังเป็นการให้กำลังใจกับผู้เข้าแข่งขันที่อาจไม่ได้แชมป์ พลาดการยืนโพเดี้ยม แต่แฟนๆ ชื่นชมในผลงาน