Sports Profile : ประวัติ ฮาเมส โรดริเกซ จอมทัพเชิงสูงของเอฟเวอร์ตัน
ข้อมูลและประวัติล่าสุดของ ฮาเมส โรดริเกซ เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติโคลอมเบีย ซึ่งก้าวเข้าสวมบทจอมทัพของ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เอฟเวอร์ตัน และสร้างชื่อในสังเวียนพรีเมียร์ลีกได้อย่างรวดเร็ว
ข้อมูลนักเตะ
ชื่อเต็ม : ฮาเมส ดาวิด โรดริเกซ รูบิโอ
เกิด : 12 กรกฏาคม 1991 ที่กูกูต้า ประเทศโคลอมเบีย
อายุ : 29 ปี
สัญชาติ : โคลอมเบีย
ตำแหน่ง : กองกลางตัวรุก / ปีก
ส่วนสูง : 180 เซนติเมตร
เส้นทางลูกหนัง
ฮาเมส ได้รับอิทธิพลด้านลูกหนังมาจากคุณพ่อ และเล่นฟุตบอลตอนอายุ 5 ขวบ โดยได้เข้าสู่อคาเดมีของทีม โทลิเมนเซ่ ก่อนจะย้ายอยู่กับสโมสร เอนวิกาโด้ และเริ่มต้นเส้นทางนักเตะอาชีพกับทีมนี้ ซึ่งขณะนั้นอยู่ในระดับดิวิชั่นสองของโคลอมเบีย และ ฮาเมส ก็ได้ลงสนามนัดแรกในวัยเพียงแค่ 14 ปีเท่านั้น เมื่อเดือนพ.ค. 2006
ฮาเมสเล่นอยู่กับ เอนวิดาโด้ 2 ฤดูกาล ฝีเท้าก็ไปเข้าตา แบนฟิลด์ สโมสรของอาร์เจนตินา และถูกดึงตัวไปร่วมทีม ก่อนจะโชว์ฟอร์มโดดเด่น และทำสถิติเป็นแข้งต่างชาติอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูได้ในลีกอาร์เจนไตน์ ในวัยแค่ 17 ปี โดย ฮาเมส เล่นให้กับ แบนฟิลด์ 2 ปี และมีส่วนสำคัญช่วยให้ทีมผงาดคว้าแชมป์ลีกฟ้าขาวเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร ในฤดูกาล 2009-2010
ด้วยฝีเท้าที่โดดเด่นเกินวัย ทำให้ ฮาเมส กลายเป็นที่จับตามองของหลายสโมสรในยุโรป จนในที่สุดก็ได้หอบผ้าหอมผ่อนมาอยู่กับ ปอร์โต้ ยักษ์ใหญ่ของลีกโปรตุเกส ซึ่งทุ่มเงิน 7.35 ล้านยูโร กระชากตัวเขามาร่วมทีมในซีซั่น 2010-2011 ซึ่ง ฮาเมส ประสบความสำเร็จอย่างมากกับปอร์โต้ โดยคว้าแชมป์ลีกโปรตุเกส 3 ปีซ้อน แชมป์เอฟเอ คัพของโปรตุเกส 1 สมัย และแชมป์ยูโรป้า ลีก 1 สมัยในซีซั่น 2010-2011
ฮาเมสค้าแข้งกับปอร์โต้ 3 ฤดูกาล ซัดไป 32 ลูกจากการลงสนาม 107 นัดในทุกรายการ ก่อนจะย้ายไปลุยลีกเอิง ฝรั่งเศส กับสโมสร โมนาโก ด้วยค่าตัวสูงถึง 45 ล้านยูโร ในปี 2013 ซึ่งเขาได้เล่นให้กับโมนาโกแค่ปีเดียวเท่านั้น ก็ถูกยักษ์ใหญ่ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด กระชากตัวไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 75 ล้านยูโร แพงที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลกในขณะนั้น หลังจากได้เห็นฟอร์มอันสุดยอดของ ฮาเมส ในฟุตบอลโลก 2014
ในฤดูกาลแรกกับทีมราชันชุดขาว ฮาเมสเป็นตัวหลักของทีม พร้อมโชว์ผลงานซัดไปถึง 17 ประตูจาก 46 นัดในทุกรายการของซีซั่น 2014-2015 แต่หลังจากนั้น มาดริดมีการเปลี่ยนแปลงตัวกุนซือจาก คาร์โล อันเชลอตติ มาเป็น ราฟาเอล เบนิเตซ และ ซีเนอดีน ซีดาน ทำให้ผลงานของฮาเมสเริ่มดร็อปลงไป รวมถึงโอกาสลงสนามที่ลดลงตามไปด้วย จนในที่สุด ฮาเมสก็ถูกปล่อยไปให้ บาเยิร์น มิวนิค ด้วยสัญญายืมตัว 2 ฤดูกาล ซึ่งทำให้เขาได้มาร่วมงานกับ อันเชลอตติ อีกครั้ง
อย่างไรก็ดี ทั้งคู่ได้ร่วมงานกันไม่นาน อันเชลอตติ ก็โดนปลดออกจากตำแหน่ง แต่ผลงานของฮาเมสในช่วง 2 ปีกับทีมเสือใต้ในฤดูกาล 2017-2018, 2018-2019 ก็ถือว่าไม่ขี้เหร่ โดยยิงไป 15 ประตูจาก 67 นัด พร้อมกับได้สัมผัสแชมป์บุนเดสลีกา 2 สมัยและแชมป์เดเอฟเบ โพคาล 1 สมัย
หลังจากหมดสัญญายืมตัวกับบาเยิร์น ฮาเมสกลับไปยังเรอัล มาดริด ในฤดูกาล 2019-2020 ซึ่งคราวนี้ เขาแทบไม่ได้รับโอกาสลงสนามจากกุนซือ ซีเนอดีน ซีดาน บวกกับปัญหาอาการบาดเจ็บเป็นระยะ ทำให้ฮาเมสได้ลงเล่นลาลีกาเป็นตัวจริงแค่ 5 นัด และยิงได้เพียงลูกเดียวตลอดทั้งซีซั่น
ด้วยสถานะซึ่งไม่อยู่ในแผนการทำทีมของซีดาน ทำให้ฮาเมสตัดสินใจถอดชุดขาว และเปลี่ยนมาสวมยูนิฟอร์มสีน้ำเงิน ด้วยการย้ายมาหาความท้าทายใหม่กับ เอฟเวอร์ตัน ในศึกลูกหนังพรีเมียร์ลีก ซึ่งทำให้เขาได้ร่วมงานกับบอสที่รู้ใจอย่าง อันเชลอตติ เป็นคำรบที่สาม และดาวเตะทีมชาติโคลอมเบียรายนี้ก็สามารถปรับตัวให้เข้าลีกลูกหนังเมืองผู้ดีได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับงัดฟอร์มเก่งออกมาจนกลายเป็นขวัญใจคนใหม่ของแฟนบอลทอฟฟี่สีน้ำเงินไปเรียบร้อยแล้ว
ผลงานทีมชาติ
ฮาเมส เริ่มรับใช้ชาติจากชุดยู-17 และสร้างชื่อมาจนชุดยู-20 ซึ่งเขาสวมบทกัปตันทีม ลุยศึกยู-20 ชิงแชมป์โลก 2011 พร้อมกับทำผลงานยิง 3 แอสซิสต์ 3 ช่วยให้โคลอมเบียเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย
กระทั่งเดือนก.ย. 2011 ฮาเมสมีชื่อติดทีมชาติโคลอมเบียชุดใหญ่เป็นนัดแรก ก่อนจะค่อยๆยกระดับตัวเองขึ้นมาจนกลายเป็นกำลังสำคัญของทีม และสามารถพาโคลอมเบียเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2014 ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปีที่โคลอมเบียได้ผ่านเข้ามาเล่นรอบสุดท้ายเวิลด์คัพ
และในฟุตบอลโลก 2014 นี่เองที่เป็นเวทีแจ้งเกิดให้กับฮาเมสอย่างเต็มตัว โดยเขารับบทจอมทัพพาทีมทะลุเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ ก่อนจะไปพ่ายต่อ “เจ้าภาพ” บราซิล อย่างไรก็ดี ฮาเมส ผงาดคว้าตำแหน่งดาวซัลโวด้วยการซัดไปถึง 6 ประตู และสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักเตะโคลอมเบียคนแรกที่ได้เป็นดาวซัลโวฟุตบอลโลก
ทั้งนี้ใน 6 ประตูที่ฮาเมสยิงได้ มีหนึ่งประตูที่ถูกยกให้เป็นหนึ่งในสุดยอดลูกยิงตลอดกาลของศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย โดยประตูดังกล่าวเกิดขึ้นในรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่พบกับ อุรุกวัย ซึ่ง ฮาเมส ใช้อกแตงบอลหนึ่งจังหวะ ก่อนวอลเลย์เต็มข้อด้วยซ้ายจากนอกเขตโทษ ส่งบอลพุ่งเสียบใต้คานเข้าไปอย่างสมบูรณ์แบบ
“นี่คือหนึ่งในลูกยิงที่สุดยอดที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมาในฟุตบอลโลก” ออสการ์ ตาบาเรซ กุนซือของอุรุกวัย ถึงกลับยอมซูฮกภายหลังเกม
อย่างไรก็ดี ฮาเมส ยังไม่เคยได้สัมผัสถ้วยแชมป์รายการสำคัญๆกับทีมชาติโคลอมเบีย โดยผลงานดีที่สุดคือการคว้าอันดับ 3 ศึกโคปา อเมริกา 2016
เกียรติประวัติ
แบนฟิลด์ :
- แชมป์ลีกอาร์เจนตินา 2009
ปอร์โต้ :
- แชมป์พรีเมร่า ลีก้า 2010–11, 2011–12, 2012–13
- แชมป์เอฟเอคัพ โปรตุเกส 2010–11
- แชมป์ยูโรป้า ลีก 2010–11
- ผู้เล่นยอดเยี่ยมลีกโปรตุเกส 2012
โมนาโก :
- จอมแอสซิสต์ลีกเอิง 2013-2014
- ทีมยอดเยี่ยมลีกเอิง 2013-2014
- ผู้เล่นยอดเยี่ยมของสโมสร 2013-2014
เรอัล มาดริด :
- แชมป์ลาลีกา 2016–17, 2019–20
- แชมป์สแปนิช ซูเปอร์คัพ 2019–20
- แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2015–16, 2016–17
- แชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ 2014, 2016
- แชมป์สโมสรโลก 2014, 2016
- กองกลางยอดเยี่ยมลาลีกา 2014-2015
- ทีมยอดเยี่ยมลาลีกา 2014-2015
- ทีมยอดเยี่ยมของยูฟ่า 2015
บาเยิร์น มิวนิค :
- แชมป์บุนเดสลีกา 2017–18, 2018–19
- แชมป์เดเอฟเบ โพคาล 2018–19
- ทีมยอดเยี่ยมบุนเดสลีกา 2017–18
ทีมชาติโคลอมเบีย :
- ดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2014
- ติดทีมยอดเยี่ยมฟุตบอลโลก 2014
- ลูกยิงยอดเยี่ยมฟุตบอลโลก 2014
- ลูกยิงยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่า 2014
- อันดับ 3 โคปา อเมริกา 2016
- ทีมยอดเยี่ยมโคปา อเมริกา 2019
"111"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
>> Sports Profile : ประวัติ เอดินสัน คาวานี่ อีกหนึ่งอาวุธลับของทัพปีศาจแดง
>> Sports Profile : ประวัติ แกเร็ธ เบล ดาวเตะระดับปรากฏการณ์ของเวลส์
----------------------------------
ดูสดฟรี!! ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ทุกสัปดาห์ พร้อมกีฬาชั้นนำระดับโลกแบบจัดเต็ม ต้อง App TrueID เท่านั้น
รวมข้อมูลแก้ไขปัญหาการใช้งาน รับชม หรือโปรโมชันกิจกรรมต่างๆ >> คลิกที่นี่
เด็ดทุกคลิป! ช็อตเด็ด โดน ๆ ! ไฮไลท์พรีเมียร์ลีก! สมัครทาง SMS พิมพ์ R1 ส่งมาที่ 4238067 หรือคลิกที่แบนเนอร์ด้านล่างนี้