รีเซต
ออกกำลังกาย 30 นาที 1 ชั่วโมง หรือ 2 ชั่วโมงแบบไหนดีสำหรับผู้ชาย

ออกกำลังกาย 30 นาที 1 ชั่วโมง หรือ 2 ชั่วโมงแบบไหนดีสำหรับผู้ชาย

ออกกำลังกาย 30 นาที 1 ชั่วโมง หรือ 2 ชั่วโมงแบบไหนดีสำหรับผู้ชาย
WeenayA
27 มีนาคม 2568 ( 15:22 )
5.2K

     ออกกำลังกายใช้เวลาเท่าไหร่ดี คงจะเป็นคำถามในใจสำหรับคนออกกำลังกายหลายๆ คน หรือสำหรับผู้ที่เริ่มออกกำลังกาย ก่อนจะตัดสินใจว่าจะใช้เวลาในการออกกำลังกายเท่าไหร่มาดูความแตกต่างกันว่า การออกกำลังกาย 30 นาที ออกกำลังกาย 1 ชั่วโมง หรือ ออกกำลังกาย 2 ชั่วโมงแบบไหนดีสำหรับผู้ชาย



ออกกำลังกาย 30 นาที 1 ชั่วโมง หรือ 2 ชั่วโมงแบบไหนดีสำหรับผู้ชาย

 

ออกกำลังกาย 30 นาที

     การออกกำลังกาย 30 นาที ถึงแม้จะดูไม่น้อยไม่มาก แต่ช่วยส่งเสริมสุขภาพร่างกายหลายด้าน อาทิเช่นเพิ่มความแข็งแรงของหลอดเลือด ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ ะช่วยให้หัวใจ และปอดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเพราะการออกกำลังกายนั้นส่งเสริมการทำงานของหัวใจและปอด อีกทั้งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของข้อต่อ ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บ นอกจากนี้ยังช่วยให้การเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวันเป็นไปได้ง่ายขึ้น เสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และกระดูก การออกกำลังกายแบบมีแรงต้าน หรือการออกกำลังกายที่ใช้น้ำหนักตัว ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงและความทนทานของกล้ามเนื้อ ทำให้กระดูกแข็งแรงขึ้น และลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน

     อีกหนึ่งข้อดีที่มองข้ามไม่ได้คือ ด้านสุขภาพจิต การออกกำลังกายช่วยลดความเครียด และความวิตกกังวลเพราะการออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งเป็นสารเคมีในสมองที่ช่วยลดความรู้สึกเจ็บปวด และทำให้รู้สึกดีขึ้นจึงทำให้รู้สึกผ่อนคลายและลดความวิตกกังวล

การออกกำลังกาย 30 นาที เหมาะสำหรับ

     ผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นออกกำลังกาย มีเวลาจำกัด และต้องการรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ แต่การออกกำลังกาย 30 นาที อาจไม่พอที่จะสร้างกล้ามเนื้อ แต่คุณสามารถใช้การแบ่งการออกกำลังกายแต่ละส่วนในแต่ละวัน เช่นวันจันทร์ออกส่วนแขน วันอังคารออกส่วนขา เพื่อการโฟกัสการออกกำลังกายในแต่ละส่วนแบบเน้นๆ  


ออกกำลังกาย 1 ชั่วโมง

     การออกกำลังกายเป็นเวลา 1 ชั่วโมง สามารถให้ประโยชน์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับการออกกำลังกาย 30 นาที เนื่องจากการออกกำลังกาย 1 ชั่วโมง ให้การออกกำลังกายที่ครอบคลุมมากขึ้น มีเวลาในการอบอุ่นร่างกายประมาณ 5-10 นาที เพื่อเตรียมกล้ามเนื้อ ข้อต่อให้พร้อมสำหรับการออกกำลังกาย ลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บ และยังมีเวลาคูลดาวน์ ประมาณ 5-10 นาที เพื่อให้ร่างกายค่อยๆ กลับสู่สภาวะปกติ ลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย

     ระยะเวลา 1 ชั่วโมงช่วยให้คุณสามารถ ออกกำลังกายที่หลากหลาย รวมการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เช่น วิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ การฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เช่น ยกเวท และการออกกำลังกายเพื่อความยืดหยุ่น เช่น โยคะ พิลาทิส ได้อย่างสมดุล  อีกทั้งยังสามารถออกกำลังกายที่เน้นเฉพาะส่วน หากคุณมีเป้าหมายในการสร้างกล้ามเนื้อในส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย การมีเวลา 1 ชั่วโมงจะช่วยให้คุณสามารถฝึกกล้ามเนื้อเหล่านั้นได้อย่างละเอียดมากขึ้น

     ในด้านการควบคุมน้ำหนักการออกกำลังกาย 1 ชั่วโมงช่วยให้คุณเผาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้น ซึ่งเหมาะกับการลดหรือรักษาน้ำหนัก การออกกำลังกายที่มีความเข้มข้นสูงในช่วงเวลานี้จะยิ่งช่วยเพิ่มการเผาผลาญแคลอรี่มากขึ้น และยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ  ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดความดันโลหิต และปรับปรุงระดับคอเลสเตอรอล 

 

ออกกำลังกาย 2 ชั่วโมง

     การออกกำลังกาย 2 ชั่วโมง เหมาะสำหรับผู้ที่มีเป้าหมายด้านการออกกำลังกายที่เฉพาะเจาะจง เช่น การฝึกซ้อมเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันประเภทความทนทาน (endurance events) หรือผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือสร้างกล้ามเนื้ออย่างมีนัยสำคัญ

     ผู้ที่มีเป้าหมายการฝึกซ้อมเพื่อความทนทาน หรือผู้ที่ฝึกซ้อมเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมที่ต้องใช้ความทนทานสูง เช่น การวิ่งมาราธอน การปั่นจักรยานทางไกล หรือการไตรกีฬา การออกกำลังกายเป็นเวลา 2 ชั่วโมงช่วยให้ร่างกายได้ฝึกความทนทาน และความสามารถในการรักษาระดับการออกกำลังกายเป็นเวลานาน

     การออกกำลังกาย 2 ชั่วโมง ช่วยเสริมสร้างการสร้างกล้ามเนื้ออย่างมาก สำหรับผู้ที่ต้องการสร้างกล้ามเนื้ออย่างเห็นได้ชัด การมีเวลาออกกำลังกายที่นานขึ้นช่วยให้สามารถฝึกกล้ามเนื้อแต่ละส่วนได้อย่างละเอียดมากขึ้น รวมถึงมีเวลาสำหรับการพักระหว่างเซ็ตที่เหมาะสม เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อ

     ในด้านการลดน้ำหนัก การออกกำลังกายเป็นเวลา 2 ชั่วโมงช่วยให้เผาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้นการออกกำลังกายที่มีความเข้มข้นสูง ช่วยเพิ่มระยะเวลา Afterburn ให้นานมากขึ้น

     แต่สิ่งที่ต้องระวังคือการออกกำลังกายที่ใช้เวลานานอาจทำให้เกิดความเหนื่อยล้า ควรวางแผนในการออกกำลังกายให้ดีทั้งความสำคัญของการดื่มน้ำ การรับประทานอาหาร และการพักผ่อนที่เพียงพอเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ ภาวะโภชนาการไม่เพียงพอ และการบาดเจ็บจากการออกกำลังกายมากเกินไป วันพักออกกำลังกายก็เป็นสิ่งสำคัญต่อการฟื้นฟูเพื่อพัฒนาร่างกายต่อไป

 

 

บทความที่คุณอาจสนใจ

ยอดนิยมในตอนนี้

ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
สัมผัสโลกไร้ขีดจำกัดกับทรูไอดี