รีเซต
วิธีกำจัดเชื้อราในห้อง แก้เชื้อราในห้องอย่างไรให้หายขาด

วิธีกำจัดเชื้อราในห้อง แก้เชื้อราในห้องอย่างไรให้หายขาด

วิธีกำจัดเชื้อราในห้อง แก้เชื้อราในห้องอย่างไรให้หายขาด
TNP1459
5 มิถุนายน 2568 ( 17:31 )
31

       เชื้อราในห้อง ไม่ใช่แค่เรื่องไม่น่ามอง แต่มันคือปัญหาที่ส่งผลต่อทั้งสุขภาพและคุณภาพชีวิต โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนหรือคนที่อยู่คอนโด ห้องไม่มีแดด อากาศถ่ายเทไม่ดี ราอาจโผล่ทั้งผนัง ม่าน เฟอร์นิเจอร์ แถมกลิ่นอับก็พร้อมจะปะทะจมูกทุกเช้า ถ้าไม่อยากให้ห้องกลายเป็นที่เพาะเชื้อล่ะก็ มาทำตามวิธีกำจัดเชื้อราในห้อง แก้เชื้อราให้หายขาดกันเลย!

 

 

เช็กก่อน ราเกิดจากอะไร

  • ความชื้นสูงในห้อง (ตากผ้าในห้อง ห้องน้ำไม่ระบายอากาศ ฯลฯ)
  • พื้นผิวที่ไม่แห้ง เช่น ผนังที่โดนน้ำซ้ำ ๆ
  • ความร้อน + ความมืด + อากาศนิ่ง = เชื้อราโตไว
  • บ้านหรือคอนโดที่ไม่ได้เปิดหน้าต่างบ่อยๆ

 

 

แล้วถ้าปล่อยไว้ จะเกิดอะไรขึ้น?

  • ปอดอักเสบ แพ้ฝุ่น แพ้เชื้อราเรื้อรัง
  • หายใจไม่ออก ไอเรื้อรัง แม้แต่คนไม่แพ้อะไรมาก่อนก็เสี่ยงเป็นได้
  • ผิวหนังอักเสบ คัน แพ้ ลอก โดยเฉพาะตอนนอน

 

จุดที่มักมีเชื้อรา

  • มุมห้อง มุมเพดานที่อับชื้น
  • ผนังห้องน้ำหรือครัวที่โดนน้ำบ่อย
  • ใต้พรม ม่าน โซฟา หรือขอบหน้าต่าง
  • ตู้เสื้อผ้าแบบปิดทึบ

ถ้าเห็นเป็น จุดดำ ๆ เขียว ๆ กลิ่นฉุนชื้น ๆ ใช่เลย…เชื้อรามาแล้ว

 

วิธีจัดการเชื้อราในห้องให้หายขาด


ก่อนอื่นอย่าลืมสวมอุปกรณ์ป้องกัน เช่น หน้ากาก และถุงมือ เพื่อป้องกันไม่ให้สปอร์เชื้อราและสิ่งสกปรกอื่นๆ เข้าสู้ระบบทางเดินหายใจได้

 

 

วิธีกำจัดเชื้อรา 1 : น้ำส้มสายชู + เบกกิ้งโซดา

  1. ผสมน้ำส้มสายชู 1:1 กับน้ำ แล้วเทใส่ขวดสเปรย์
  2. ฉีดลงบนเชื้อราโดยตรง ทิ้งไว้ 30–60 นาที
  3. โรยเบกกิ้งโซดาทับเล็กน้อย ใช้แปรงขัด
  4. เช็ดด้วยผ้าชุบน้ำสะอาด แล้วซับให้แห้ง

 

✅ เหมาะกับ❌ ไม่เหมาะกับ
กระเบื้องเซรามิก / ผนังห้องน้ำ / ร่องยาแนวหินอ่อน / หินแกรนิต (วัสดุที่มีความเป็นด่างตามธรรมชาติ)
สเตนเลส / โลหะเคลือบอะลูมิเนียม (น้ำส้มสายชูอาจกัดพื้นผิวให้หมอง)
ผิวไม้เคลือบยูรีเทน (เช็ดเบา ๆ และต้องเช็ดแห้งตาม)ไม้ไม่เคลือบ / ไม้ดิบ (ความชื้นจะทำให้ไม้บวมหรือเป็นคราบ)
ผ้าเช็ดตัว ผ้าม่าน ผ้าฝ้าย (ช่วยลดคราบรา/กลิ่นอับ)ผ้าไหม ผ้าขนสัตว์ ผ้าเรยอน (กรดอ่อนจากน้ำส้มสายชูทำลายเนื้อผ้าได้)
พื้นไวนิล / พลาสติกแข็งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (ไม่ควรใช้สารละลายใด ๆ โดยตรง)

 

วิธีกำจัดเชื้อรา 2 : แอลกอฮอล์ 70%

  1. ใช้เช็ดบริเวณที่เป็นรา เช่น หน้าต่าง รางม่าน กระจก
  2. ฆ่าเชื้อไวรัสและราได้ดี ไม่ทิ้งคราบ

 

✅ เหมาะกับ❌ ไม่เหมาะกับ
กระจก, โลหะ, กระเบื้องไม้, หนัง, พลาสติกใส, ยาง, พื้นไวนิล

 

วิธีกำจัดเชื้อรา 3 : น้ำยาฟอกขาว (ไฮเตอร์)


สูตรแรงสำหรับราหนักที่ฝังแน่นในห้องน้ำหรือผนังทนความชื้น

วิธีใช้:

  1. เปิดพัดลมหรือหน้าต่างระบายกลิ่นเตรียมไว้
  2. ผสมไฮเตอร์ 1 ส่วน ต่อน้ำ 4 ส่วน (อย่าใช้เข้มข้นเกินไป)
  3. ใส่ถุงมือ ใช้ฟองน้ำหรือแปรงจุ่มแล้วขัดจุดที่มีเชื้อรา
  4. ทิ้งไว้ 10–15 นาที แล้วล้างน้ำสะอาด

ข้อควรระวัง:

  • ห้ามใช้กับผิวไม้ หรือเฟอร์นิเจอร์ที่บอบบาง
  • ห้ามผสมกับน้ำยาล้างห้องน้ำเด็ดขาด (อันตรายต่อระบบหายใจ)
  • ระวังไม่ให้กระเด็นเข้าตาหรือผิวหนังโดยตรง

 

✅ เหมาะกับ❌ ไม่เหมาะกับ
ผนังห้องน้ำ / กระเบื้อง / ร่องยาแนวพื้นไม้ / เฟอร์นิเจอร์ไม้ (โดยเฉพาะไม้ไม่เคลือบ)
พื้นผิวซีเมนต์ / ปูนเปลือย / ปูนฉาบพื้นไวนิล / พีวีซี / ยาง (อาจทำให้เปลี่ยนสีหรือผิวเสื่อมสภาพ)
สุขภัณฑ์ เช่น โถส้วม อ่างล้างหน้าผ้า / ผ้าม่าน / พรม (กัดสีและทำให้ผ้าเปื่อย)
พื้นห้องน้ำที่มีคราบราเยอะโลหะบางชนิด เช่น อะลูมิเนียม หรือโลหะไม่เคลือบ (อาจกัดกร่อน/ขึ้นสนิม)

 

วิธีกำจัดเชื้อรา 4 : ใช้น้ำยากำจัดเชื้อรา

เหมาะกับคนที่อยาก “ฉีดแล้วจบ” ไม่ต้องผสมสูตรเอง แต่อยากได้ผลลัพธ์มืออาชีพ ปลอดภัยต่อพื้นผิว เพราะแต่ละสูตรมักระบุชัดเจนว่าใช้ได้กับวัสดุอะไร เช่น กระเบื้อง ไม้ หรือผนังทาสี แล้วยังใช้งานสะดวก เพราะไม่ต้องผสมเอง ลดความเสี่ยงจากการใช้สารเคมีผิดประเภทไปได้เยอะเลยทีเดียว

 

เสริมแนวป้องกัน ไม่ให้รากลับมา

การกำจัดเชื้อราเพียงอย่างเดียวอาจยังไม่พอ หากไม่จัดการ “ต้นตอ” อย่างความชื้นและการระบายอากาศ เชื้อราอาจกลับมาใหม่ได้ในไม่กี่วัน การป้องกันจึงเป็นขั้นตอนสำคัญไม่แพ้การทำความสะอาด

  • เปิด พัดลม แอร์ หรือหน้าต่าง เพื่อช่วยให้อากาศหมุนเวียน ลดความชื้นสะสมในห้อง โดยเฉพาะห้องน้ำและห้องครัว

  • ใช้ เครื่องลดความชื้น (Dehumidifier) หากอยู่คอนโดหรือห้องที่ไม่มีแดดส่อง จะช่วยควบคุมความชื้นในอากาศให้อยู่ในระดับปลอดภัย

  • หลีกเลี่ยงการ ตากผ้าในห้องปิด โดยไม่มีการระบายอากาศ เพราะจะเพิ่มความชื้นสะสมอย่างรวดเร็ว

  • วาง ถุงดูดความชื้น ตามจุดเสี่ยง เช่น ตู้เสื้อผ้า ใต้เตียง ห้องน้ำ หรือในลิ้นชัก ช่วยลดโอกาสเกิดเชื้อราในพื้นที่ปิด

  • ทำความสะอาดและขัดห้องน้ำหรือผนังห้องเป็นประจำ โดยเฉพาะจุดที่น้ำกระเด็นบ่อยหรือมุมอับ เช่น หลังชักโครก ใต้ซิงค์ และรอยต่อกระเบื้อง

การป้องกันเชื้อราไม่ใช่เรื่องซับซ้อน แค่ “ไม่ปล่อยให้ห้องชื้น” และดูแลพื้นที่เสี่ยงเป็นประจำ ก็ช่วยให้บ้านสะอาดน่าอยู่ ปลอดภัย และไม่ต้องวนลูปจัดการซ้ำ ๆ ให้เสียเวลาอีกต่อไป

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
สัมผัสโลกไร้ขีดจำกัดกับทรูไอดี