
วิธีกำจัดเชื้อราในห้อง แก้เชื้อราในห้องอย่างไรให้หายขาด

เชื้อราในห้อง ไม่ใช่แค่เรื่องไม่น่ามอง แต่มันคือปัญหาที่ส่งผลต่อทั้งสุขภาพและคุณภาพชีวิต โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนหรือคนที่อยู่คอนโด ห้องไม่มีแดด อากาศถ่ายเทไม่ดี ราอาจโผล่ทั้งผนัง ม่าน เฟอร์นิเจอร์ แถมกลิ่นอับก็พร้อมจะปะทะจมูกทุกเช้า ถ้าไม่อยากให้ห้องกลายเป็นที่เพาะเชื้อล่ะก็ มาทำตามวิธีกำจัดเชื้อราในห้อง แก้เชื้อราให้หายขาดกันเลย!
เช็กก่อน ราเกิดจากอะไร
- ความชื้นสูงในห้อง (ตากผ้าในห้อง ห้องน้ำไม่ระบายอากาศ ฯลฯ)
- พื้นผิวที่ไม่แห้ง เช่น ผนังที่โดนน้ำซ้ำ ๆ
- ความร้อน + ความมืด + อากาศนิ่ง = เชื้อราโตไว
- บ้านหรือคอนโดที่ไม่ได้เปิดหน้าต่างบ่อยๆ
แล้วถ้าปล่อยไว้ จะเกิดอะไรขึ้น?
- ปอดอักเสบ แพ้ฝุ่น แพ้เชื้อราเรื้อรัง
- หายใจไม่ออก ไอเรื้อรัง แม้แต่คนไม่แพ้อะไรมาก่อนก็เสี่ยงเป็นได้
- ผิวหนังอักเสบ คัน แพ้ ลอก โดยเฉพาะตอนนอน
จุดที่มักมีเชื้อรา
- มุมห้อง มุมเพดานที่อับชื้น
- ผนังห้องน้ำหรือครัวที่โดนน้ำบ่อย
- ใต้พรม ม่าน โซฟา หรือขอบหน้าต่าง
- ตู้เสื้อผ้าแบบปิดทึบ
ถ้าเห็นเป็น จุดดำ ๆ เขียว ๆ กลิ่นฉุนชื้น ๆ ใช่เลย…เชื้อรามาแล้ว
วิธีจัดการเชื้อราในห้องให้หายขาด
ก่อนอื่นอย่าลืมสวมอุปกรณ์ป้องกัน เช่น หน้ากาก และถุงมือ เพื่อป้องกันไม่ให้สปอร์เชื้อราและสิ่งสกปรกอื่นๆ เข้าสู้ระบบทางเดินหายใจได้
วิธีกำจัดเชื้อรา 1 : น้ำส้มสายชู + เบกกิ้งโซดา
- ผสมน้ำส้มสายชู 1:1 กับน้ำ แล้วเทใส่ขวดสเปรย์
- ฉีดลงบนเชื้อราโดยตรง ทิ้งไว้ 30–60 นาที
- โรยเบกกิ้งโซดาทับเล็กน้อย ใช้แปรงขัด
- เช็ดด้วยผ้าชุบน้ำสะอาด แล้วซับให้แห้ง
✅ เหมาะกับ | ❌ ไม่เหมาะกับ |
---|---|
กระเบื้องเซรามิก / ผนังห้องน้ำ / ร่องยาแนว | หินอ่อน / หินแกรนิต (วัสดุที่มีความเป็นด่างตามธรรมชาติ) |
สเตนเลส / โลหะเคลือบ | อะลูมิเนียม (น้ำส้มสายชูอาจกัดพื้นผิวให้หมอง) |
ผิวไม้เคลือบยูรีเทน (เช็ดเบา ๆ และต้องเช็ดแห้งตาม) | ไม้ไม่เคลือบ / ไม้ดิบ (ความชื้นจะทำให้ไม้บวมหรือเป็นคราบ) |
ผ้าเช็ดตัว ผ้าม่าน ผ้าฝ้าย (ช่วยลดคราบรา/กลิ่นอับ) | ผ้าไหม ผ้าขนสัตว์ ผ้าเรยอน (กรดอ่อนจากน้ำส้มสายชูทำลายเนื้อผ้าได้) |
พื้นไวนิล / พลาสติกแข็ง | อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (ไม่ควรใช้สารละลายใด ๆ โดยตรง) |
วิธีกำจัดเชื้อรา 2 : แอลกอฮอล์ 70%
- ใช้เช็ดบริเวณที่เป็นรา เช่น หน้าต่าง รางม่าน กระจก
- ฆ่าเชื้อไวรัสและราได้ดี ไม่ทิ้งคราบ
✅ เหมาะกับ | ❌ ไม่เหมาะกับ |
---|---|
กระจก, โลหะ, กระเบื้อง | ไม้, หนัง, พลาสติกใส, ยาง, พื้นไวนิล |
วิธีกำจัดเชื้อรา 3 : น้ำยาฟอกขาว (ไฮเตอร์)
สูตรแรงสำหรับราหนักที่ฝังแน่นในห้องน้ำหรือผนังทนความชื้น
วิธีใช้:
- เปิดพัดลมหรือหน้าต่างระบายกลิ่นเตรียมไว้
- ผสมไฮเตอร์ 1 ส่วน ต่อน้ำ 4 ส่วน (อย่าใช้เข้มข้นเกินไป)
- ใส่ถุงมือ ใช้ฟองน้ำหรือแปรงจุ่มแล้วขัดจุดที่มีเชื้อรา
- ทิ้งไว้ 10–15 นาที แล้วล้างน้ำสะอาด
ข้อควรระวัง:
- ห้ามใช้กับผิวไม้ หรือเฟอร์นิเจอร์ที่บอบบาง
- ห้ามผสมกับน้ำยาล้างห้องน้ำเด็ดขาด (อันตรายต่อระบบหายใจ)
- ระวังไม่ให้กระเด็นเข้าตาหรือผิวหนังโดยตรง
✅ เหมาะกับ | ❌ ไม่เหมาะกับ |
---|---|
ผนังห้องน้ำ / กระเบื้อง / ร่องยาแนว | พื้นไม้ / เฟอร์นิเจอร์ไม้ (โดยเฉพาะไม้ไม่เคลือบ) |
พื้นผิวซีเมนต์ / ปูนเปลือย / ปูนฉาบ | พื้นไวนิล / พีวีซี / ยาง (อาจทำให้เปลี่ยนสีหรือผิวเสื่อมสภาพ) |
สุขภัณฑ์ เช่น โถส้วม อ่างล้างหน้า | ผ้า / ผ้าม่าน / พรม (กัดสีและทำให้ผ้าเปื่อย) |
พื้นห้องน้ำที่มีคราบราเยอะ | โลหะบางชนิด เช่น อะลูมิเนียม หรือโลหะไม่เคลือบ (อาจกัดกร่อน/ขึ้นสนิม) |
วิธีกำจัดเชื้อรา 4 : ใช้น้ำยากำจัดเชื้อรา
เหมาะกับคนที่อยาก “ฉีดแล้วจบ” ไม่ต้องผสมสูตรเอง แต่อยากได้ผลลัพธ์มืออาชีพ ปลอดภัยต่อพื้นผิว เพราะแต่ละสูตรมักระบุชัดเจนว่าใช้ได้กับวัสดุอะไร เช่น กระเบื้อง ไม้ หรือผนังทาสี แล้วยังใช้งานสะดวก เพราะไม่ต้องผสมเอง ลดความเสี่ยงจากการใช้สารเคมีผิดประเภทไปได้เยอะเลยทีเดียว
เสริมแนวป้องกัน ไม่ให้รากลับมา
การกำจัดเชื้อราเพียงอย่างเดียวอาจยังไม่พอ หากไม่จัดการ “ต้นตอ” อย่างความชื้นและการระบายอากาศ เชื้อราอาจกลับมาใหม่ได้ในไม่กี่วัน การป้องกันจึงเป็นขั้นตอนสำคัญไม่แพ้การทำความสะอาด
เปิด พัดลม แอร์ หรือหน้าต่าง เพื่อช่วยให้อากาศหมุนเวียน ลดความชื้นสะสมในห้อง โดยเฉพาะห้องน้ำและห้องครัว
ใช้ เครื่องลดความชื้น (Dehumidifier) หากอยู่คอนโดหรือห้องที่ไม่มีแดดส่อง จะช่วยควบคุมความชื้นในอากาศให้อยู่ในระดับปลอดภัย
หลีกเลี่ยงการ ตากผ้าในห้องปิด โดยไม่มีการระบายอากาศ เพราะจะเพิ่มความชื้นสะสมอย่างรวดเร็ว
วาง ถุงดูดความชื้น ตามจุดเสี่ยง เช่น ตู้เสื้อผ้า ใต้เตียง ห้องน้ำ หรือในลิ้นชัก ช่วยลดโอกาสเกิดเชื้อราในพื้นที่ปิด
ทำความสะอาดและขัดห้องน้ำหรือผนังห้องเป็นประจำ โดยเฉพาะจุดที่น้ำกระเด็นบ่อยหรือมุมอับ เช่น หลังชักโครก ใต้ซิงค์ และรอยต่อกระเบื้อง
การป้องกันเชื้อราไม่ใช่เรื่องซับซ้อน แค่ “ไม่ปล่อยให้ห้องชื้น” และดูแลพื้นที่เสี่ยงเป็นประจำ ก็ช่วยให้บ้านสะอาดน่าอยู่ ปลอดภัย และไม่ต้องวนลูปจัดการซ้ำ ๆ ให้เสียเวลาอีกต่อไป
บทความที่เกี่ยวข้อง
- วิธีกําจัดราบนเสื้อผ้า ทั้งผ้าสี ผ้าขาว ใช้อะไรให้ซักออก สูตรลัดที่พ่อบ้านต้องลอง!
- วิธีแก้ปัญหาเสื้อเหม็นอับ เหงื่อเยอะ ซักผ้าหน้าฝน หนุ่มๆ ก็ไม่ต้องกังวล
- วิธีซักผ้าหน้าฝน ไม่เหม็นอับ ผู้ชายเหงื่อเยอะ ตากผ้าไม่มีแดด ตากผ้าในร่ม ต้องลองทำตาม!
- แจกสูตร! วิธีตากผ้าหน้าฝน ตากผ้าในคอนโด ไม่มีแดดก็หอมสะอาด ไม่เหม็นอับ
- กางเกงยีนส์เหม็นอับ ซักอย่างไรให้หอม ตากในร่มแล้วไม่เหม็นอับง่าย