รีเซต
แมนยู VS ลิเวอร์พูล 2020/21 : พรีวิว ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก (เลื่อนแข่ง)

แมนยู VS ลิเวอร์พูล 2020/21 : พรีวิว ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก (เลื่อนแข่ง)

แมนยู VS ลิเวอร์พูล 2020/21 : พรีวิว ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก (เลื่อนแข่ง)
EkkEReport
2 พฤษภาคม 2564 ( 03:15 )
72.3K
6

สภาพความพร้อม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

"ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมรองจ่าฝูงของตาราง แข่ง 33 นัด มี 67 แต้ม หลังจากที่ทำผลงานในลีกได้อย่างร้อนแรง ด้วยการเดินหน้าคว้าชัยมา 5 นัดรวด พวกเขาก็ทำได้แค่บุกเจ๊า ลีดส์ ยูไนเต็ด 0-0 ในเกมลีกเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว ทว่าล่าสุด ผีแดงก็กลับมาโชว์ฟอร์มโหดอีกครั้ง เมื่อเปิดบ้านถล่ม โรม่า ไปแบบเละเทะ 6-2 ในศึก ยูฟ่า ยูโรปา ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

สำหรับสภาพความพร้อมของทีมในเกมนี้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา จะยังคงไม่มี ฟิล โจนส์ และ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ที่ยังมีอาการบาดเจ็บ ส่วนนักเตะตัวหลักรายอื่นๆ ต่างฟิตสมบูรณ์ พร้อมลงสนามกันอย่างครบครัน

โดยแนวรับจะมี แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ยืนคู่กับ วิคตอร์ ลินเดเลิฟ แบ็กสองฝั่ง เป็น อารอน วาน-บิสซาก้า กับ ลุค ชอว์ ส่วนแดนกลางใช้ เฟร็ด กับ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ประสานงานกัน ขณะที่ตัวรุก 3 คน ส่ง ปอล ป็อกบา, บรูโน่ แฟร์นันด์ส และ มาร์คัส แรชฟอร์ด ลงสร้างสรรค์เกมร่วมกัน โดยมี เมสัน กรีนวู้ด ยืนเป็นศูนย์หน้าตัวเป้า

 

สภาพความพร้อม ลิเวอร์พูล

ส่วนผู้มาเยือนอย่าง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ทีมอันดับ 6 ของตาราง แข่ง 33 นัด มี 54 แต้ม หลังคว้าชัยในลีกมาได้ 3 นัดรวด พวกเขาก็ทำได้แค่ผลเสมอในเกมลีก 2 นัดหลัง โดยเกมล่าสุด ทีมแชมป์เก่า เปิดบ้านเจ๊ากับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 1-1 แบบสุดเจ็บปวด เมื่อถูกไล่ตามตีเสมอในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทำให้โอกาสในการไล่ล่าตั๋ว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เริ่มกลายเป็นงานที่ค่อนข้างยากแล้ว

สำหรับสภาพความพร้อมของทีมในเกมนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังคงหมดสิทธิ์ใช้งานกลุ่มแข้งที่ยังบาดเจ็บยาวเช่นเดิม ไม่ว่าจะเป็น เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, โฌแอล มาติป, โจ โกเมซ และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ส่วนในรายของ นาธาเนียล ฟิลลิปส์ และ เคอร์ติส โจนส์ ต้องรอเช็กสภาพความฟิต ขณะที่แกนหลักที่เหลือ ต่างฟิตสมบูรณ์พร้อมเป็นตัวเลือกในเกมนี้

โดยคู่เซ็นเตอร์ใช้ โอซาน คาบัค จับคู่กับ ฟาบินโญ่ แบ็กขวาเป็น เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ็กซ้าย แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ขณะที่แดนกลางส่ง ติอาโก้ อัลคันทาร่า, จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม และ เจมส์ มิลเนอร์ ลงคุมเกม ส่วน 3 ประสานในแนวรุกเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และ ซาดิโอ มาเน่

 

ผลงาน 5 นัดหลังสุด

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

29 เม.ย. เหย้า ชนะ โรม่า 6-2 (ยูฟ่า ยูโรปา ลีก)
25 เม.ย. เยือน เสมอ ลีดส์ ยูไนเต็ด 0-0 (พรีเมียร์ลีก)
18 เม.ย. เหย้า ชนะ เบิร์นลี่ย์ 3-1 (พรีเมียร์ลีก)
15 เม.ย. เหย้า ชนะ กรานาด้า 2-0 (ยูฟ่า ยูโรปา ลีก)
11 เม.ย. เยือน ชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 1-3 (พรีเมียร์ลีก)

ลิเวอร์พูล

24 เม.ย. เหย้า เสมอ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 1-1 (พรีเมียร์ลีก)
19 เม.ย. เยือน เสมอ ลีดส์ ยูไนเต็ด 1-1 (พรีเมียร์ลีก)
14 เม.ย. เหย้า เสมอ เรอัล มาดริด 0-0 (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก)
10 เม.ย. เหย้า ชนะ แอสตัน วิลล่า 2-1 (พรีเมียร์ลีก)
06 เม.ย. เยือน แพ้ เรอัล มาดริด 1-3 (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก)

 

ผลการพบกันนัดล่าสุด

24 มกราคม 2564 : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-2 ลิเวอร์พูล (เอฟเอ คัพ)

 

รายชื่อ 11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : ดีน เฮนเดอร์สัน (GK), อารอน วาน-บิสซาก้า, วิคตอร์ ลินเดเลิฟ, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ลุค ชอว์, สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, เฟร็ด, ปอล ป็อกบา, บรูโน่ แฟร์นันด์ส, มาร์คัส แรชฟอร์ด, เมสัน กรีนวู้ด

ลิเวอร์พูล : อลีสซง เบ็คเกอร์ (GK), เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, ฟาบินโญ่, โอซาน คาบัค, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, ติอาโก้ อัลคันทาร่า, เจมส์ มิลเนอร์, จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่

 

บทวิเคราะห์

ศึกแดงเดือดคราวนี้ กลายเป็นเกมที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อทั้ง 2 ทีม เพราะนอกเหนือจากเรื่องของศักดิ์ศรีแล้ว ผลการแข่งขันก็มีผลอย่างมากสำหรับพวกเขาทั้งคู่ โดยเฉพาะฝั่งทีมเยือนอย่าง หงส์แดง ที่ต้องการ 3 แต้มเท่านั้น เพื่อต่อความหวังในการลุ้นพื้นที่ลุยศึกฟุตบอลถ้วยใหญ่ของยุโรป ขณะที่ ปีศาจแดง เจ้าถิ่น หากเกมนี้พลาดท่าพ่ายให้กับคู่อริ ก็จะเป็นการส่งให้ทีมร่วมเมืองอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกของซีซั่นนี้อย่างเป็นทางการทันที

หากเปรียบเทียบฟอร์มการเล่นในช่วงหลัง คงต้องยกให้ ยูไนเต็ด ที่ดูดีและลงตัวกว่า โดยเฉพาะเกมล่าสุด ที่โชว์ฟอร์มสุดฮอต ไล่ยิงคู่แข่งไปถึง 6 ประตู ขณะที่เรื่องของขุมกำลัง ศักยภาพนักเตะ เรียกได้ว่า ค่อนข้างสูสีใกล้เคียงกัน ทว่าหากพูดถึงเรื่องของแรงจูงใจ ซึ่งอาจหมายรวมถึงความกดดันด้วยนั้น น่าจะเป็น ลิเวอร์พูล ที่มีมากกว่า เนื่องจากตกอยู่ในสถานการณ์ ที่ถูกบีบบังคับให้ต้องบุกคว้า 3 แต้มสถานเดียว เพื่อลุ้นตำแหน่งท็อปโฟร์ต่อไป

อย่างไรก็ตาม คาดว่าเกมนี้ทั้ง 2 ทีม น่าจะสู้กันได้อย่างสนุกสูสีและดุเดือด แบบที่ไม่มีใครยอมใคร โดยประตูแรกในเกมนี้ จะมีผลเป็นอย่างยิ่งต่อรูปเกมหลังจากนั้น ทว่าสุดท้ายแล้วเชื่อว่ามีโอกาส และมีความเป็นไปได้พอสมควร ที่เกมจะจบลงด้วยการแบ่งกันไปทีมละหนึ่งแต้ม แต่หากมีผู้ชนะ ก็ขอเอนเอียงไปทางเจ้าบ้าน ที่มีภาษีดีกว่านิดๆ ที่จะเบียดคว้าชัยในเกมนี้ไปได้

 

สกอร์ที่คาด

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-1 ลิเวอร์พูล

 

"เอกกี้รีพอร์ต"

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

>> เช็คทรรศนะกูรู "แมนยู - ลิเวอร์พูล" แดงเดือดอาทิตย์นี้ ใครจะได้เฮ!!

>> 'แมนยู-ลิเวอร์พูล'บู๊แหลก!! 5 ประเด็นร้อน ก่อนแดงเดือดอาทิตย์นี้

 

ดูสดฟรี!! ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ทุกสัปดาห์ พร้อมกีฬาชั้นนำระดับโลกแบบจัดเต็ม ต้อง App TrueID เท่านั้น

รวมข้อมูลแก้ไขปัญหาการใช้งาน รับชม หรือโปรโมชันกิจกรรมต่างๆ >> คลิกที่นี่

อัพเดทข่าว ผลบอล พรีเมียร์ลีก แบบทันใจ พร้อมวิเคราะห์คู่เด่นในรอบสัปดาห์ ส่งถึงมือคุณ
คลิกเลย!! bit.ly/2PsYXMG หรือ กด *301*32# โทรออก

ยอดนิยมในตอนนี้

ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
สัมผัสโลกไร้ขีดจำกัดกับทรูไอดี